หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 444-445
ตอนที่ 444 ที่นี่คือที่ที่คุณศึกษาวิชาแพทย์
“ปู่ครับ งั้นผมขอตัวไปพักผ่อน มีเรื่องอะไรปู่เรียกผมได้” เฉวียนหมิงพูดจบก็กลับไปที่ห้องของตนเอง
นายท่านผู้เฒ่าเห็นหลานชายเชื่อฟังตนก็รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง คนแก่ก็มักเป็นเช่นนี้ ถ้าคุณยิ่งเถียงเขาก็ยิ่งไม่ยอม แต่ถ้าคุณอ่อนให้ ก็จะหายโมโหเอง
“พักผ่อนให้ดี ปู่ไม่รบกวนแล้ว รีบไปซะ” นายท่านผู้เฒ่าพูดพลางเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตูให้
วันที่สองหลังจากที่ฝานเจียวเจียวไปก่อกวนที่คฤหาสน์ตระกูลอวิ๋น ทางด้านอีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่มาถึงเมืองซึ่งเป็นจุดหมายในการเดินทางครั้งนี้แล้ว เนื่องจากติดต่อล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นพอลงจากจากรถก็มีรถมารอรับทั้งสอง
พอช่วงบ่ายทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย นั่นคืออาณาเขตของสำนักแพทย์โบราณ
“ที่นี่คือที่ที่คุณศึกษาวิชาแพทย์หรือ?” อีลั่วเสวี่ยมองดูป้ายศิลาสลักขนาดใหญ่ที่ตีนเขาด้วยความแปลกใจ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย แต่ดูเหมือนจะเปิดให้เข้าได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เฟิงฉี่ยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่แล้ว บนภูเขา พูดให้ถูกต้องคือในภูเขา เป็นอาณาเขตส่วนบุคคลที่นักท่องเที่ยวห้ามเข้า”
ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ค่อนข้างห่างไกล ทางบนเขาเดินลำบาก บริเวณทิวทัศน์อยู่บนเขา ปกติเป็นนักท่องเที่ยวที่ชอบปีนเขาและฝึกฝนร่างกายชอบมา เดิมไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
แต่ต่อมาพิจารณาว่าถ้าสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จะทำให้การคมนาคมสะดวกขึ้น รวมทั้งแก้ปัญหาการสนองสิ่งของจำเป็นไปพร้อมกัน ทางสำนักแพทย์โบราณจึงยอมรับข้อเสนอนี้ แต่มีการแยกเป็นพื้นที่เอกชนเพื่อสนองต่อนักท่องเที่ยว ทั้งยังจัดเจ้าหน้าที่คอยควบคุมตลอดยี่สิบสี่ชัวโมง
ส่วนสมุนไพรที่สำนักแพทย์โบราณต้องการรวมทั้งการเพาะเลี้ยงต้องอาศัยสภาพแวดล้อมเช่นนี้
“เอาเถอะ พวกคุณเป็นฝ่ายชนะ เราเดินขึ้นไปเถอะ?” อีลั่วเสวี่ยเงยหน้ามองบันไดหินที่คดเคี้ยว ต้องเดินขึ้นบันไปทีละขั้น ยังดีที่คนบนเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ไม่งั้นปีนขึ้นเขาพร้อมกับสัมภาระแบบนี้ถ้าไม่เหนื่อยแย่ก็คงแปลก
เฟิงฉี่กลอกตาแล้วพยักหน้า “น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ใช่กลางเดือน ไม่งั้นอาจจะเจอเพื่อนร่วมสำนักที่ลงมาซื้ออาหารแล้วติดรถขึ้นไป ก็ไม่ต้องปีนเขา”
“ขันรถขึ้นไปได้ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ เราไปหารถกัน” อีลั่วเสวี่ยถึงกับอึ้ง ที่แท้ยังมีทางรถยนต์ แล้วทำไมพวกเขาต้องปีนเขาล่ะ เปลืองแรงเปล่าๆ
“เออ ไม่ได้หรอก เราทุกคนขึ้นจะเข้าจะออกก็ต้องปีนเขาขึ้นลงด้วยตัวเอง สำนักแพทย์โบราณมีรถคันเดียวมีแต่บรรดาอาจารย์จึงจะโดยสามารถเข้าออกได้ จะอาศัยรถก็ตอนที่ออกมาซื้ออาหารเท่านั้น” พูดอย่างเคร่งครัดแล้วพวกเขาไม่สามารถนั่งรถได้ แต่ทุกคนล้วนเป็นคนสำนักเดียวกัน ก็ทำเป็นเปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งเท่านั้นเอง
มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก “ก็ได้ เลิกพูดได้แล้ว เดินนำทางข้างหน้า ก็แค่ภูเขาเท่านั้นเอง ปีน!” ก็แค่ปีนเขา อุตส่าห์มาถึงสถานที่ของผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว
ทั้งคู่สมกับที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียร ก้าวเดินขึ้นเขาด้วยฝีก้าวที่แผ่วเบา ราวกับกำลังเดินเล่น ไม่นานนักก็เดินจบระยะหนึ่ง แต่การปีนเขาต้องใช้พละกำลังมาก ทั้งคู่ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงจึงมาถึงยอดเขา
แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาปีนช้าๆ ขึ้นไปต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมง
“ในที่สุดก็ถึงแล้ว” เฟิงฉี่เป่าปาก
อีลั่วเสวี่ยกวาดตามองบนเขา บนเขาเป็นพื้นที่ราบ ยังมีบึงน้ำธรรมชาติด้วย ล้อมรอบด้วยป่า ผิวน้ำในบึงสะท้อนเงาต้นไม้และท้องฟ้าสีคราม ดูแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานใจ แม้แต่ไอทิพย์ก็เข้มข้นขึ้นไม่น้อย
รอบบึงมีศาลาที่เชื่อมโยงกันสำหรับให้นักท่องเที่ยวชมบึง ถ้าไม่ใช่เพราะชุดที่คนเหล่านั้นสวมใส่อยู่ อีลั่วเสวี่ยคงคิดว่าตนเองยังอยู่ในยุคโบราณ เพราะบรรยากาศคล้ายกันมาก
ตอนที่ 445 พาคนนอกมาทำไม
“เจ๊ เราไปทางนี้ ตามผมมา” เฟิงฉี่หายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกถึงอากาศที่คุ้นเคยแล้วจึงพูดกับอีลั่วเสวี่ย แล้วเดินไปอีกทางหนึ่ง
ข้างทางมีป้ายบอกว่าอุทยาน… ก็คือสถานที่ดูแลเขตท่องเที่ยวแห่งนี้ นักท่องเที่ยวทั่วไปถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็จะไม่มาด้านนี้ อย่างมากก็แค่มาซื้อน้ำ
ที่นี่สำนักแพทย์โบราณเป็นผู้ดูแล เพราะอย่างไรเขตทิวทัศน์อยู่รอบสำนักแพทบ์โบราณของพวกเขา ดังนั้นให้พวกเขาดูแลจัดการเองย่อมดีที่สุด
“พี่เฟิงฉี่ กลับมาแล้ว ลงเขาไปเที่ยวสนุกไหม?” ชายหนุ่มที่กำลังจัดสินค้าบนชั้นวางพูดทักทายเฟิงฉี่ ดูราวกับเฟิงฉี่เป็นแขกประจำของที่นี่
เฟิงฉี่ยิ้มร่า แล้วหยิบไวน์แดงหนึ่งขวดและเหล้าขาวหนึ่งขวดออกมาจากเป้ราวกับเสกออกมา “ย่อมสนุกแน่นอน ฉันยังเอาเหล้าอย่างดีสองขวดมาฝากนาย เป็นไง ฉันไม่ได้ลืมนายใช่ไหม?”
ดวงตาชายหนุ่มเจิดจ้าขึ้นทันที กอดขวดเหล้าไว้ยิ้มอย่างพอใจ “เพื่อน เหล้านี้มาได้เวลาพอดี ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าดีมานานแล้ว” แต่ละคนมีความชอบต่างกัน ที่เขาชอบดื่มเหล้าจึงไม่แปลก
“งั้นนายก็ค่อยๆ ดื่ม เราจะไปแล้ว วันหลังถ้าว่างจะแวะมาเล่นกับนาย” เฟิงฉี่พูดแล้วเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง ถ้าเดินผ่านอุทยานแห่งนี้ไปถึงด้านหลังก็จะเข้าสู่อาณาเขตของสำนักแพทย์โบราณแล้ว
เดิมชายหนุ่มเห็นอีลั่วเสวี่ยเป็นคนแปลกหน้า แต่เพราะมากับเฟิงฉี่จึงรู้สึกว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มาด้วยกัน จึงไม่ได้ใส่ใจ
พอมาถึงด้านหลังของอุทยานก็พบปากทางเข้าแห่งหนึ่ง พูดให้ถูกต้องก็คือจุดตรวจความปลอดภัย เมื่อตรวจยืนยันว่าเป็นศิษย์ของสำนักแล้วจึงจะเข้าไปได้
“เฟิงฉี่ ผ่าน คนถัดไป” คนเฝ้าพูดพลางกวักมือเรียกอีลั่วเสวี่ย บอกให้เธอเอานิ้วแตะที่เครื่องตรวจลายนิ้วมือเพื่อจำแนกฐานะ
เฟิงฉี่เห็นเช่นนั้นก็รีบพูดทันที “ไม่ต้องตรวจเธอหรอก เธอนัดกับอาจารย์ฉันแล้ว เป็นแขกมาเยือน” คนเฝ้าประตูขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะให้อีลั่วเสวี่ยผ่านเข้าไป คาดไม่ถึงว่าจะมีอีกสองคนเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง
“เฟิงฉี่ บังอาจพาคนนอกมาที่นี่หรือ!” เมื่อกี้เขาได้ยินที่เฟิงฉี่พูด แต่คิดว่าเฟิงฉี่กำลังจีบสาว แล้วพาเธอมาดูของแปลกๆ เพื่ออวดเธอ
เฟิงฉี่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนที่มา “พี่ห้าวหมิง พูดอย่างนี้ไม่ถูกหรอก เธอเป็นแขกของอาจารย์จริงๆ” ยังอาจจะกลายเป็นศิษย์คนโปรดที่สุดก็ได้ ถึงตอนนั้นอาจจะกลายปรมามาจารย์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักแพทย์โบราณก็ไม่แน่
คนผู้นี้ชื่อหลี่ห้าวหมิง เป็นศิษย์พี่ของเฟิงฉี่ ไม่ใช่ศิษย์ของมั่วเวิ่น แต่เป็นคนสำนักเดียวกัน มั่วเวิ่นมีนิสัยประหลาด ไม่เปิดชั้นเรียนสอนศิษย์ทั่วไป เขาจึงมีศิษย์น้อย
แน่นอนว่าบางครั้งมั่วเวิ่นก็เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชี้แนะศิษย์ภายในสำนัก ในสำนักแพทย์โบราณนั้นก็มีการแข่งขันกันระหว่างศิษย์ชั้นต่างๆ ซึ่งเป็นการแข่งขั้นกันภายในสำนัก ที่หลี่ห้าวหมิงไม่พอใจเฟิงฉี่นั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเองก็อยากคารวะมั่วเวิ่นเป็นอาจารย์ แต่น่าเสียดายที่ล้มเหลว หลังจากนั้นเขาจึงคอยหาเรื่องเฟิงฉี่ไม่หยุด
“แกว่าใช่ก็ใช่งั้นหรือ ใครจะรู้ว่าจริงไม่จริง?” หลี่ห้าวหมิงยิ้มหยัน เขาไม่สนใจว่าจะจริงหรือไม่ แต่ถ้าไม่แกล้งเฟิงฉี่ก็ไม่สะใจ เจ้านี่ไม่อยู่สำนักสองเดือน ทำให้เขาอึดอัด ไม่รู้จะทะเลาะกับใคร
เฟิงฉี่สีหน้าไม่พอใจทันที “แกไม่เชื่อ จะให้ฉันไปเชิญอาจารย์มายืนยันงั้นหรือ? สำนักแพทย์โบราณเราดูเหมือนแกจะไม่มีคุณสมบัติมาตัดสินว่าคนที่มาเป็นแขกหรือเป็นคนแปลกหน้า”
“เฟิงฉี่ แกกลัวใช่ไหม? ฮ่าฮ่า น้องสาว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาได้ เฟิงฉี่ทำตัวเหลวไหล แต่ฉันไม่ยอมเด็ดขาด แขกของสำนักแพทย์โบราณต้องมีเทียบเชิญ เธอมีไหม?”