หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 374-375
ตอนที่ 374 ทำไม ไม่พอใจหรือ
ไม่สนใจหรอกว่าทำให้เขากินหรือไม่ ต่อให้ทำสำหรับแม่คนนั้น แต่เธอก็ไม่ได้กิน ตกเป็นของแกทั้งหมด เวลานี้เฉวียนสือเหมือนกำลังแย่งชิงความรักกับอีลั่วเสวี่ย แปลกแท้ๆ
เฉวียนหมิงเห็นว่านายท่านผู้เฒ่าเลิกก่อความวุ่นวายแล้ว ก็สั่นหัวด้วยความจนใจ แล้วยกมือกุมหน้าผาก รู้สึกหนักใจแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ไฟสงครามดับมอดลง เหล่าเกาเองก็พลอยดีใจไปด้วย แล้วไปปรุงอาหารที่เตรียมไว้แล้ว ไม่นานนักก็ทำอาหารเต็มโต๊ะเสร็จ ปรุงรสชาติในแบบที่นายท่านผู้เฒ่าและเฉวียนหมิงชอบ
พอได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง คนเราจะอารมณ์ดีขึ้นมาก ได้ยินผลการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ขณะที่มนุษย์กินอาหาร จะมีอะไรบางอย่างหลั่งออกมามากที่สุด ทำให้จิตใจเบิกบาน
นี่คือเหตุผลที่ว่าคนที่จิตใจเบิกบานดีจึงมักอ้วนง่าย เพราะเมื่ออารมณ์ดีก็จะกินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นคนที่มีชีวิตด้วยการใช้ความเศร้าและความแค้นเป็นพลังในการกิน ที่จริงเปล่าประโยชน์
“นายท่าน น้ำแกงครับ” เหล่าเกาใช้ทัพพีตักน้ำแกงชามหนึ่งยื่นมาตรงหน้านายท่านผู้เฒ่าก่อน น้ำแกงข้นแต่ไม่เลี่ยน ส่งกลิ่นหอม พอเห็นก็ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร
เฉวียนสือเหลือบมองเฉวียนหมิง แล้วใช้ช้อนตักน้ำแกงขึ้นมา เป่าให้เย็นลงแล้วกิน พอน้ำแกงเข้าปากก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าสายตาเจิดจ้าขึ้นทันที นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหลานชายตนจะมีพรสวรรค์ในเรื่องการทำอาหาร
แต่พอเห็นสีหน้าหลานชายบูดบึ้ง นายท่านผู้เฒ่าก็เบ้ปาก วางช้อนกลับลงไปในชาม เกิดเสียงกระแทกดังกังวานใส
เหล่าเกาเห็นเช่นนั้นก็รีบยกน้ำแกงให้เฉวียนหมิง “นายน้อยกินน้ำแกง มีอะไรค่อยๆ คุยกัน กินข้าวสำคัญกว่าครับ” คนเราต้องกินข้าวจึงจะมีพละกำลัง ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่แค่ไหน กินข้าวก่อนแล้วค่อยว่า
สุดท้ายเฉวียนหมิงนึกขึ้นได้ว่าตนเองเตรียมน้ำแกงไว้ให้อีลั่วเสวี่ย แล้วนึกถึงที่เธอกำชับไว้ว่าอย่าทำให้ปู่ไม่สบายใจ เขาจึงเริ่มกินอาหาร
ทั้งสามกินมื้อเที่ยงอย่างเงียบๆ จนเสร็จ อาหารมื้อนี้ช่วยทำให้บรรยากาศก่อนหน้านี้เจือจางลงไม่น้อย
“ผมอิ่มแล้ว เชิญปู่ตามสบายครับ ที่บริษัทยังมีเอกสารที่ต้องจัดการ ผมจะไปที่ห้องหนังสือก่อน เหล่าเกา ช่วยเก็บโต๊ะด้วย” เฉวียนหมิงพูดจบก็เดินไปที่บันได
อาเสวี่ยบอกให้เขาคุยกับปู่ดีๆ อย่าทำให้เรื่องบานปลาย เขาเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมปู่ของตนอย่างไร เขารู้ดีว่าปู่เป็นคนหัวรั้น
“เดี๋ยวก่อน!” นายท่านผู้เฒ่าเห็นเฉวียนหมิงจะผละไป คิ้วขมวดแน่นทันที แล้วร้องเรียกไว้
“ปู่ ยังมีเรื่องอะไรหรือครับ?” ยิ่งท่าทางมีมารยาทมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่าเฉวียนหมิงขณะนี้ยิ่งโกรธมากขึ้น
นายท่านผู้เฒ่านั่งบนโซฟาในห้องรับแขก “แน่นอนว่ามี เย็นวันนี้หลังจากหกโมงครึ่ง ไปร่วมงานเลี้ยงกับปู่”
เฉวียนหมิงตอบโดยไม่ต้องคิด “ไปไม่ได้ ผมไม่ว่างครับ!” เกิดเรื่องในวันนี้ ไม่ว่าจะงานเลี้ยงอะไร เขาไม่สนใจทั้งสิ้น
“ไม่ได้! แกต้องไปกับปู่! ปู่รับปากตาแก่ฟางแล้ว แกอยากให้ปู่เสียคำพูดหรือ?” นายท่านผู้เฒ่ากลอกตา แล้วโยนการตอบให้เฉวียนหมิงตัดสินใจ
เฉวียนหมิงชะงักเล็กน้อย ดวงตาฉายแววจนใจ “ทราบแล้วครับ”
“ว่าไง แกไม่พอใจหรือ?”
“ไม่ครับ” ไม่ใช่แค่ไม่พอใจ แต่ไม่พอใจมาก เขาไม่อยากคบหากับตระกูลฟาง หนานกรุ๊ปกับเฉวียนกรุ๊ปประจันหน้ากัน เป็นการต่อสู้อย่างเปิดเผย แต่ตระกูลฟางใช้วิธีที่ลึกล้ำกว่า
เผชิญหน้ากับเสือยังพอไหว แต่กับสุนัขป่าที่เจ้าเล่ห์ เขาไม่อยากคบหาด้วย ยิ่งกว่านั้นตระกูลฟางไม่ใช่เป็นเพียงสุนัขป่า เป็นเหมือนร่างรวมของสุนัขป่ากับสุนัขจิ้งจอก แต่ปู่ตนมองไม่ออก
ปู่มักคิดว่านายท่านผู้เฒ่าแห่งสกุลฟางเป็นเพื่อน ทำให้มองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป
“ช่างเถอะ ปู่ไม่พูดอะไรกับแกแล้ว ยังไงคืนนี้แกไปกับปู่ก็จะรู้เอง” นายท่านผู้เฒ่าโบกมือ ปู่กับหลานไยต้องบาดหมางกันถึงขั้นนี้ สักวันเจ้าหนูนี่ก็จะรู้เองว่าเขาหวังดีเพียงไร
ตอนที่ 375 หัวหน้าท่าทางไม่สบายใจ
เฉวียนหมิงไม่ถือสาปู่ของตน ไปงานเลี้ยงก็ได้ ขืนขัดใจปู่อีก ปู่คงเอาความไม่พอใจทั้งหมดโยนให้เป็นความผิดของอาเสวี่ยอีก
เฉวียนหมิงไม่พูดอะไรที่จะทำให้ขัดแย้งกับปู่รุนแรงขึ้น เขาชะงักฝีก้าวเล็กน้อย ฟังจนจบแล้วกลับไปที่ห้องของตน
“หึ! นี่มันอะไรกัน” นายท่านผู้เฒ่าโมโหจนคิ้วขมวดแน่น อยากจะตบโต๊ะชาแล้วพบว่าโต๊ะตัวนี้เตี้ยไปหน่อย จึงเลิกล้มความคิด
เหล่าเกาจัดการข้าวของในครัวอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกมา
“นายท่าน จะพักผ่อนหน่อยไหมครับ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะหกโมงครึ่ง”
นายท่านผู้เฒ่าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “พอถึงเวลาแล้วเรียกฉันด้วย จำไว้ อย่าให้เจ้าหนูแวบออกไป” ก่อนหน้านี้เขาเรียกเฉวียนหมิงให้ไปร่วมงานเลี้ยง มักจะถูกเขาหาข้ออ้างต่างๆ เพื่อปฏิเสธ
ถ้าไม่ได้ผลก็เผ่นหนีไปดื้อๆ แต่ตอนนี้เขาจะไม่ยอมให้หลานชายทำอย่างนั้นอีก ต้องให้เฉวียนหมิงไปงานเลี้ยงวันนี้ให้ได้
มุมปากเหล่าเกากระตุกเล็กน้อย “นายท่านวางใจเถอะ ในเมื่อนายน้อยรับปากแล้ว เมื่อพูดได้ก็ต้องทำได้ครับ” เฉวียนหมิงเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ยิ่งกว่านี้เป็นการรับปากกับปู่ตนเอง
บวกกับที่เกิดเรื่องในวันนี้ เขาไม่ปฏิเสธแน่ ไม่เช่นนั้นนายท่านผู้เฒ่าย่อมไม่หายโมโหง่ายๆ วันหลังจะอยู่อย่างไม่สงบสุข
อีกอย่างข้างนอกมีบอดี้การ์ดมากมายขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่านายท่านตั้งใจไว้แล้ว เฉวียนหมิงไม่ตกลงก็ต้องตกลง ถ้าเขาอยากไปจากที่นี่ คงไม่ใช่เรื่องง่าย พูดได้ว่าต่อให้ติดปีกก็บินไปได้ยาก
“อืม” ดูเหมือนนายท่านผู้เฒ่าจะคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาวางไม้เท้าลง เดินมือไพล่หลังไปยังห้องของตน เหล่าเกาถอนหายใจ เก็นจานชามเงียบๆ แล้วทำความสะอาดห้อง
เฉวียนหมิงกลับมาที่ห้อง หยิบมือถือขึ้นอยากโทรหาอีลั่วเสวี่ยแต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เขาจ้องมองหมายเลขที่ตนเองคุ้นเคยดีจนท่องตัวเลขกลับหลังได้ แม้แต่ในฝันก็ไม่ลืม สุดท้ายเฉวียนหมิงไม่มีความกล้าที่จะโทรไป
บางทีอาจเป็นอย่างที่อีลั่วเสวี่ยบอก พวกเขาจำเป็นต้องสงบลงบ้าง หาวิธีรับมือกับนายท่านผู้เฒ่าให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้อารมณ์ดีเพียงไร พอเขาเข้ามาแทรกแซงก็ต้องผละจากกันอย่างไม่สบายใจ ที่พวกเขาเผชิญอยู่ไม่ใช่มือที่สาม แต่เป็นคนที่จัดการยากกว่ามือที่สาม
“อาเสวี่ย…” เฉวียนหมิงพึมพำชื่อเธอออกมา สุดท้ายจึงวางมือถือลง แล้วหยิบเอกสารขึ้นมาสะสาง ขอเพียงจัดการงานต่างๆ ของบริษัทให้ดี สามารถใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์
การตัดสินใจของเขาถูกต้องแล้ว อีลั่วเสวี่ยจะพูดหรือไม่ไม่ส่งผลต่อบริษัท ต่อให้ไม่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงมากอย่างไหลย่ากรุ๊ป เฉวียนกรุ๊ปก็สามารถรุ่งเรืองขึ้นได้ด้วยตัวเอง
แล้วเฉวียนหมิงก็เริ่มทุ่มเททำงานในสภาพเช่นนี้ อีกด้านหนึ่ง อีลั่วเสวี่ยคอยมองมือถือเป็นระยะๆ บอกไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไร สุดท้ายจึงเก็บมือถือใส่กระเป๋าถือ แล้วมองไปข้างหน้า
“คุณครับ ถึงแล้ว” คนขับพูดเตือนอีลั่วเสวี่ยหลังจากมาถึงที่แล้ว
“อ้อ” อีลั่วเสวี่ยจ่ายค่าแท็กซี่แล้วเดินตรงไปยังบริษัท เธอกดปุ่มลิฟท์ พอประตูลิฟท์เปิดออกก็พบพนักงานที่เพิ่งกลับมาจากการกินมื้อเที่ยง
คนเหล่านี้แปลกใจเมื่อเห็นอีลั่วเสวี่ย “ท่านประธาน มาทำไมหรือคะ?” น่าแปลก เพราะปกติเถ้าแก่ของพวกตนจะมาวันสุดท้ายของสัปดาห์ บางครั้งก็ไม่มา แต่วันนี้เพิ่งวันเสาร์
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ทำไมล่ะ ฉันมาไม่ได้หรือไง พวกคุณดูตื่นเต้น หรือตอนที่ฉันไม่อยู่พวกคุณแอบอู้งาน?” พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในลิฟท์
บรรดาพนักงานพากันสั่นหัว “ไม่มีอะไรค่ะ พวกเราแค่รู้สึกแปลกใจ ที่ท่านประธานมาคอยชี้แนะงาน เป็นสิ่งที่เราทุกคนใฝ่ฝันค่ะ”