หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 404-405
ตอนที่ 404 รอให้คุณยอมบอกผม
อีลั่วเสวี่ยเผยอปาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “ “ฉัน…” เธอจะพูดอย่างไรดี หรือจะให้บอกว่าเธอรู้จักการบำเพ็ญเพียร โลกนี้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ด้วย
ถ้าหากเธอพูดเรื่องทั้งหมดออกไป เฉวียนหมิงอาจจะคิดว่าเธอเสียสติไปแล้ว หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเธอกำลังแสดงละคร ถ้าเรื่องบานปลายเธอก็อาจจะถูกพาไปทำการวิจัยก็ได้
เอาเถอะ ตอนนั้นที่เธอรับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมก็คิดเช่นนี้ การเกิดเรื่องที่ยากจะอธิบายได้ หรือถ้าคุณมีพลังวิเศษ ก็อาจถูกคนที่มีเจตนาร้ายคอยจ้อง เธอทำไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
เวลานั้นเจ้าของร่างเดิมเพิ่งแต่งเข้าสกุลเฉวียน ไม่ไว้ใจเฉวียนหมิง เธอย่อมไม่กล้าเปิดเผยเรื่องทั้งหมดออกไป
“พี่ลั่วเสวี่ย…เสร็จ…หรือยังครับ?” เฟิงฉี่เคาะประตูห้องเบาๆ เปิดแง้มออกเป็นช่อง เห็นอีลั่วเสวี่ยยืนอยู่ ไม่ได้กำลังแทงเข็ม จึงเปิดประตูออก เขาตกตะลึงเมื่อเห็นเฉวียนหมิงฟื้นแล้ว
ตายจริง ฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่าเขารู้แล้ว
สายตาเฉวียนหมิงมาอยู่บนร่างเฟิงฉี่ เฟิงฉี่เบ้ปาก แล้วหัวเราะแฮ่ๆ อย่างรู้สถานการณ์ ปิดประตูแล้วผละไป
“คุณพระช่วย” สายตานั่นน่ากลัวจริงๆ ท่าทางเหมือนจะเล่นงานเขาให้หนัก ชวนให้ขวัญผวา ใช่แน่นอน ลั่วเสวี่ยถูกเปิดเผยแล้ว ตอนนี้เขาโกรธมาก จะทำอย่างไรดี ใช่ ให้พ่อไปพูดไกล่เกลี่ยดีกว่า
หมิงเย่เห็นท่าทางลูกชายตกใจจนขวัญกระเจิง เขาจิบชาคำหนึ่งแล้วถาม “เป็นอะไรไป ทำไมทำท่าทางแบบนั้น ลั่วเสวี่ยเสร็จหรือยัง?” ครั้งก่อนใช้เวลาไมนานเท่านี้
ครั้งนี้เฟิงฉี่เรียกเธอช้ากว่าเดิมสิบกว่านาที หรือว่าไปรบกวนเธอแล้ว?
เฟิงฉี่กลืนน้ำลาย รีบวิ่งไปที่ข้างตัวบิดา “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พี่เขยฟื้นแล้วครับ”
มือหมิงเย่ที่ถือถ้วยชาไว้สั่นเล็กน้อย น้ำชากระฉอกออกมา “ลูกว่าอะไรนะ? เป็นไปได้อย่างไร?” เขาฉีดยานอนหลับให้ไปแล้ว ไม่น่าจะตื่นขึ้นเร็วอย่างนี้ หรือที่เขาใช้เป็นยาปลอม จะเป็นไปได้หรือ
“จริงแท้แน่นอนครับ ดูเหมือนพี่ลั่วเสวี่ยจะถูกเปิดเผยแล้ว” ก่อนจะจากมาเขาชำเลืองมองอีลั่วเสวี่ยแวบหนึ่ง พบว่าในมือถือมีเข็มเงินเล่มหนึ่ง ส่วนเฉวียนหมิงดึงมือเธอไว้ ถ้าไม่พบเห็นก็คงบ้าไปแล้ว
หมิงเย่ได้ยินเช่นนี้ก็วางถ้วยชาลงทันที ตรงไปที่ห้องของเฉวียนหมิงแล้วเคาะประตู
เพียงครู่เดียวก็มีเสียงเฉวียนหมิงดังขึ้นในห้อง น้ำเสียงราบเรียบ “เข้ามาได้”
เขาฟื้นแล้วจริงๆ หมิงเย่กับลูกชายมองดูแวบหนึ่งแล้วเดินเข้ามา พบว่าเฉวียนหมิงนั่งที่หัวเตียง อีลั่วเสวี่ยนั่งอยู่ข้างๆ เข็มเงินที่ใช้แล้วถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านข้าง
“เจ๊” เฟิงฉี่ร้องเรียกอีลั่วเสวี่ย สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม แววตาเธอไม่มีความรู้สึกใดๆ
หมิงเย่กระแอมเบาๆ “เรื่องนี้…เฉวียนหมิง ฉัน…”
“คุณรู้เรื่องนี้ ยังช่วยอาเสวี่ยปิดบังผม” น้ำเสียงเฉวียนหมิงราบเรียบ สายตาอ่อนโยน แต่หมิงเย่กลับรู้สึกหนักใจ ตามหลักแล้วเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่จำเป็นต้องกลัวเด็กรุ่นหลัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาจึงรู้สึกผิดในใจ
“ฉันเองที่ขอให้คุณหมอหมิงอย่าพูด เพราะฉันกลัวว่าคุณปู่จะไม่เห็นด้วย ไม่ไว้ใจฉัน” อีลั่วเสวี่ยพูดโดยไม่รอให้หมิงเย่อธิบาย
เฉวียนหมิงผงกหัว สายตาอยู่ที่ร่างเฟิงฉี่ คราวก่อนอาเสวี่ยไปพักที่โรงแรม ระหว่างทางเจอกับเฟิงฉี่ เดิมเขาคิดว่าเป็นเพียงความบังเอิญ เวลานี้ดูแล้วยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้
“พี่เขย อย่ามองผมอย่างนั้นสิ ทำให้รู้สึกเครียด” เฟิงฉี่รู้สึกเกร็ง ท่าทางหวาดผวา
อีลั่วเสวี่ยจ้องมองเฉวียนหมิง “ฉันเองที่ขอให้พวกเขาอย่าบอกคุณ เฉวียนหมิง เพราะฉันไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจที่ว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติดำรงอยู่ไหม ฉันก็เลย…ต้องเลือกที่จะนิ่งเงียบ”
ตอนที่ 405 เผยเรื่องทั้งหมด
หมิงเย่เห็นทั้งสองพูดคุยกัน จึงดึงตัวลูกชายออกไปจากห้อง ปล่อยให้อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงอยู่กันตามตามลำพัง
เฉวียนหมิงทุ่มเทใจให้อีลั่วเสวี่ย แต่เวลานี้พบว่าเธอไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่ตนเองมองเห็นภายนอก เขาคงตกใจมาก เธอยังเป็นแค่นักศึกษาและไม่เคยสัมผัสการแทงเข็มมาก่อน แต่กลับเชี่ยวชาญเช่นนี้ ยังเรื่องที่เธอรู้จักบำเพ็ญเพียรก็สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน พวกเขาทีแรกก็แปลกใจมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉวียนหมิงที่ไม่เคยสัมผัสเรื่องเหล่านี้
“พี่เขย ที่พี่ลั่วเสวี่ยทำเช่นนี้ก็เพราะมีความลำบากใจ เธอไม่เคยทำร้ายคุณ” ก่อนที่ประตูจะปิด เฟิงฉี่ฉุกคิดถึงอะไรบางอย่าง แล้วรีบอธิบายแทนอีลั่วเสวี่ย
หลังจากปิดประตูแล้ว หมิงเย่ดึงลูกชายไปด้านข้างทันที “เรื่องของผัวเมีย ลูกอย่าไปยุ่ง”
ในห้อง อีลั่วเสวี่ยจ้องมองเฉวียนหมิง ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี จึงได้แต่นิ่งเงียบ เธออีลั่วเสวี่ยแต่ไหนแต่ไรทำอะไรจะตามใจตัวเอง ไม่เคยคิดว่าทำอะไรแล้วจะต้องมีคำอธิบายกับคนอื่น
แต่สำหรับเฉวียนหมิงแล้วเธอกลับรู้สึกลำบากใจและว้าวุ่นใจ เธอคิดว่าเธอพบจุดอ่อนของตนเองแล้ว เฉวียนหมิงก็คือจุดอ่อนของเธอ
“อาเสวี่ย ถ้าคุณไม่อยากพูด ผมก็จะถือว่าไม่รู้ คุณไม่ต้องวิตก” เฉวียนหมิงเห็นท่าทางเธอกังวล จึงยืนมือออกไปดึงมือเธอ สีหน้าจริงจัง
ไม่ว่าจะอย่างไร เธอไม่เคยทำร้ายตนเอง กลับคอยแอบช่วยอยู่เงียบๆ พลังทิพย์ไม่ใช่สิ่งที่จะบำเพ็ญเพียรให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่เธอยินดีที่จะถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายตนทีละน้อย พอที่ยืนยันถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของตนในใจเธอ
เอาเถอะ ดีที่เฉวียนหมิงไม่รู้ว่านอกจากตัวเขาแล้ว เธอยังเคยใช้พลังทิพย์รักษาคนอื่น ถ้าเขารู้คงจะหึงหวงแน่นอน
แต่ตอนนี้เธอไม่ยอมพูด เธอย่อมมีเรื่องที่ต้องคำนึง จะอย่างไรบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรจะเร้นกายอยู่ในเมือง ส่วนใหญ่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีพลังเช่นนี้ อย่างเฟิงฉี่เป็นต้น
เขาอยู่ภายนอกทั้งบำเพ็ญเพียรและศึกษาวิชาแพทย์ แต่ที่จริงเขาใช้วิชาแพทย๋เพื่อปิดบังฐานะผู้บำเพ็ญเพียร ส่วนเฉวียนหมิงเคยพบเห็นผู้บำเพ็ญเพียรนั้น มาก่อน ไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้
เมื่อเฉวียนหมิงพูดเช่นนี้อีลั่วเสวี่ยก็ถอนหายใจ ในใจนึกตัดสินใจแล้ว “เฉวียนหมิง คุณตั้งใจฟังให้ดี ที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คุณต้องตกใจแน่นอน แต่ที่ฉันจะพูดเป็นความจริงทุกคำ
ถ้ารู้สึกว่าไม่สามารถรับได้ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ฉันจะเคารพการตัดสินใจของคุณ จากไปก็ดี หรือจะช่วยคุณลบความจำก็ดี” เมื่อกี้เจ้าลูกบอลเงินบอกแล้ว มียาชนิดหนึ่งเหมือนยาลืมรักในตำนาน ถ้าให้เฉวียนหมิงกิน เขาจะจำเธอไม่ได้อีกแล้ว
“อาเสวี่ย คุณกำลังพูดอะไร อย่าล้อเล่น ผมไม่ยอมให้คุณจากไป ไม่เด็ดขาด! เว้นแต่ผมตายแล้ว!” ต่อให้โลกนี้กำลังจะล่มสลาย ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ จะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด ไม่เด็ดขาด
อีลั่วเสวี่ยหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจจะเผยความจริงทั้งหมด จะต้องเผชิญกับเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว งั้นอาศัยโอกาสนี้เลย
“เฉวียนหมิง ฉันไม่ใช่อีลั่วเสวี่ย ฉันคือมั่วเสี่ยวชิง”
พอเธอพูดคำนี้ออกมา ทำให้เฉวียนหมิงหวั่นใจ “อาเสวี่ย คุณอย่าพูดอีกเลย ผมง่วงแล้ว ผมอยากพักผ่อนก่อน” เขาพูดเสร็จก็นอนลง จะหันหน้าไปทางอื่น
แต่เขายังไม่ทันนอนลง อีลั่วเสวี่ยก็ลุกขึ้น มายืนอยู่ข้างเตียง “คุณควรจะรู้ว่าที่ฉันพูดหมายความว่าอย่างไร เฉวียนหมิง อย่าหลอกตัวเอง ฉันเองก็ไม่อยากหลอกตัวเอง แม้ฉันจะมีรูปกายและฐานะของอีลั่วเสวี่ย แต่วิญญาณฉันเป็นอีกคนหนึ่ง มั่วเสี่ยวชิง
มาจากโลกที่ต่างออกไป ก็คือที่พวกคุณพูดว่าวิญญาณแห่งโลกโบราณ ฉันตายแล้ว จากนั้นก็ทะลุมิติมาถึงที่นี่ หรือคุณไม่ได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าฉันเวลานี้ต่างจากอีลั่วเสวี่ยเมื่อก่อน?”