หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 352-353
ตอนที่ 352 ชื่อ K บาร์นรกอเวจี
ความสงบที่สูงส่งแบบนี้อยู่ท่ามกลางภาวะที่ครึกครื้นตื่นเต้นยังคงสามารถกลมกลืนกันได้ เธอหวังว่าถึงตอนนั้นเขตอิทธิพลของเธอจะเป็นที่ที่มีระเบียบและอารยธรรม ไม่ใช่ที่ที่ดื่มเหล้าแล้วเกิดเรื่องได้ง่าย
อีกอย่าง ร้านคาราโอเกะและบาร์ลูกค้าจะมาใช้บริการตอนกลางคืน เท่ากับว่าจะไม่ได้ ดำเนินกิจการเกือบครึ่งวัน เป็นการสูญเปล่า เธออยากใช้ประโยชน์ครึ่งวันที่ว่า
ร้านของเธอไม่ใช่แค่สถานที่สนุกครึกครื้น สามารถใช้เป็นที่คุยธุรกิจหรือดื่มชายามบ่ายได้
“เยี่ยมเลยครับ หัวหน้าคิดถึงเรื่องนี้ได้ยังไง หรือหัวหน้าเรียนวิชาออกแบบ?” เยี่ยมจริงๆ เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้ ทั้งหมดแทบไม่ต่างกับที่เธอคาดการณ์ไว้ กระทั่งยังดีกว่า
“ทายดู?” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้สูงหน้าบาร์ ยกมือข้างหนึ่งเท้าคาง
ถึงตรงนี้บาร์เทนเดอร์รีบวิ่งรี่มาผสมเหล้า “หัวหน้า ชิมหน่อย ผมคิดค้นขึ้นเอง”
“งั้นหรือ ต้องชิมหน่อย” อีลั่วเสวี่ยรับแก้วเหล้าที่ลูกน้องคนนี้ยื่นให้ เป็นเหล้าสีเหลือง เธอจิบคำหนึ่ง แล้วคิ้วขมวดเข้าหากัน นี่เป็นเหล้าหรือ เป็นยาขมชัดๆ ขมจริง
แต่ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไร ความขื่นวาบผ่านปลายลิ้น แล้วความหวานก็ค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วปาก เป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษ
“เหล้าอะไร? พิเศษจริงๆ” ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยไปบาร์และไม่เคยกินเหล้าที่ผ่านการปรุง ที่เธอชอบคือเหล้าขาวที่ผ่านการบ่มแบบดั้งเดิม เช่น เหล้าดอกสาลี่ เหล้าดอกท้อ
ลูกน้องได้ยินอีลั่วเสวี่ยพูดชม ก็รู้สึกภูมิใจ “ยังไม่มีชื่อครับ นี่เป็นเหล้ารสชาติใหม่ที่ผมเพิ่งคิดค้นขึ้น ยังไม่ได้เอาออกเผยแพร่ หัวหน้ามีอะไรเสนอแนะไหมครับ?”
“อ้อ…งั้นชื่ออี้เถียน (ระลึกถึงความหวาน) เถอะ” อี้เถียน เมื่อเจอความขมขื่นย่อมนึกถึงความหวานในอดีต หรืออาจพูดว่าเมื่อเจอความทุกข์ก็จะคิดเอาชนะให้ได้ จะได้รับความหวานในวันหน้า เป็นเรื่องที่สวยงาม
“อี้เถียน ชื่อเพราะมากครับ ตรงกับรสชาติตอนหลังของเหล้านี้เลย ขอบคุณหัวหน้าที่มอบชื่อนี้ให้ครับ” แล้วรินให้อีลั่วเสวี่ยดื่มอีกแก้ว เขาย่อมไม่บอกว่าเขาจงใจทำเหล้ารสชาติใหม่ออกมา ดูว่าหัวหน้าจะชอบหรือไม่
หลายวันมานี้พวกเขาเห็นความเอาใจใส่และให้ความสำคัญต่อที่นี่ของเธอ และคิดว่าเธอคงเห็นความสามารถของพวกเขาแต่ละคนแล้ว เป็นความจริงที่สิ่งที่หัวหน้าชอบนั้นพิเศษมาก พวกเขามองเธอไม่ออกจริงๆ
ถึงตรงนี้หูปิงกับลูกน้องคนอื่นมานั่งที่หน้าบาร์ “หัวหน้า แล้วชื่อร้านล่ะครับ” พวกเขาตกแต่งร้านใหม่ เปลี่ยนสไตล์แล้ว ไม่ควรใช้ชื่อร้านเดิม จะไม่มีแรงดึงดูด
“ชื่อร้าน บาร์นรกเป็นไง?”
“โอ้โห บาร์นรก ตั้งชื่อไม่เหมือนใครจริงๆ! แล้วคาราโอเกะล่ะ คงไม่เรียกว่าอเวจีใช่ไหมครับ?”
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ เสียงเพลงนานาชนิดผสมปนเปกันไม่ใช่เสียงผีร้องเสียงหมาป่าหอนหรือไง สถานที่ที่มีเสียงแบบนี้ไม่ใช่นรกหรือ?”
มุมปากหูปิงกระตุก นรก อเวจี ฉายาหมอปีศาจสมกับบุคลิกของเธอจริงๆ
“ดีเลย งั้นเรียกว่าKบาร์นรกอเวจีก็แล้วกัน รวมสองชื่อไว้ด้วยกัน จำง่ายดี” ลูกน้องคิดแล้วเสนอออกมา
อีลั่วเสวี่ยตบโต๊ะ “งั้นก็ตามนี้ เปลี่ยนชื่อเสร็จก็ไปทำป้ายแล้วเปิดร้านเลย!”
คนที่เหลือพากันแปลกใจ รู้สึกเลือดในตัวร้อนระอุ บอกว่าทำก็ทำเลย เฉียบขาดจริงๆ
“Kบาร์นรกอเวจี ต่อจากนี้ช่วยกันลุย” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็ยื่นมือออกไป หูปิงเห็นเช่นนั้นก็วางมือทับข้างบน สุดท้ายทุกคนจับมือกันกลายเป็นกำปั้นใหญ่
“สู้ๆ!”
และแล้ว Kบาร์นรกอเวจีซึ่งเป็นร้านที่ไม่เหมือนใครก็ตั้งขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ไม่รู้ว่าร้านนี้จะเป็นหลักเริ่มต้นของพวกเขา และในอนาคตต้องขอบคุณการตัดสินใจในวันนี้
ตอนที่ 353 อีลั่วเสวี่ยถูกคุมตัว
“กำหนดเปิดร้านวันศุกร์เถอะ วันนั้นคนคงไม่น้อย” ขณะเดียวกันวันนั้นเธอต้องเลิกนัดทุกอย่าง มาปักหลักที่นี่ ในฐานะเถ้าแก่เปิดกิจการใหม่จะไม่มาได้อย่างไร
ทั้งวันศุกร์ยังคำนึงว่าหลังจากวันนั้นหูปิงกับเธอจะไม่มีชั่วโมงเรียน ลูกค้ายังจะเพิ่มมากขึ้นด้วย
บรรดาลูกน้องพากันผงกหัว “ทำตามที่หัวหน้าบอกครับ”
“อืม สองวันนี้พวกนายทำการโฆษณาหน่อย สามารถให้ส่วนลดบ้าง แต่ต้องเปิดร้านในวันนั้น เข้าใจไหม?” อีลั่วเสวี่ยหรี่ตา ยิ้มแล้วพูด
“วางใจเถอะหัวหน้า เราจะจัดการให้ดีครับ” บรรดาลูกน้องต่างยืนยันอย่างหนักแน่น ระยะนี้ได้รับผลสะเทือนจากอีลั่วเสวี่ย พวกเขาได้เรียนรู้ไม่น้อย จึงไม่คิดอะไรง่ายๆ แล้ว
หลังจากตัดสินใจดีแล้ว อีลั่วเสวี่ยก็ผละไปตามปกติ ที่ต้องไปเรียนก็ไปเรียน ที่ต้องเข้าสอบก็เข้าสอบ มีเวลาว่างก็จะนัดกับเฉวียนหมิงหรืออยู่เป็นเพื่อนหลิ่วเฟยซวง วันเวลาผ่านไปอย่างเบิกบานใจ
เมื่อไม่มีอีลั่วเยี่ยมาคอยหาเรื่อง วันเวลาช่างราบลื่น ส่วนศิษย์พี่คนนั้น บางทีคงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉวียนหมิง แม้จะไม่ชอบเธอแต่ก็ไม่ทำอะไรแล้ว
ระยะนี้เธอซึ่งอยู่ในระดับดาวมหาวิทยาลัยถูกอีลั่วเสวี่ยเบียดลงไป ทั้งแฟนคลับเธอไม่เรียกเธอว่าดาว จะเรียกเป็นเทพีหรือไอดอล ระดับของเธอดูเหมือนจะสูงขึ้นเหนือไอ้เวยเวยไม่น้อย
ส่วนไอ้เวยเวยดูเหมือนจะรับแสดงหนังเล็กๆ เรื่องหนึ่ง จึงปรากฏตัวในมหาวิทยาลัยน้อยลง คาดว่าคงจะอาศัยเรื่องนี้ฟื้นฐานะกลับมา ทำตัวเงียบลงไม่น้อย ส่วนหวังฮุยนั้นไม่รู้ว่าเพราะครั้งก่อนถูกอีลั่วเสวี่ยสั่งสอนค่อนข้างหนักหรือไม่ จึงไม่กล้ามาหาเรื่องเธออีก
วันนี้เป็นวันศุกร์ อีลั่วเสวี่ยมาที่อพาตเมนท์ของเธอ แล้วขับรถออกไป
“พี่ลั่วเสวี่ย วันนี้คุณจะพาผมไปสนุกที่ไหน ?” เฟิงฉี่เปลี่ยนใส่เสื้อเชิร์ต ยิ้มหน้าระรื่น
วันนี้เพื่อประกันความปลอดภัย อีลั่วเสวี่ยบอกเฟิงฉี่ว่ามีเรื่องจะปรึกษา ในเมื่อเอ่ยเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องทำจริง วันหลังถ้ามีใครถามเขาก็จะไม่เกิดปัญหา
ไม่เช่นนั้นเขาเกิดเผยพิรุธต่อหน้าเฉวียนหมิง ย่อมไม่ดี ที่เธอทำทุกอย่างตอนนี้ ยังไม่อยากให้เฉวียนหมิงรู้ ไม่เช่นนั้นเธอจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างไร ทำได้เพียงวันหน้าปล่อยให้เป็นไปเอง
อีลั่วเสวี่ยโยนยาทิพย์เม็ดหนึ่งให้เขา “จะพาคุณไปดื่มเหล้า กินนี่ซะ”
“อะไรนี่?” เฟิงฉี่เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนยาทิพย์ อะไรนี่ อีลั่วเสวี่ยหลอมยาแล้วหรือ หลอมยังไงนี่
“คุณว่าไงล่ะ?” ถึงตรงนี้อีลั่วเสวี่ยหันหน้ามา พอเฟิงฉี่เห็นหน้าตาเธอก็สะดุ้งโหยง
“ให้ตายสิ พี่ลั่วเสวี่ย นี่คุณจริงหรือ?” เป็นใบหน้าที่แปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง มีหน้ากากหนังคนที่ดีอย่างนี้เลยหรือ? หน้ากากหนังคนของโลกนี้ไม่ใช่หนังคน แต่เป็นสิ่งที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ยังปรับเปลี่ยนทรงผมด้วย รอยแผลอยู่ใต้คอลงไป ถูกพบเห็นได้ยาก
อีลั่วเสวี่ยทำตาขวาง “พูดมาก ไม่ใช่ฉันแล้วเป็นคุณงั้นหรือ ยาแปลงโฉม กินซะ คืนวันนี้เล่นปลอมตัวกัน” เฟิงฉี่ออกมาก็ต้องเปลี่ยนใบหน้าด้วย ไม่เช่นนั้นเห็นเขา แต่กลับไม่เห็นเธอ ถึงตอนนั้นจะเผยพิรุธ
เฟิงฉี่ยกขึ้นมาแตะจมูก ลองดมดู “ยาแปลงโฉม? โลกนี้มีของแบบนี้จริงหรือ?” เมื่อเขาถามด้วยความสงสัย อีลั่วเสวี่ยตบมือเขา ยาทิพย์หลุดลงไปในลำคอเขา
เป็นไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยปรากฏขึ้นตรงหน้าอีลั่วเสวี่ย เมื่อเทียบกับใบหน้าที่สดใสของเฟิงฉี่แล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดิน
“ขอดูหน่อย ขอดูหน่อย” เฟิงฉี่หยิบมือถือออกมา ดูใบหน้าตัวเอง แล้วทำตาโต ตะลึงงัน เขาลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ ไม่มีรอยต่อ ไม่มีร่องรอยการสวมหน้ากากแต่อย่างไร แบบนี้แม้แต่เทคโนโลยีขั้นสูงก็ตรวจไม่ได้