หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 432-433
ตอนที่ 432 มีที่ไหนที่เหมาะ
“อาเสวี่ย นี่เป็นปัญหาเดิม พักสักหน่อยก็จะดีขึ้นเอง ผมไม่อยากให้คุณกังวล” นับจากที่ก่อนหน้านี้เกิดสภาพแบบนี้หลายครั้ง เขาพบว่าก็แค่เป็นผลที่เกิดภายหลังการกินยาเท่านั้น
เหมือนขณะนี้พอเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็เริ่มมีความรู้สึกแล้ว เขาก็แค่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นความอ่อนแอของตนเองตลอด ที่มากกว่าก็คือไม่อยากให้อีลั่วเสวี่ยกังวล นี้เป็นความในใจของเขา
อีลั่วเสวี่ยทำตาขวางใส่เขาอย่างไม่พอใจ “แล้วคุณคิดว่าถ้าปิดบังฉันแล้วฉันก็จะไม่กังวลงั้นหรือ?”
พอเธอพูดเช่นนี้ เฉวียนหมิงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ได้แต่มองเธอด้วยความจนใจ “อาเสวี่ย ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คราวหน้าผมจะไม่เป็นอย่างนี้อีก”
“คราวหน้า คุณยังอยากมีคราวหน้าหรือ นอนลงให้ดี ฉันจะแทงเข็มให้ อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ” คนอย่างเขาพอไม่สบายก็ไม่บอกให้เธอรู้ ทนลำบากเพื่ออะไร
เธอบอกเขาแล้วว่าเธอเป็นนักหลอมยา ก็คือที่โลกนี้เรียกว่าหมอ เธอรู้วิชาแพทย์ไม่น้อย ทำไมเขาถึงไม่เชื่อน่า คนโง่
“ได้ ผมจะอยู่นิ่งๆ” เฉวียนหมิงถอดเสื้ออกอย่างเชื่อฟังแล้วนอนลงไป สุดท้ายก็หน้าแดงขณะที่ถอดกางเกงออก แทงเข็มครั้งก่อนก็เป็นแบบนี้
อีลั่วเสวี่ยหยิบเข็มเงินห่อใหญ่ออกมาราวกับใช้มายากลเสกออกมา นี่เป็นเข็มเงินที่เธอซื้อเองภายหลัง เฉวียนหมิงต้องแทงเข็มหลายจุดมาก เตรียมเข็มมากหน่อยย่อมดีกว่า
อีลั่วเสวี่ยเริ่มลงมือแทงเข็มอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่พูดแม้แต่คำเดียวระหว่างที่ลงมือแทงเข็ม เฉวียนหมิงเองก็ไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าจะรบกวนเธอ
ขณะนี้ในใจอีลั่วเสวี่ยก็วิตกมาก เธอตรวจชีพจรวันนี้พบว่าอาการเขาแย่ลงทุกที เวลานี้ก็ใกล้ถึงเวลาหนึ่งปีแล้ว
เดิมบอกว่ายานี้มีผลต่อเนื่องสองปี แต่ปัญหาก็คืออาการเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็เหมือนมะเร็ง บางทีเมื่อวานก็ยังควบคุมได้ดี แต่วันถัดมามะเร็งกลับขยายลุกลามอย่างบ้าคลั่ง ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
ดูแล้วเธอจำเป็นต้องหลอมโอสถทิพย์ให้เฉวียนหมิงแล้ว ทั้งยังต้องทำอย่างเร่งด่วนด้วย จะรอต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดเธอก็ต้องหลอมโอสถทิพย์ออกมาให้ได้
“แม่คุณ เจ้าอย่าใจร้อน สมุนไพรทิพย์ที่เจ้าให้ข้าช่วยหาให้ ข้าแจ้งออกไปให้รวบรวมแล้ว เชื่อว่าร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ร้านอื่นคงจะมีคำตอบเร็วๆ นี้” เงินของมันล้วนถูกใช้เพื่อซื้อสมุนไพรเหล่านี้แล้ว
เป็นเพราะสภาพการณ์ไม่อำนวย ไม่งั้นมันคงบินไปหาทื่โลกเดิมของอีลั่วเสวี่ยแล้ว
อีลั่วเสวี่ยเม้มริมฝีปาก ร้องอืมในใจ เธอขจัดความคิดอื่นออกไปจากหัว มุ่งสมาธิแทงเข็มต่อไป จากนั้นก็ถ่ายทอดพลังทิพย์ ระหว่างนั้นเฉวียนหมิงร้องห้ามเธอ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของเธอได้
หลังจากเฉวียนหมิงได้รับการแทงเข็มและได้พลังทิพย์ อาการก็หายเป็นปกติ นี่คือความวิเศษของโอสถทิพย์และพลังทิพย์
หลังจากเธอรักษาเขาแล้วก็บอกให้เขาพักผ่อน เธอเองจะกลับไป
“อาเสวี่ย คุณโมโหหรือ?” เฉวียนหมิงรู้สึกกระสับกระส่าย แล้วนึกเสียใจ เขาไม่ควรปิดบังเธอ
อีลั่วเสวี่ยเชิดมุมปากขึ้น “โมโห ฉันโมโหแล้วจะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ฉันจะกลับไปค้นคว้าว่าจะจัดการกับโรคของคุณอย่างไรดี ระยะนี้คุณพักผ่อนดีๆ จำไว้ มีเรื่องอะไรต้องบอกฉันหรือหมอหมิง”
เฉวียนหมิงรูว่าอีลั่วเสวี่ยคงต้องค้นคว้าตำราแพทบ์โบราณ จึงไม่ขอร้องให้เธออยู่ต่อ “ได้ ผมรู้แล้ว แต่อาเสวี่ยคุณเองก็ต้องพักผ่อนบ้าง เรี่องนี้ต้องค่อยๆ ทำ ผมจะรอคุณ”
นอกจากพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลังจาออีลั่วเสวี่ยออกจากคฤหาสน์ของเฉวียนหมิง สีหน้าเธอดูหนักใจ บังเอิญมือถือดังขึ้นพอดี
ตอนที่ 433 หาคนช่วย
“เจ๊ ทำอะไรอยู่? ไม่เจอกันนานแล้ว หูปิงกับพวกถามว่าเมื่อไหร่คุณจะแวะดื่มเหล้าบ้าง ทุกคนคิดถึงคุณมาก” เฟิงฉี่ทางด้านนั้นดูเหมือนกำลังดื่มเหล้า อารมณ์ดีมาก
หลังจากที่อีลั่วเสวี่ยแนะนำวิธีบำเพ็ญเพียรที่ต้องประสานระหว่างการทำงานกับการพักผ่อน พอเขามีเวลาว่างก็จะมาดื่มเหล้าที่นี่หรือไม่ก็ไปยังบ้านไร่หนงเจียเล่อเพื่อเดินเล่น แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญเพียร
อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “ช่วงนี้ยุ่งหน่อย ไม่คุยแล้ว กำลังขับรถ”
“เดี๋ยวก่อน เจ๊ อารมณ์เสียหรือ ผมฟังน้ำเสียงคุณแล้วเหมือนมีเรื่องหงุดหงิด เกิดเรื่องอะไรหรือ?” ในฐานะผู้บำเพ็ญเพียร พวกเขาไม่เพียงมีประสาทรับความรู้สึกที่ดีเยี่ยม ยังไวต่อเรื่องต่างๆ มาก
ขณะที่อีลั่วเสวี่ยจะพูดว่าไม่มีอะไร จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ แล้วพูดว่า “จริงสิ เฟิงฉี่ คุณมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย มีเรื่องที่จะปรึกษาด้วย เร็วหน่อย ฉันรอคุณที่บ้าน ให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงมาให้ถึง”
จากนั้นเธอก็วางสาย ขับรถมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของตน
เฟิงฉี่ถูกวางสายก็รู้สึกแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น ให้ไปถึงในหนึ่งชั่วโมง เรื่องอะไรถึงใจร้อนอย่างนี้?”
“ท่านเจ็ด เกิดอะไรขึ้นหรือครับ เถ้าแก่บอกว่าจะแวะมาไหม วันนี้ผมปรุงเหล้ารสใหม่ออกมา กำลังอยากให้เธอมาชิม ช่วยติชมด้วย” บาร์เทนเดอร์สีหน้าสงสัย พูดพร้อมกับรินเหล้าเพิ่มให้เฟิงฉี่
“ไม่มาแล้ว ฉันเองก็จะไป วันหลังค่อยมา พวกนายดูแลร้านให้ดี” เขายกเหล้าขึ้นดื่ม แล้วรีบออกจากร้านเคบาร์
ระหว่างทางเฟิงฉี่คอยกระตุ้นให้คนขับแท็กซี่ขับเร็วๆ รถพุ่งทะยานมาจนถึงหน้าประตูคฤหาสน์ของอีลั่วเสวี่ย เขาเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับโยนธนบัตรสองใบให้คนขับที่ยังใจสั่นไม่หาย
“ฝีมือขับรถไม่เลวนี่ แต่ยังต้องฝึกอีก ไม่แน่นะอาจจะได้เป็นนักแข่งรถ คุณเป็นยอดนักขับรถที่ถูกอาชีพแท็กซี่ทำให้เสียโอกาสไป” เฟิงฉี่พูดล้อเล่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคำพูดประโยคนี้จะเปลี่ยนชีวิตของคนขับแท็กซี่คนนี้
“มีเหตุผล แบบนั้นตื่นเต้นสุดๆ ต้องหาเวลาไปฝึกบ้าง?” คนขับแท็กซี่พูดกับตัวเองอย่างพอใจแล้วเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานออกไปทันที
ยามประตูเห็นเฟิงฉี่เป็นคนคุ้นเคย ทั้งอีลั่วเสวี่ยก็กำชับไว้ก่อนแล้ว จึงเปิดประตูให้เขาเข้าไปได้เลย
“เจ๊ เรื่องอะไรหรือถึงได้ใจร้อนอย่างนี้ พูดทางโทรศัพท์ไม่ได้หรือ?” เฟิงฉี่มาถึงห้องรับแขก ยังไม่หายสงสัย
ขณะนี้อีลั่วเสวี่ยกำลังหลับตา คิดทบทวนเทียบยาและสมุนไพรทิพย์ของโลกก่อนที่สามารถรักษาอาการป่วยของเฉวียนหมิงได้
การมาถึงของเฟิงฉี่ทำให้เธอลืมตาขึ้น “คุณมาแล้ว นั่งสิ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“เป็นเรื่องของเฉวียนหมิง ยังมีโอสถทิพย์ที่เขากินครั้งก่อนไหม เอาให้ฉันดูหน่อย ฉันอยากรู้ว่ามีตัวยาอะไรในนั้นบ้าง?” สภาพร่างกายของเฉวียนหมิงต่างกับพวกเขาในโลกนั้น
ตอนนี้เขากินโอสถทิพย์ไปแล้ว แต่เธอต้องการหลอมโอสถทิพย์ขึ้นใหม่ที่เหมาะกับสภาพร่างกายของเขา ยังต้องเลี่ยงไม่เห็นเกิดอาการแทรกซ้อนของยาด้วย ป้องกันไม่ให้เกิดผลร้ายที่ไม่คาดคิด
เฟิงฉี่สั่นหัว “โอสถทิพย์ไม่ได้อยู่กับผม ผมเอาให้พ่อไปแล้ว ดูเหมือนยังเหลือเม็ดหนึ่ง” เขาเอามาทั้งหมดสามเม็ด ให้เฉวียนหมิงกินเม็ดหนึ่ง อีกเม็ดบิดาเขาเอาให้คนอื่นกิน แต่คนคนนั้นมีสภาพดีกว่าเฉวียนหมิง
“เจ๊ ทำไมจู่ๆ คุณก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา อาการป่วยของพี่เขยนั้น พ่อผมบอกแล้วว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของโอสถทิพย์ค่อยๆ อ่อนลง ที่จริงคุณใช้การแทงเข็มช่วยให้อาการเขาดีขึ้นได้ อย่าใช้ยาอื่นจะไม่ได้ผล หนำซ้ำยังอาจเกิดปัญหาได้”
“เรื่องพวกนี้ฉันรู้หรอก” เธอย่อมรู้ว่าเฉวียนหมิงไม่ได้กินยาอื่น
อีลั่วเสวี่ยมองดูเฟิงฉี่ แล้วมีความคิดผุดขึ้นในใจ “เอาอย่างนี้ คุณโทรหาอาจารย์คุณ ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับเขา”