หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 516-517
ตอนที่ 516 พ่อพาหนูกลับบ้าน
สีหน้าหวังอวี่ดูย่ำแย่ แต่ในมือคนของตนเองพูดอย่างนี้แล้ว เขาในฐานะผู้นำหน่วย ขืนยังดึงดันต่อไป คงถูกคนอื่นตำหนิแน่
“คุณหนูอีสืบทอดวิชายิงปืนจากแม่ทัพอวิ๋น พวกคุณยังอ่อนหัด ถึงกับกล้าท้าประลอง ควรลงโทษ วิ่งเพิ่มอีกหนึ่งรอบ”
หวังอวี่พูดเสริมขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองรักษากฎกติกา
หัวหน้าหน่วยพยักหน้า “ครับ ท่านแม่ทัพ”
จากนั้นเขาจึงหันไปมองคนในหน่วยห้าวหาญที่อยู่ด้านหลัง “เริ่มวิ่งรอบสนาม” พูดจบก็เตรียมจะวิ่งรอบสนามฝึกที่กว้างใหญ่นี้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” ถึงตอนนี้จู่ๆ อีลั่วเสวี่ยร้องเรียกให้พวกเขาหยุด
“ว่าไง ยังมีปัญหาอะไรอีก?” หัวหน้าหน่วยคนนั้นนึกสังหรณ์ใจในทางร้าย โดยเฉพาะเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีลั่วเสวี่ย
ตอนนั้นท่าทางเธอเหมือนคุณหนูที่เอาแต่ใจตัวเอง ทำให้พวกเขาประมาทเธอ ตอนนี้ต้องระวังตัวหน่อย ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ฉันขอเตือนหน่อย รอบที่ว่าเป็นล้อมที่วิ่งรอบตึกใหญ่หลายหลังนี้ ไม่ใช่แค่รอบสนามฝึกใช่ไหม” อีลั่วเสวี่ยท่าทางเหมือนใจดีช่วยพูดเตือนพวกเขา อย่าทำท่าทางตื้นตันใจเลย
ใบหน้าหัวหน้าหน่วยห้าวหาญหมองคล้ำลงทันที ให้วิ่งรอบตึกเหล่านั้น ล่อเล่นหรือเปล่า แม้พวกเขาจะมีพละกำลังพอ ปกติก็วิ่งไม่น้อย แต่ถ้าให้วิ่งแบบนั้น ระยะทางไม่ใช่แค่วิงรอบสนามฝึกสามรอบแล้ว จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า บวกกับที่มีแม่ทัพตนเองให้วิ่งเพิ่มอีกรอบ ไม่เท่ากับวิ่งสิบกว่ารอบหรือ?
“คุณ!” ใบหน้าหัวหน้าหน่วยดำคล้ำราวกับก้นกระทะ ให้ตายสิ ผู้หญิงคนนี้จงใจแกล้ง
“แบบนี้ไม่ยุติธรรม ก่อนหน้านี้เราบอกแล้วว่าวิ่งรอบสนามฝึก” คนหนึ่งในหน่วยขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
แต่สีหน้าอีลั่วเสวี่ยเหมือนไม่รับรู้ “วิ่งรอบสนามฝึกหรือ ทำไมพวกคุณไม่บอกแต่แรก ฉันยังคิดว่าวิ่งรอบใหญ่นั่น พวกคุณว่าจริงไหม?” เธอหันมาถามคนของหน่วยบุกหน้า
จ้าวจวินนำทุกคนพยักหน้า ผงกหัวหงึกๆ “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เราก็เตรียมวิ่งรอบใหญ่ แต่ว่า…” ขณะที่พูดสายตาก็หันมาทางอวิ๋นเว่ย
“แต่ว่าเมื่อเป็นการหารือกันอย่างเป็นมิตรของสองหน่วย งั้นก็วิ่งรอบสนามฝึกเถอะ เสวี่ยเอ๋อ ลูกไม่มีความเห็นใช่ไหม?”
อีลั่วเสวี่ยยิ้มเล็กน้อย “หนูไม่มีความเห็นค่ะ ที่จริงเพราะไม่รู้ คิดว่าที่ทุกคนวิ่งรอบก็คือวิ่งแบบนี้” จงใจ เธอจงใจแน่นอน
หวังอวี่โมโหจนใบหน้าแข็งกร้าวแล้ว แต่ยังรักษารอยยิ้มเล็กน้อย “ฮ่าฮ่า…งั้นทุกคนยังไม่ขอบคุณแม่ทัพอวิ๋นอีกหรือ”
คุยตกลงกันอย่างนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อยากให้คนของตนถูกข่มเหง ต้องวิ่งมากขึ้น
“ขอบคุณท่านแม่ทัพอวิ๋นครับ” คนหน่วยนี้พูดขอบคุณด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็พากันไปวิ่งรอบสนาม ในใจถือว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นศัตรูฝ่ายอวิ๋นเว่ย
กลับเป็นลี่ปิงที่ดูด้วยความสนุก สายตาที่มองอีลั่วเสวี่ยเต็มไปด้วยความแปลกใจและชื่นชม
“เอาละ วันนี้พ่อผมเลี้ยงฉลองวันเกิดที่บ้าน เราไม่อยู่คุยกับพวกคุณแล้ว ถ้ามีเวลาว่าง คืนนี้เชิญไปสังสรรค์ที่บ้านผม”
หวังอวี่และลี่ปิงผงกหัว “ดีเลย เรากลับไปเปลี่ยนชุดก่อน ขอตัวด้วย” ก่อนไปทั้งสองต่างจงใจหันมามองอีลั่วเสวี่ย
ตาสายตาของสองคนนี้ คนหนึ่งฉายแววเคียดแค้น คนหนึ่งฉายแววแปลกใจและตื่นเต้นยินดี
จากนั้นอวิ๋นเว่ยก็หันมา ยิ้มแล้วพูดว่า “เสวี่ยเอ๋อ เราเตรียมกลับกันเถอะ พ่อจะพาลูกกลับบ้าน” คำว่ากลับบ้านพูดออกมาอย่างจริงจังจากส่วนลึกของหัวใจ
พออีลั่วเสวี่ยได้ยินก็รู้สึกว่ามีกระแสอบอุ่นไหลเวียนขึ้นในหัวใจ
ตอนที่ 517 ใครจึงจะเป็นคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋น
อีลั่วเสวี่ยชะงักเล็กน้อย แลวจึงพยักหน้าแรงๆ “ค่ะ”
อวิ๋นเว่ยยิ้มด้วยความพอใจ สายตาอยู่บนร่างเฉวียนหมิง ไม่เศร้าใจและไม่ดีใจ “เจ้าหนุ่ม เห็นฉันแล้วทำไมถึงไม่ทักทาย หือ!”
ถ้าเห็นใครขัดตา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร ก็ล้วนรู้สึกไม่พอใจ
มุมปากเฉวียนหมิงกระตุกเล็กน้อย จากหนึ่งจึงยิ้ม “พ่อ…”
พออวิ๋นเว่ยได้ยินก็แทบจะสำลัก
“ใครอนุญาตให้เรียกอย่างนี้ ฉันยังไม่ได้เห็นด้วย เสวี่ยเอ๋อ เราไปกันเถอะ” เจ้าหนูนี่ ร้ายกาจนัก ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย
จ้าวจวินกับคนในหน่วยบุกหน้ามองหน้ากันไปมา ท่าทางเหมือนสงสารเฉวียนหมิง เจอเข้ากับพ่อตาที่หวงลูกสาว เฉวียนหมิงคงลำบากแน่
เฉวียนหมิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา เดินตามหลังไปอย่างยอมรับชะตากรรม ไม่ลืมที่จะหาข้ออ้างเพื่อพูดคุยกับอวิ๋นเว่ย เวลานี้ฐานะของอีลั่วเสวี่ยยังสูงกว่าตนเองอีก
บวกกับไม่ง่ายที่เธอมีครอบครัวของตัวเองแล้ว ทั้งก่อนหน้านี้ยังอดทนต่อการที่ปู่ตนก่อเรื่องเดือดร้อน ที่อวิ๋นเว่ยเย็นชาต่อเขา เขาย่อมรับได้
จากนั้นอวิ๋นเว่ยก็ขับรถเองพาอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงมาถึงคฤหาสน์สวยหรู ขณะนี้มีผู้คนมาออกันที่หน้าคฤหาสน์กันคึกคักแล้ว
“ท่านแม่ทัพ” คนรับใช้เห็นก็รีบตรงมาเปิดประตูรถ พอเห็นอีลั่วเสวี่ยถึงกับผงะ แต่ไม่พูดอะไร การได้รับการอบรมที่ดี ทำให้พวกเขารู้ว่าในสถานที่นี้ เวลาใดควรพูดอะไร ควรทำอะไร
อวิ๋นเว่ยผงกหัว พาอีลั่วเสวี่ยเดินไปตามทางสายเล็กที่ร่มรื่น มาถึงประตูใหญ่บานหนึ่ง ที่นี่เหมือนเรือนที่แยกออกมาเป็นเอกเทศ สภาพแวดล้อมคล้ายกับคฤหาสน์สกุลอวิ๋นในเมืองเอฟ งเพราะถึงอวิ๋นเว่ยจะไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่มักนึกถึงที่นั่นเสมอ เพราะช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิตอยู่ที่นั่น
“เสวี่ยเอ๋อ เรือนหลังนี้แยกออกมาต่างหาก พ่อรู้ว่าลูกชอบความสงบ ที่นี่ต่อไปจะเป็นที่พักของลูก แต่ถ้าจะไปเรือนใหญ่ คงต้องเดินออกประตูไปทางนั้น”
ไม่ใช่เขาไม่ต้องการให้อีลั่วเสวี่ยอยู่ร่วมกับพวกเขา แต่อวิ๋นเว่ยรู้ว่าอีลั่วเสวี่ยต้องบำเพ็ญเพียร ผู้บำเพ็ญเพียรต้องการสถานที่ที่เงียบสงบ ทั้งเธอเองก็ไม่ต้องทำงานบ้านหรือดูแลพ่อแม่เขา ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้เกินไป ระยะห่างก่อให้เกิดความสวยงาม
อวิ๋นเว่ยพูดจบก็เหลือบมองเฉวียนหมิง “เจ้าหนุ่ม อยู่ที่นี่ได้ แต่อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอทำตัวไม่ดีกับเสวี่ยเอ๋อ ไม่งั้น…”
เฉวียนหมิงไม่รอให้เขาพูดจบก็แสดงท่าทีทันที “พ่อ วางใจเถอะครับ อาเสวี่ยเป็นดวงใจของผม ผมไม่ทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรอกครับ”
อวิ๋นเว่ยพอใจกับคำตอบแบบนี้ “หวังว่าเธอจะทำตามที่พูด” พูดจบก็เปิดประตู มีชุดพิธีการเตรียมไว้สำหรับงานคืนนี้ของทั้งสองคนวางอยู่บนโต๊ะแล้ว
“เสวี่ยเอ๋อ ปู่ของลูกอยากเจอลูกนานแล้ว แต่พ่อคิดว่าทำให้ปู่ตื่นเต้นหน่อยดีกว่า ลูกรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะมีคนมารับลูกไปที่งานเอง พ่อขอไปต้อนรับแขกก่อน” จู่ๆ อวิ๋นเว่ยก็เปลี่ยนไปเหมือนเด็ก
อีลั่วเสวี่ยจนใจ “ได้ค่ะ หนูรู้แล้ว พ่อไปดูแลงานก่อนเถอะค่ะ”
ระหว่างทางเสียเวลาไปไม่น้อย เปลี่ยนชุดเสร็จนั่งพักไม่นานนัก ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง โคมไฟในสนามสว่างขึ้นเอง
ถึงตอนนี้ก็มีคนมาเชิญอีลั่วเสวี่ยไปที่ห้องโถงใหญ่ ที่นั่นคงมีแขกเหรื่อมาไม่น้อยแล้ว คิดแล้ว อวิ๋นเว่ยคงต้องการแนะนำเธอต่อหน้าทุกคน
ขณะที่ทั้งสามเดินไปยังห้องโถงใหญ่ เห็นคนคนหนึ่งเดินก้มหน้าอยู่ไกล ท่าทางเหมือนถูกสั่งสอนมา มีคนยืนอยู่ข้างๆ ฝานเจียวเจียวนั่นเอง
“ขอโทษค่ะคุณฝาน ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ฉันจะไปห้องยาเอาครีมทาแก้แผลน้ำร้อนลวกมาให้ค่ะ” หญิงวัยกลางคนในชุดคนรับใช้ดูท่าทางเครียดขณะที่มองดูรอยแผลสีแดงบนหลังมือฝานเจียวเจียว