หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 100.2 เตรียมแต่งงาน (2)
บทที่ 100 เตรียมแต่งงาน (2)
Ink Stone_Romance
“แล้วชุดหลังแต่งงานเล่า?” ไป๋ถังถามต่อ
อวี๋หวั่นชะงัก
ไป๋ถังเอ่ยด้วยใบหน้ามืดมน “เจ้าคงไม่คิดจะสวมใส่ชุดสามัญชนหลังแต่งงานหรอกกระมัง? เจ้าแต่งงานแล้ว และแต่งกับเยี่ยนจิ่วเฉา จากนี้ไปเจ้าก็คือฮูหยินของเมืองเยี่ยน และเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ต้าโจว เจ้าไม่อาจสวมชุดสามัญชนได้อีกต่อไป!”
“ทว่าในบ้านยังมีชุดใหม่ที่ยังไม่ได้สวมใส่อีกมากนัก” อวี๋หวั่นเอ่ยด้วยความเสียดายยิ่ง แต่เธอเข้าใจ ไป๋ถังเอ่ยถูกต้อง หลังจากงานแต่งงาน เธอควรจะทำตัวเหมือนคนที่แต่งงานแล้ว หากเธอไม่คิดถึงตัวเอง ก็ควรจะคิดถึงหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา เดิมทีการแต่งงานกับหญิงในชนบท ก็เพียงพอจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะแล้ว หากหญิงในชนบทคนนี้ไม่อาจเป็นที่เชิดหน้าชูตาได้
อวี๋หวั่นคิดแล้ว ก็รู้สึกว่าตนไม่ควรทำให้อับอายนัก หลังอาหารกลางวัน จึงเดินทางไปเมืองหลวงกับไป๋ถัง
ยามนี้ไม่มีเวลาให้ตัดเย็บชุดใหม่แล้ว ซื้อได้เพียงเสื้อผ้าสำเร็จรูป ไป๋ถังพาอวี๋หวั่นไปที่ถนนซิ่วสุ่ย บนถนนนั้นเต็มไปด้วยร้านตัดเย็บและร้านขายผ้า
ไป๋ถังดึงมืออวี๋หวั่นพลางเอ่ยว่า “พวกเราค่อยๆ เลือก ไม่ต้องรีบร้อน หากฟ้ามืดก็พักบ้านข้า แล้วพรุ่งนี้เรามาเลือกกันต่อ”
อวี๋หวั่นพยักหน้า เราคนกันเอง ไม่เห็นจำเป็นต้องสุภาพ จริงไหม?
ทั้งสองเข้าไปในร้านตัดเย็บที่ชื่ออวิ๋นสุ่ยเจียน ร้านตัดเย็บหลังนี้กว้างขวาง มีสามชั้น ว่ากันว่า เถ้าแก่เนี้ยเป็นคนเจียงหนาน ฝีมือการเย็บปักถักร้อยของนางยอดเยี่ยม งานปักของนางเคยได้รับเชิญให้เข้าวัง บรรดาหญิงชั้นสูงและบุตรีขุนนางต่างมาที่นี่โดยเฉพาะ หากได้อาภรณ์ที่นางปักกับมือนับว่าน่าภาคภูมิใจ ไป๋ถังไม่ได้หวังว่าพวกนางจะได้ซื้อชุดที่สั่งทำ หวังเพียงชุดที่เหมาะสมเพียงไม่กี่ชุด
“ช่างเย็บปักทุกคนที่นี่ นางสอนเองกับมือ ฝีมือดีกว่าร้านอื่นที่เจ้าเคยเห็น ดูนี่สิ” ไป๋ถังเอ่ยพลางหยิบชุดเทพธิดาจันทราแขนกว้างที่แขวนอยู่บนชั้น กระโปรงตาข่ายโปร่ง เบาบางพลิ้วไหว การตัดเย็บปราณีตงดงาม ด้ายสีเงินที่ทะลุขึ้นมาราวกับแสงจันทร์ส่อง ยามพลิ้วไหว แสงจันทร์ก็เคลื่อนคล้อย
ไป๋ถังจินตนาการได้ว่าเมื่ออวี๋หวั่นสวมใส่มันแล้วจะงดงามเพียงใด “ชุดนี้แล้วกัน เจ้าลองใส่ดู!”
อวี๋หวั่นเปลี่ยนสวมชุดเทพธิดาจันทราแขนกว้าง จุดเด่นที่ใหญ่สุดของชุดนี้คือเอวที่รัดมาก ไขมันหน้าท้องเพียงเล็กน้อยก็ไม่ปรากฏให้เห็น เอวบางของอวี๋หวั่นยามคู่กับแขนเสื้อกว้าง ทำให้เธอดูผอมเพรียวสูงสง่า งดงามราวกับเทพธิดาผู้ไม่คลุกคลีกับเรื่องทางโลก
ไป๋ถังมองเธอด้วยความตกตะลึง นางรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นคนสวย แต่ไม่คิดว่าจะสวยได้สูงสง่าถึงเพียงนี้ ไม่ว่าบุตรีชนชั้นสูงคนใด หรือสตรีผู้ดีอันงามพร้อมจากตระกูลดัง คนดังคนใด นาทีนี้ทุกคนข้างกายเธอกลับดูหมองหม่นหมดราศี ร้านตัดเย็บทั้งหลังเงียบกริบ ดวงตาทุกคู่ถูกดึงดูดให้จับจ้องไปที่อวี๋หวั่น
พวกนางเคยเห็นกระโปรงชุดนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะดูดีเพียงนี้?
กล่าวกันว่าไก่งามเพราะขน ทว่าบางครั้งไก่กลับเป็นขนเสียเอง
อวี๋หวั่นงดงามมากจนแม้แต่คนที่ผ่านไปมาก็ยังหยุดเดิน
มีเพียงความคิดเดียวในใจของไป๋ถัง ‘ซื้อ ซื้อ ซื้อ! ราคาเท่าไรก็ซื้อ!’
ขณะที่ไป๋ถังกำลังจะไปถามราคา ดรุณีอีกคนที่สวมชุดเทพธิดาจันทราแขนกว้างแบบเดียวกันก็เดินออกมา นางอายุน้อยกว่าอวี๋หวั่น แต่ใบหน้ากลับมิได้อ่อนโยนเท่าอวี๋หวั่น รูปร่างไม่ได้ผอมเท่าอวี๋หวั่น แต่ก็ไม่ถึงกับพุงป่อง หากไม่มีอวี๋หวั่นผู้สูงส่งล้ำค่าอยู่ข้างหน้า แม้นางจะไม่ได้ดูน่าทึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด เพียงแต่หลังจากที่ได้เห็นอวี๋หวั่นที่ทั้งตัวงดงามราวเทพธิดา แล้วมาเห็นนางจึงดูหมองมัวไปเล็กน้อย
เสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน
ตอนแรกนางตกใจ หลังจากนั้นนางก็เห็นอวี๋หวั่นที่แต่งตัวเหมือนตนอยู่ห่างไปไม่ไกล ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีเลือดหมูทันที
คนตาบอดก็ยังดูออกว่าอวี๋หวั่นแต่งตัวได้งดงามกว่า
นางเห็นชุดนี้เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ทว่าตอนนั้นนางอ้วนเกินไปที่จะใส่ เหตุนี้นางจึงทนหิวมากว่าสิบวัน และในที่สุดนางก็ใส่ได้ ทว่ากลับมีหญิงอื่นที่ดูเหนือกว่า!
หญิงสาวโกรธมาก เดินไปด้านหน้าพร้อมกับชี้หน้าอวี๋หวั่น “ผู้ใดใช้ให้เจ้าใส่ชุดนี้?”
อวี๋หวั่นมองไปที่นางอย่างประหลาดใจ จึงพบว่านางเลือกชุดแบบเดียวกับเธอ อวี๋หวั่นไม่คิดว่านางแต่งตัวน่าเกลียดอะไร เพียงแต่นางเลือกชุดที่ไม่ค่อยเข้ากับตนเอง
อวี๋หวั่นถามว่า “ใส่ไม่ได้หรือ? เจ้าซื้อไปแล้วหรือ?”
“ข้า…” หญิงสาวอึกอัก แน่นอนว่านางยังไม่ได้ซื้อ “ข้าลองก่อนเจ้า!”
อวี๋หวั่นจับดูกระโปรงและเอ่ยว่า “ที่เจ้าลองก็อยู่บนตัวของเจ้า ข้าไม่ได้ไปดึงมาจากตัวเจ้าเสียหน่อย”
ใช่ นางไม่อาจทำราวกับว่า ชุดที่นางลองใส่แล้ว หลังจากนั้นจะเป็นของนางคนเดียวทั้งหมด ขนาดองค์หญิงยังไม่เอาแต่ใจเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าไม่มีเครื่องประดับใดบนศีรษะของอวี๋หวั่น มีเพียงปิ่นปักผมไม้ที่ซื้อมาจากแผงที่ตั้งอยู่บนพื้นเท่านั้น หญิงสาวมั่นใจว่าอวี๋หวั่นไม่ใช่บุตรสาวจากครอบครัวร่ำรวย นางจึงคิดจะอาศัยอำนาจรังแกคนอื่น “ข้าจะเอาทั้งหมด! ถอดชุดที่เจ้าใส่อยู่ออกซะ!”
ไป๋ถังเดินไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับจ้องไปที่นาง “เจ้าบอกว่าจะเอาก็เอาสิ เราก็จะเอาเช่นกัน!”
หญิงสาวกวาดสายตามองไป๋ถังขึ้นลง ไป๋ถังนับว่าแต่งตัวใช้ได้ แต่ยังไม่อาจเทียบได้กับนาง
หญิงสาวหัวเราะเยาะ “เจ้าจะเอา เจ้าจ่ายไหวรึ?”
ไป๋ถังเอ่ยอย่างเย็นชา “คนขาย กระโปรงตัวนี้ราคาเท่าใด?”
คนขายยิ้มบางๆ “หกร้อยตำลึง”
ไป๋ถังตกใจ “กระ…กระโปรงตัวเดียว…หกร้อยตำลึงรึ?!”
เธอไม่ได้ยากจนมากจนเหลือเพียงเงินติดตัว แต่ก็ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่ากระโปรงชุดนี้ดูลักษณะแล้วก็ไม่ได้แพงเหมือนราคา
“เสื้อผ้าของเจ้าฝังทองหรือฝังเพชรกัน? ไยราคาสูงถึงเพียงนี้?” ไป๋ถังกระทืบเท้า
หญิงสาวหัวเราะเย้ยหยัน “มองคราแรกก็รู้ว่าพวกเจ้าไม่เคยเห็นโลกกว้าง กระโปรงที่นางใส่ แม่นางเมิ่งเป็นคนทำกับมือ ราคาหกร้อยตำลึงยังถูกเกินไป”
แม่นางเมิ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยของอวิ๋นสุ่ยเจียน นางทำชุดเทพธิดาจันทราแขนกว้างเพียงชุดเดียว ส่วนที่เหลือลูกมือของนางตัดเย็บตาม แม้ว่าจะตัดเย็บตามได้เป็นอย่างดี แต่ก็ขายในราคาเดียวกับนางไม่ได้ เดิมทีหญิงสาวชอบชุดที่อวี๋หวั่นใส่อยู่ แต่เพราะนางใส่ไม่ได้!
“เจ้าต้องการมันจริงๆ หรือ?” อวี๋หวั่นถามหญิงสาว
หญิงสาวเหล่มองอวี๋หวั่นก่อนถามว่า “ทำไมรึ? ต้องการคุยข้อตกลงกับข้า?”
ไป๋ถังขมวดคิ้ว ดรุณีผู้นี้ยังเด็กนัก ไยจึงใช้วาจาไม่น่าฟังเช่นนี้?
อวี๋หวั่นยกมุมปากขึ้นเบาๆ “หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะให้”
ไป๋ถังชะงัก หญิงสาวก็ตกใจ ราวกับไม่คิดว่าอวี๋หวั่นจะยอมให้ชุดกระโปรงอย่างง่ายดายเช่นนี้ อีกทั้งไม่ใช่ว่ามันไม่พอดี หรือดูแย่เลย
หรือว่า…มองออกว่าสถานะของหญิงสาวสูงส่ง จึงไม่กล้าแย่งของจากนาง?
ไม่น่าใช่ อวี๋หวั่นไม่ใช่คนเช่นนี้ แม้แต่เหยียนหรูอวี้ก็ยังไม่กลัว แล้วจะกลัวเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่โผล่ออกมาจากอากาศได้อย่างไร เว้นแต่เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะเป็นองค์หญิง ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะทำให้อาหวั่นหวาดกลัว
ไป๋ถังมองอวี๋หวั่นอย่างงงงวย
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปด้านในเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าก้าวไปได้เพียงสองก้าว สตรีที่แต่งงานแล้วผู้สง่างามก็เดินลงบันไดมา นางหยุดยืนมองอวี๋หวั่นที่กลางบันไดในระยะไกล “ไยเจ้าไม่ต้องการชุดกระโปรงตัวนี้? เพราะราคาแพงเกินไปหรือ?”
อวี๋หวั่นส่ายศีรษะ
แม่นางเมิ่งมองหญิงสาวข้างๆ อวี๋หวั่น “หรือเพราะนาง?”
อวี๋หวั่นก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง
“เช่นนั้นเพราะเหตุใด?” แม่นางเมิ่งถาม
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะมันไม่สมกับราคา”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้นในร้านตัดเย็บ แม่นางผู้นี้บอกว่าฝีมือของแม่นางเมิ่งไม่สมกับราคา? นางรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังเอ่ยสิ่งใด?
มีเพียงแม่นางเมิ่งที่ไม่แสดงความไม่พอใจใดๆ ชุดกระโปรงนี้แม่นางเมิ่งเป็นผู้ตัดเย็บ แม่นางเมิ่งรู้ดีกว่าใคร ไม่ใช่ว่านางต้องการชุดกระโปรงนี้ แต่ชุดกระโปรงนี้ต้องการนาง มันจะสวยสดงดงาม เมื่อสวมใส่อยู่บนเรือนร่างของนางเท่านั้น ดังนั้นที่นางกล่าวไม่ผิดเลย ชุดนี้ไม่คุ้มค่ากับราคาจริงๆ
อวี๋หวั่นเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านใน
หญิงสาวสาบานว่าแม้จะต้องทนหิวโหยอีกหนึ่งเดือน นางก็ต้องใส่ชุดกระโปรงตัวนี้ให้ได้!
แต่หารู้ไม่ ทันทีที่หญิงสาวยื่นมือออกไปหยิบ แม่นางเมิ่งก็หยิบชุดกระโปรงได้ก่อนนางหนึ่งก้าว จากนั้นแม่นางเมิ่งก็หยิบกรรไกรออกมาและตัดชุดนั้นออกเป็นสองท่อน
หญิงสาวมีท่าทีตกใจ “ชุดกระโปรงของข้า!”
แม่นางเมิ่งไม่ได้มองนางแม้แต่น้อย นางเดินไปหาอวี๋หวั่น พร้อมกับผายมือไปที่ชั้นบน “แม่นางผู้นี้ โปรดขึ้นไปชั้นบนกับข้า”
หญิงสาวตะลึง อะไรกัน? นางอุดหนุนที่นี่มาเป็นปี ยังไม่เคยถูกต้อนรับจากแม่นางเมิ่งเช่นนี้มาก่อน ไฉนหญิงผู้นี้มาครั้งเดียวกลับถูกแม่นางเมิ่งเชิญขึ้นไปชั้นบนเล่า?!
…………………………………………