หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 482-483
ตอนที่ 482 เธอมาแล้ว
แน่นอนว่าเธอเองก็อยากรู้ว่าฝานเจียวเจียวจะเก่งสักแค่ไหน ถึงกับสามารถดึงซีเหมินหลงเซี่ยวกับฟางจื่อชิวให้ร่วมมือกันเล่นงานเฉวียนกรุ๊ป
ถ้าฝ่ายนั้นคิดว่าหากเฉวียนกรุ๊ปล้มลงจะทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง งั้นก็คิดง่ายเกินไปแล้ว เธออีลั่วเสวี่ยย่อมไม่ปล่อยให้คนอื่นรังแกโดยไม่ตอบโต้ ยิ่งไม่ยอมอยู่นิ่งเมื่อเฉวียนกรุ๊ปเจอปัญหา
อีกอย่างเฉวียนหมิงไม่ใช่คนที่ใครๆ คิดจะเล่นงานได้ ซีเหมินหลงเซี่ยว ธุรกิจสกุลฟาง เธออีลั่วเสวี่ยจะจำชื่อเหล่านี้ไว้แล้ว
“คุณหนูใหญ่ ตั้งแต่เด็กฝานเจียวเจียวได้รับการเลี้ยงดูจากนายหญิงผู้เฒ่าเหมือนหลานแท้ๆ ส่วนสกุลฝานดูเหมือนจะยอมรับว่าวันหน้าเธอก็คือคุณหนูใหญ่ของสกุลอวิ๋น ดังนั้น…” ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ใส่ใจฝานเจียวเจียวคนนี้นัก
แต่คราวก่อนเธอมาที่นี่ หลังจากเปิดเผยจุดมุ่งหมายของตัวเองชัดเจนแล้ว เขาจึงตรวจสอบดูบ้าง ดูเหมือนฝ่ายนั้นคิดจะอาศัยอิทธิพลของสกุลอวิ๋นเพื่อไต่เต้าขึ้นไป
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “อาเหมา ไม่ต้องวิตก ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาเหมาไม่มั่นใจในตัวฉันหรือ นั่งเถอะ” เธอเห็นอาเหมาท่าทางร้อนใจก็อดพูดปลอบไม่ได้
อาเหมาเห็นสีหน้าเธอสงบนิ่งมาก คิ้วที่ขมวดอยู่จึงคลายออกบ้าง “คุณหนูใหญ่ ความหมายของผมก็คือ นอกจากฝานเจียวเจียวคนนี้จะได้รับการเอ็นดูจากนายหญิงผู้เฒ่าแล้ว ข้างหลังของเธอคืออิทธิพลสกุลฝาน แม้สกุลฝานจะมีฐานะและอิทธิพลสูงไม่เท่ากับสกุลอวิ๋น แต่พวกเขาสกุลฝานมีคนมาก รับผิดชอบระดับต่างๆ ในเขตทหารที่สิบสอง คนไม่น้อยต้องคอยดูสีหน้าเธอ คุณหนูใหญ่ต้องจริงจังหน่อย ทางที่ดี ทางที่ดีอย่าเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ”
“อาเหมากลัวว่าถ้าฉันไม่ระวัง อาจจะส่งผลด้านลบถึงคุณพ่อใช่ไหม?” อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น
อาเหมารู้สึกกระอักกระอ่วน “นั่นเป็นแค่เหตุผลข้อหนึ่งเท่านั้น เวลานี้ท่านแม่ทัพอยู่ไกลจากที่นี่เกินไป ถ้าฝานเจียวเจียวจะทำอะไร ผมเกรงว่าท่านแม่ทัพจะมาช่วยเหลือไม่ทัน ส่วนตาแก่อย่างผมก็ทำอะไรไม่ได้”
คนที่ออกมาจากเขตทหาร คนไหนบ้างที่จะลงมือนุ่มนวล คำตอบคือไม่ใช่
ถ้าเกิดคุณหนูใหญ่บ้านตนกลายเป็นปฏิปักษ์กับฝานเจียวเจียวจริง ยังไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะลงมืออย่างไร แม้คุณหนูใหญ่ของตนจะเป็นคนเก่ง แต่ก็ยังอายุน้อย
แม้เธอจะอายุน้อยกว่าฝานเจียวเจียวบ้าง แต่ฝ่ายนั้นได้รับการศึกษาอบรมมาตั้งแต่เด็กอย่างไร ส่วนเธอรับการศึกษาอบรมมาอย่างไร อาเหมากลัวว่าอีลั่วเสวี่ยจะได้รับบาดเจ็บ
อีลั่วเสวี่ยยิ้มเมื่อได้ออกว่าอาเหมาวิตกอะไร “ฉันรู้ดีว่าอาเหมาห่วงฉัน แต่ที่จริงไม่ต้องวิตกหรอกค่ะ อาเหมารู้ดีว่าฉันเก่งแค่ไหน และที่นี่ก็ไม่ใช่เขตทหารที่สิบสอง ต่อให้ฝานเจียวเจียวมีอิทธิพลและฐานะมากแค่ไหน แต่ที่นี่เมืองเอฟ เธอไม่กล้าเหิมเกริมนักหรอก”
“ที่พูดอย่างนี้ก็ไม่ผิด แต่คุณหนูใหญ่ คุณยังต้อง…” อาเหมายังพูดไม่จบเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
“ใครกันนะ” อาเหมาเดินมาที่ประตูด้วยความสงสัย มองดูบนจอภาพ จึงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น เป็นฝานเจียวเจียวที่พวกเขาเพิ่งพูดถึง
เธอยิ้มให้กับกล้อง ไม่ทะเลาะกับรปภ. เพียงแต่กดกริ่งประตู
อาเหมาหันหน้ามาทันที มองดูอีลั่วเสวี่ย “คุณหนูใหญ่ เธอมาแล้ว”
มาแล้ว ฝานเจียวเจียว? อีลั่วเสวี่ยครุ่นคิด เดาออกทันทีว่าใครมากดกริ่งประตู
“ฉันไปดูเอง” เธออยากรู้นักว่าฝานเจียวเจียวเก่งมาจากไหน ถึงกับกล้าเสี่ยงที่จะถูกอวิ๋นเว่ยพบเห็น ทำให้สกุลอวิ๋นกับสกุลฝานบาดหมางกัน
ขณะที่พูดอีลั่วเสวี่ยลุกขึ้นจากโซฟาแล้ว เดินไปทางประตู อาเหมาแปลกใจ จำต้องเดินตามเธอออกไปนอกบ้าน เขาถือมือถือไว้ในมือแล้ว เตรียมว่าถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้น จะโทรหาอวิ๋นเว่ยทันที พร้อมกับสั่งให้บอดี้การ์ดในบ้านสกุลอวิ๋นเตรียมพร้อม
ตอนที่ 483 ไม่เคยได้ยินพ่อพูดถึง
อีลั่วเสวี่ยเปิดประตูคฤหาสน์ เดินผ่านสนามไปข้างนอก นั่งรถไม่ถึงนาทีก็มาถึงประตูเหล็กหน้าบ้านแล้ว
เธอลงจากรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย เดินไปเงียบๆ สายตาจับจ้องไปที่ฝานเจียวเจียวตั้งแต่ที่ลงจากรถ
วันนี้ฝานเจียวเจียวอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว แขนสองข้างโผล่ออกมาเผยให้เห็นผิวที่ขาวผ่อง ดูอ่อนละมุนเป็นพิเศษ ผมยาวสยายด้านหลัง มีสองปอยที่ห้อยอยู่ที่หน้าอก
ใบหน้าที่งดงามแต่งแต้มบางๆ จนดูออกยาก ทำให้ใบหน้าที่ยาวคางแหลมดูงามสมบูรณ์แบบ มีรอยยิ้มที่สง่างามที่มุมปากตลอดเวลา ดูราวกับเจ้าหญิง ยืนอยู่ตรงนั้นใครเห็นก็ไม่อยากเบนสายตาไป
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนที่อีลั่วเสวี่ยจะลงจากรถ เมื่อเธอเดินไปใกล้ประตูเหล็กเข้าไปทุกที ความริษยาในดวงตาฝานเจียวเจียวก็เพิ่มรุนแรงขึ้น ทำให้ท่วงท่าที่ดูสง่างามอย่างยากลำบากค่อยๆ กลายเป็นน่าเกลียด
“คุณก็คือฝานเจียวเจียวหรือ?”
“คุณคือพี่…อีลั่วเสวี่ย” ฝานเจียวเจียวยิ้มอย่างดูเสแสร้ง แต่เสียงยังคงน่าฟังราวกับเสียงนกขมิ้น เหมือนนางฟ้าที่น่าใกล้ชิดและติดดิน
แต่ทั้งหมดนี้กลับดูด้อยกว่าอีลั่วเสวี่ย เพราะขณะนี้อีลั่วเสวี่ยอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาวเช่นกัน แต่ตัวกระโปรงดูเป็นแบบโบราณ ยาวจดปลายเท้า แขนเสื้อมาถึงข้อศอก เปิดกว้างและมีจีบ
เมื่อบวกกับท่าทางเธอที่สูงศักดิ์และงามสง่าดุจเทพี เมื่อเทียบกันแล้ว ย่อมดูออกว่าอีลั่วเสวี่ยเหนือกว่าฝานเจียวเจียวมากไม่ว่าหน้าตาหรือบุคลิก
“เรียกพี่ คงไม่อาจรับได้ เราไม่คุ้นกัน” น้ำเสียงอีลั่วเสวี่ยราบเรียบ แล้วมองสำรวจฝานเจียวเจียว ในใจรู้สึกขัดใจ
ตั้งแต่เล็กเธอก็มีฐานะเป็นคุณหนูสกุลฝานตลอดมา ยังเป็นว่าที่คุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋นด้วย พอได้ข่าวว่าอวิ๋นเว่ยรับลูกสาวบุญธรรม แค่นั้นยังไม่พอ ยังรักและเอ็นดูเป็นพิเศษ ขณะที่ตลอดมาตัวเธอไม่สามารถทำให้อวิ๋นเว่ยเป็นพ่อบุญธรรมได้ จะไม่ให้เธอรู้สึกโกรธแค้นได้อย่างไร
เดิมตนเองคอยเอาใจนายหญิงผู้เฒ่า เท่ากับจะได้ครอบครองทุกอยางของสกุลอวิ๋น แต่ต่อมาพอรู้ว่าที่ตนเองทำไปนั้นไร้ประโยชน์ ย่อมต้องเคียดแค้นคนที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาชิงตัดหน้าไป ซึ่งก็คือเธอคนนี้
ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรเธอจึงลงมือเล่นงานเฉวียนกรุ๊ป เพื่อทำลายสิ่งที่เธอมีอยู่ ทำให้เฉวียนกรุ๊ปล่มสลาย ทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง ไร้ศักดิ์ศรี
ถึงตอนนั้นถ้าอีลั่วเสวี่ยกลับไปบ้านสกุลอวิ๋น ย่อมไม่ได้รับการยอมรับจากคนในตระกูล เมื่ออีลั่วเสวี่ยสูญเสียทุกอย่าง คนในสกุลอวิ๋นย่อมหันมามองตัวเธอที่ดีเลิศกว่า ถึงเวลานั้นการที่จะให้อวิ๋นเว่ยเป็นพ่อบุญธรรมย่อมเป็นไปเอง เธอดีดลูกคิดรางแก้วด้วยความกระหยิ่มใจ
สีหน้าฝานเจียวเจียวแข็งทื่อ “คืออย่างนี้ อาอวิ๋นคงจะเคยเอ่ยถึงฉันกับคุณ ฝานเจียวเจียว ถือว่าเราเป็นญาติกัน หรือคุณจะไม่เชิญฉันเข้าไปนั่งสักหน่อย คราวก่อนฉันแวะมา อาเหมาบอกว่าคุณไม่อยู่ วันนี้ดูข่าวบนเน็ต ถึงได้รู้ว่าคุณกลับมาแล้ว”
ข่าบนเน็ตหรือ ตอนที่เธอเห็นฉากนั้น คงจะนั่งไม่อยู่แน่
“ต้องขอโทษด้วย พ่อไม่เคยบอกฉันว่ามีญาติพี่น้องอะไร แต่ในเมื่อคุณแซ่ฝาน ก็เป็นญาติกับสกุลอวิ๋นจริง แต่ถึงแม้ฉันจะกลับมาแล้ว แต่เดี๋ยวต้องออกไปข้างนอก เกรงวาคงเข้ามานั่งข้างในไม่ได้แล้ว ไม่งั้นวันหลังค่อยนัดคุณใหม่ดีไหม?”
พอเธอพูดเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าฝานเจียวเจียวสลายไปทันที “ฉันแวะมาเยี่ยมสามสี่รอบแล้ว พวกคุณล้วนปฏิเสธไม่ให้ฉันเข้าบ้าน ทำอย่างนี้เหมาะหรือ?” เธอไม่ใช่คนโง่ เดาได้แต่แรกแล้วว่าอาเหมาคงบอกเรื่องของตนเองให้เธอรู้ เธอจึงปฏิเสธ