หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 133.2 คู่ข้าวใหม่ปลามัน สั่งสอนองค์ชายรอง (2)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 133.2 คู่ข้าวใหม่ปลามัน สั่งสอนองค์ชายรอง (2)
หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 133.2 คู่ข้าวใหม่ปลามัน สั่งสอนองค์ชายรอง (2)
ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนไหวจิ่งเสนอตัวมาจัดการเอง หรือว่าฮ่องเต้สั่งมา อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัด ฮ่องเต้ทรงทำอะไรเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ จึงมาเข้าทางเธอแทน
อวี๋หวั่นฝืนยิ้ม “องค์ชายรอง ในสายตาท่านแล้ว ข้าดูข่มขู่ง่ายถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ถึงเยี่ยนจิ่วเฉาไม่เห็นด้วย แต่ข้าก็ต้องรีบสละตำแหน่งภรรยาหลวง และต้องผิดใจกับเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างนั้นหรือ? ฝากท่านไปกราบทูลฝ่าบาทให้ข้าหน่อย ข้าไม่ได้โง่งมถึงเพียงนั้น ข้าเป็นภรรยาของเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ว่าจะยามเป็นหรือยามตาย ต่อให้วันหนึ่งข้าตายไป แล้วเขาแต่งงานใหม่ ป้ายของคนอื่นๆ ก็ต้องอยู่ใต้ป้ายวิญญาณของข้า!”
เยี่ยนไหวจิ่งไม่ได้คาดคิดว่าอวี๋หวั่นจะใช้คำพูดรุนแรงเช่นนี้ รังสีที่แผ่มานั้นทำให้เขานึกถึงมารดาและฮองเฮา
วินาทีที่เขาจิตใจล่องลอยไป อวี๋หวั่นก็ขึ้นรถม้า
กว่าเขาจะได้สติกลับมา มือซึ่งยื่นออกมาหมายจะคว้าตัวอวี๋หวั่นกลับถูกเจียงไห่ตวัดแส้ใส่
นี่องค์ชายนะ!
จุดไท่หยางข้างขมับของจวินฉางอันเต้นตุบๆ เขาหูหนวกหรืออย่างไร? ไม่ได้ยินตนกับอวี๋หวั่นพูดว่าองค์ชายรองรึ? ไม่ไว้หน้าองค์ชายเช่นนี้ อยากตายหรืออย่างไร?
แน่นอนว่าจวินฉางอันไม่ยอมให้แส้ของเจียงไห่ฟาดโดนเยี่ยนไหวจิ่ง เขายกดาบขึ้นมาปัดแส้ออกไป
เจียงไห่แค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูกอย่างเย็นชา เขากระชับเชือกในมือ แล้วพารถม้ามุ่งหน้าออกไป
………………….
อวี๋หวั่นรอเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่บ้าน เยี่ยนจิ่วเฉากลับยังโอ้อวดไม่หนำใจ หลังจากที่ออกมาจากตำหนักจินหลวนแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังประตูเมือง ตั้งโรงทานแจกโจ๊ก ทว่าเขาไม่ได้แจกโจ๊ก เขาแจกไข่ไก่สีแดง!
คุณชายเยี่ยนเข้าหอแล้ว
คนทั้งเมืองหลวงต่างก็กินไข่ไก่สีแดงที่เยี่ยนจิ่วเฉาแจก
เสียสติไปแล้ว…
คุณชายเยี่ยนซึ่งใช้เวลาเสียสติไปทั้งวันนั้นกลับมาบ้านด้วยจิตใจอิ่มเอิบ หลังจากที่อวี๋หวั่นเดินทางออกจากเรือ อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันก็ไปรับเขาที่ตำหนักจินหลวน ในตอนที่แจกจ่ายไข่ไก่สีแดง ทั้งสองก็อยู่ด้วย พวกเขารู้สึกอยากจะบ้าตายเหลือเกิน
ในตอนที่เยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในเรือนชิงเฟิง อวี๋หวั่นกำลังยืนอยู่หน้าพุ่มไม้ ใช้กรรไกรตัดแต่งดอกไม้อยู่ กิ่งไม้ไม่ได้ถูกตัดไปมากเท่าไร ทว่าดอกไม้ที่ลุงวั่นคอยประคบประหงมนั้นยับเยินเสียแล้ว
ลุงวั่นปวดใจเหลือเกิน แต่กระนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไร!
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้ามา
อวี๋หวั่นรู้ว่าเขาเดินมา เธอคิดถึงเรื่องเมื่อคืน หน้าก็แดงขึ้นมาเสียได้ เห็นอยู่ว่าแต่งงานแล้ว แต่ความสุขสมที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นเมื่อวาน เธอไม่กล้าคิดว่าเธอทำอะไรกับเขา เขาทำอะไรกับเธอ สรุปแล้วพวกเขาก็เป็นคนโง่งมสองคนที่เพิ่งได้ลิ้มลองผลไม้ต้องห้ามเป็นครั้งแรก
ในตอนนั้นพวกเขาทุ่มสุดตัว จนลืมทุกอย่างไปเสียสิ้น ตอนนี้กลับรู้สึกกระดากอายขึ้นมา
“เหตุใดทำหน้าบึ้งเช่นนั้นเล่า? เพราะข้ามาช้าหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉามาหยุดยืนข้างกายอวี๋หวั่น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความจริงจัง
ยามที่เขาเข้ามาใกล้ ใบหน้าของอวี๋หวั่นก็แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
แต่เมื่อเธอเหลือบไปมองและพบว่าใบหูของเขาเป็นสีแดงระเรื่อ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา แม้ด้านจิตใจเธอจะพ่ายแพ้ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ทั้งสองก็ไม่ต่างกันเท่าไร
แน่นอนว่าเธอไม่ได้โกรธที่เขากลับมาช้า
แต่จะว่าไป เขากลับมาช้าจริงๆ ไปทำอะไรมานะ?
“ท่านไปทำอะไรมา?” อวี๋หวั่นถาม
“เข้าวัง”
แจกไข่ไก่สีแดง
“บรรเทาทุกข์ให้ราษฎร”
แจกไข่ไก่สีแดง
อวี๋หวั่นฟังแล้วคิดว่าเป็นงานสำคัญ จึงมิได้กล่าวโทษที่เขามาช้า อวี๋หวั่นจับชีพจรให้เขา ชีพจรของเขาคงที่กว่าแต่ก่อน เพียงแต่ในร่างกายของเขายังคงมีพิษหลงเหลืออยู่ เธอจะกลับไปหาตำรับยาถอนพิษให้เขาดื่ม นั่นมิใช่ปัญหาใหญ่
“ยังไม่บอกเลยว่าเจ้าเป็นอะไร” ดอกไม้กระจายเละเทะบนพื้นเช่นนี้ ต่อให้ตาบอดก็รู้ว่าเธอโกรธ
อวี๋หวั่นเล่าเรื่องที่พบกับเยี่ยนไหวจิ่งให้เขาฟัง เยี่ยนจิ่วเฉาเข้าใจเธอผิดแล้ว เธอไม่ได้โกรธ เธอกำลังตัดดอกไม้ต่างหาก เพียงแต่ฝีมือการตัดดอกไม้ของเธอเหมือนกับการจัดดอกไม้ ดูไม่ได้เอาเสียเลย
เยี่ยนจิ่วเฉาลองสรุปคร่าวๆ ใจความสำคัญของสิ่งที่อวี๋หวั่นพูด
หนึ่ง เยี่ยนไหวจิ่งยังคงวนเวียนไม่ไปไหน
สอง เยี่ยนไหวจิ่งยังคงวนเวียนไม่ไปไหน
สาม เยี่ยนไหวจิ่งยังคงวนเวียนไม่ไปไหนอีก!
คุณชายเยี่ยนสายตาเย็นเยียบ
อวี๋หวั่นตัดดอกไม้มาดอกหนึ่ง “ท่านว่าเขาพบโจวไหวแล้วจริงหรือไม่? ฝ่าบาททรงให้เขามากดดันข้า หรือว่าเขาทำเอง?”
“มิใช่ฝ่าบาท”
“หืม?” อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างไม่เข้าใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดขึ้นว่า “เป็นถึงองค์ชาย แต่กลับมาข่มขู่สตรี”
หากฮ่องเต้ต้องการจะบีบบังคับอวี๋หวั่น ก็คงลงมือไปนานแล้ว ไยต้องรอให้ทั้งสองแต่งงานแล้วจึงมากดดันให้อวี๋หวั่นสละตำแหน่งภรรยาหลวง? ผู้ที่ฮ่องเต้ต้องการบังคับมีเพียงเยี่ยนจิ่วเขา พระองค์มิได้แยแสผู้อื่นเท่าไร ทรงไม่มีทางทำเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ต้องการบังคับเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ไม่ถึงกับทำให้เยี่ยนจิ่วเฉาถึงตาย เพียงแต่พระองค์คิดว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดก็เพื่อตัวเยี่ยนจิ่วเฉาเอง
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียง ‘หึ’ แล้วพูดว่า “เจอโจวไหวแล้วจริง ที่ฝ่าบาททรงไม่ต้องการพลิกคดีของพ่อเจ้าก็เป็นเรื่องจริง แต่เรื่องในวันนี้เป็นแผนของเยี่ยนไหวจิ่ง คนที่ฝ่าบาทต้องการข่มขู่ก็คือข้า ไม่ใช่เจ้า”
อวี๋หวั่นพูดพลางครุ่นคิด “เพราะฉะนั้น เขาจึงเดาใจฝ่าบาท หากเขาทำให้ข้าเอ่ยปากก่อน ท่านย่อมต้องขุ่นเคืองข้า ครานี้ฝ่าบาทก็จะทรงตามน้ำ พระราชทานคุณหนูจวนข้าหลวงให้แต่งงานกับท่าน…ทำไมเขาจึง…”
อวี๋หวั่นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย
ดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉาปรากฏความรังเกียจเดียดฉันท์ “หึ ยังไม่ได้คิดบัญชีของครั้งก่อน เขายังกล้าโผล่หน้ามาอีก ข้าคิดจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย เห็นทีคงทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว!”
เจ้าสาวถูกลักพาตัวไปในวันแต่งงาน มิได้มีเพียงอวี๋หวั่นที่คิดแค้น เยี่ยนจิ่วเฉาก็เคียดแค้นไม่แพ้กัน เพียงแต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย บัดนี้เขาต้องการให้เยี่ยนไหวจิ่งรู้ว่าอย่ามายุ่มย่ามกับผู้หญิงของเยี่ยนจิ่วเฉา
“ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“รีบกลับมานะ” อวี๋หวั่นพยักหน้า
นี่เป็นคำพูดติดปาก เมื่อก่อนท่านพ่อและพี่ชายทั้งสองออกไปข้างนอก เธอก็บอกพวกเขาเช่นนี้ แต่เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาได้ยินคำพูดเช่นนี้ กลับตีความหมายต่างออกไป
เยี่ยนจิ่วเฉามองอวี๋หวั่นด้วยสายตาซับซ้อน “ถึงแม้ข้าจะกลับมาเร็ว แต่เรื่องอย่างว่าก็อย่าให้มากเกินไป”
อวี๋หวั่น “…”
เยี่ยนจิ่วเฉาพาอิ่งสือซันและองครักษ์คนอื่นออกจากจวนไป อิ่งลิ่วไม่ได้ไปด้วย เขาออกจากเมืองหลวงไปทำภารกิจใหม่
“เจ้าตัวอยู่ไหนเล่า?” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะนั่งบนรถลาก
อิ่งสือซันตอบว่า “เพิ่งเข้าวังไปถวายพระพรสวี่เสียนเฟย ตอนนี้คงอยู่ระหว่างทางกลับจวนขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปขวางเขาไว้” เยี่ยนจิ่วเฉาปล่อยม่านลง
การคาดคะเนของอิ่งสือซันนั้นแม่นยำยิ่งนัก หลังจากที่เยี่ยนไหวจิ่งถวายพระพรสวี่เสียนเฟยแล้วก็เดินทางกลับจวนของตน นั่งรถม้าไปได้เพียงครึ่งทาง ก็ถูกคนจากจวนคุณชายนับร้อยคนขวางทางเอาไว้
จะฝ่าไปก็ไม่ได้ อีกฝ่ายมีจำนวนมาก
จวินฉางอันคว้าเชือกจากสารถี หยุดรถม้า “องค์ชาย เป็นคุณชายเยี่ยน”
เยี่ยนไหวจิ่งขมวดคิ้ว เลิกม่านขึ้น ก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉานั่งวางท่าอยู่บนรถลาก กำลังเล่นอยู่กับคันธนูทองคำ
รถลากหรูหรา ประดับประดาด้วยทองและหยก ผู้ที่นั่งอยู่บนรถก็ดูสง่างาม หล่อเหลาหาผู้ใดเปรียบ
เยี่ยนไหวจิ่งมองไปยังเขา แล้วมองไปยังคนนับร้อยด้านหลังเขา จากนั้นก็ถามว่า “เจ้าต้องการอะไร?”
“อัดเจ้าให้ยับ” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
สายตาของเยี่ยนไหวจิ่งเย็นเยียบ “เยี่ยนจิ่วเฉา เจ้าอย่ามาโอหัง ใต้อาณัติโอรสสวรรค์ ในเมืองหลวง เจ้ากล้าลงไม้ลงมือกับองค์ชาย…”
สวบ!
เขายังพูดไม่ทันจบประโยค เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยิงธนูออกไป!
ศรธนูรวดเร็วเหลือเกิน แม้แต่จวินฉางอันก็ยังตอบสนองไม่ทัน ศรธนูพุ่งข้ามหัวไหล่ของเยี่ยนไหวจิ่ง ไปปักลงบนรถม้าด้านหลังของเขา
เยี่ยนไหวจิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ลอบปลงพระชนม์องค์ชาย เยี่ยนจิ่วเฉาเจ้าบ้าไปแล้วรึ!”
เยี่ยนจิ่วเฉายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “โอ้ มือลื่น”
องค์ชายจะมาถูกสังหารเช่นนี้ไม่ได้ แต่การต่อสู้ด้วยคนหมู่มากนั้นเป็นไปได้
หนึ่งคนต่อยเขาหนึ่งที เมื่อคำนวณดูแล้ว เป็นการรุมมิผิด!
อิ่งสือซันหลอกล่อจวินฉางอัน หน่วยกล้าตายสองคนและเหล่าองครักษ์กรูเข้าไปราวฝูงผึ้ง ทักทายเยี่ยนไหวจิ่งด้วยกำปั้น…