หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 146.2 หมอเทวดาหวั่นหวั่น ทูตหนานจ้าว (2)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 146.2 หมอเทวดาหวั่นหวั่น ทูตหนานจ้าว (2)
หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 146.2 หมอเทวดาหวั่นหวั่น ทูตหนานจ้าว (2)
เซียวจื่อเยว่เพียงรู้สึกคันที่หน้าอก จึงก้มลงไปมอง และเห็นว่าหนอนขนปุยตัวเล็กๆ กำลังดิ้นอยู่บนผิวหนังอันบอบบางของนาง ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในฉับพลัน และคล้ายมีบางอย่างพุ่งออกมาจากความคิด นางสติหลุดลอยล้มลงบนพื้นหญ้า
เซียวจื่อหลินตกตะลึง สวรรค์ เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัว แต่กลับทำให้พี่สาวของนางได้รับเคราะห์แทน?! ท่านพี่ตกใจกลัวจนเป็นลมไปแล้ว?!
พี่น้องสตรีต่างมุงดู
เซียวจื่อเยว่ไม่ได้ตกใจจนเป็นลมง่ายดายเพียงนั้น ทว่าอาการป่วยของนางกำเริบ
อวี๋หวั่นรีบพลิกตัวเซียวจื่อเยว่ที่แน่นิ่งอยู่บนพื้นให้หันไปด้านข้าง และบังนางด้วยร่างของเธอ พลางหันกลับมาพูดกับบรรดาพี่น้องสตรี “ถอยออกไป!”
ทุกคนต่างสะดุ้ง
อวี๋หวั่นกล่าวด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “ข้าฮูหยินสั่งให้พวกเจ้าถอยไป หูหนวกรึไง!”
หลายคนตกใจกับท่าทีของอวี๋หวั่น และไม่กล้าก้าวขึ้นมาด้านหน้าอีก หลังจากมองหน้ากันก็ถอยออกจากสวนด้านหลังไปด้วยความสงสัย
อวี๋หวั่นรีบสั่งการ “จื่อซู! รีบไปนำตะเกียบมา! ฝูหลิง เฝ้าสวนไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้ามา!”
จื่อซูรีบไปโดยไม่พูดพร่ำ บุตรีไม่ทราบชื่อเดินไปมารอบๆ ทางเข้าสวนด้านหลัง พลางมองเข้ามาด้านในด้วยความร้อนใจ อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซียวจื่อเยว่ ทว่าฝูหลิงกลับทำตัวราวกับภูเขาเล็กๆ ทำให้ทุกสายตาที่จับจ้องถูกปิดกั้นไว้มิดชิด
อวี๋หวั่นนำหนอนออกจากร่างกายของเซียวจื่อเยว่ แม้ว่าพวกมันจะเป็นหนอนที่พบเห็นได้ทั่วไป และพิษไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่พวกมันก็กัดผิวบริเวณหน้าอกของเซียวจื่อเยว่จนบวมใหญ่หลายจุด นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ทว่าอาการป่วยที่กำเริบทำให้เซียวจื่อเยว่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ครั้งนี้ อาการรุนแรงกว่าบนรถม้า อวี๋หวั่นรู้ดีว่า หากเธอสั่งให้ทุกคนถอยไป จะยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย แต่หากไม่ทำเช่นนี้ พวกเขาจะล่วงรู้ว่าเซียวจื่อเยว่ป่วยเป็นโรคใด อวี๋หวั่นเลือกที่จะเสียน้อยดีกว่าเสียมาก
อวี๋หวั่นปลดกระดุมของเซียวจื่อเยว่ออก
จื่อซูกลับมาพร้อมกับตะเกียบคู่หนึ่ง อวี๋หวั่นพันตะเกียบด้วยผ้าเช็ดหน้า และกดให้คั่นอยู่ระหว่างฟันกรามบนและล่างทั้งสองข้างของเซียวจื่อเยว่
เซียวจื่อเยว่กัดแน่น
อวี๋หวั่นสั่งจื่อซูอีกครั้ง “เจ้าไปเชิญฮูหยินใหญ่เซียวมา”
“เจ้าค่ะ!” จื่อซูเดินไปตามนาง
เซียวจื่อหลินที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ตกใจกับฉากตรงหน้า นางไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวจากภรรยาหลวงผู้สูงส่งเหนือใครจะป่วยเป็นโรคประหลาด เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไปมิใช่หรือ?
ฮูหยินใหญ่เซียวเดินมาพร้อมกับซั่งกวนเยี่ยน ซั่งกวนเยี่ยนไม่ได้ไปร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ นางพบกับฮูหยินเหยาที่ประตูจวน ทั้งสองพูดคุยกันสองสามประโยค ก่อนจะไปที่ห้องชุนฮุย พวกนางบังเอิญเห็นจื่อซูกำลังเอ่ยบางสิ่งบางอย่างกับฮูหยินใหญ่เซียว สีหน้าของฮูหยินใหญ่เซียวดูไม่สู้ดีนัก ซั่งกวนเยี่ยนไม่ได้รู้จักจื่อซู ทว่าจำสัญลักษณ์ของจวนคุณชายที่เอวของนางได้ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับจวนคุณชาย นางจึงต้องมาดูสักหน่อย
ซั่งกวนเยี่ยนถูกฝูหลิงขัดขวางไว้
ฮูหยินน้อยให้จื่อซูมาเชิญฮูหยินใหญ่เซียวเพียงคนเดียว และไม่ได้เชิญคนอื่น!
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวว่า “ข้าเป็นมารดาคุณชายของเจ้า!”
ฝูหลิง “ฮูหยินน้อยไม่ได้เชิญมารดาคุณชาย”
ซั่งกวนเยี่ยน “???”
เป็นหญิงที่ซื่อบื้ออันใดเพียงนี้!
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ฝูหลิง ให้พระชายาเข้ามา”
จากนั้นฝูหลิงจึงหลีกทางให้
การให้ซั่งกวนเยี่ยนมาด้วย เป็นการอนุญาตจากฮูหยินใหญ่เซียว อวี๋หวั่นเป็นลูกสะใภ้ของซั่งกวนเยี่ยน ในความเห็นของฮูหยินใหญ่เซียว แม้ยามนี้ตนจะปกปิดได้ ทว่ากลับไปอวี๋หวั่นก็ต้องบอกความลับแก่ซั่งกวนเยี่ยนอยู่ดี
สู้ไม่ปิดเสียดีกว่า
“เจ้ากั้นอยู่ที่นี่ อย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้” ซั่งกวนเยี่ยนสั่งสาวใช้ที่มากับนาง
เมื่อสาวใช้ได้รับภารกิจสำคัญ นางยืดอกขึ้นในฉับพลัน และมองไปที่ฝูงชนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ลองมองสิ! ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา!”
ทุกคนหวาดกลัวจนยอมถอยไปเก้าสิบหลี่!
ระยะเวลากำเริบของเซียวจื่อเยว่ครั้งนี้ค่อนข้างนาน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถควบคุมไว้ได้แล้ว นางรอดพ้นจากเหตุการณ์ฉุกเฉินมาได้ โดยปราศจากการดูแลของหมอประจำจวน
ในจวนสกุลเซียวมีหมอประจำจวนอาศัยอยู่ตลอดทั้งปี โดยอ้างว่าฮูหยินใหญ่เซียวมักจะเป็นลมบ่อยๆ และไม่รู้ว่าจะกำเริบขึ้นเมื่อใด ในที่สุดซั่งกวนเยี่ยนก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของบ้านใหญ่
ซั่งกวนเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “พี่สะใภ้ เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านถึงไม่บอก? หากท่านบอกมา พวกเราจะได้ช่วยกันคิดหาวิธี และดูว่าจะรักษาอาการของจื่อเยว่อย่างไร”
ฮูหยินใหญ่เซียวไม่เห็นวี่แววของการดูถูกเหยียดหยามใดๆ บนใบหน้าของซั่งกวนเยี่ยน นางกอดบุตรสาวในสภาพเละเทะมอมแมมด้วยความเจ็บปวดโดยไม่ตอบสิ่งใด
หากนี้มีหนึ่งคนที่สามารถเข้าใจความรู้สึกของฮูหยินใหญ่เซียว ก็ต้องเป็นซั่งกวนเยี่ยนเท่านั้น นางก็มีบุตรที่รักษาอาการเจ็บป่วยไม่หายมาหลายปีเช่นกัน นางไม่ต้องการให้ใครสักคนในใต้หล้าล่วงรู้ความลับนี้ นางใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และใช้ชีวิตอย่างไม่สนใจหน้าตา มีชีวิตอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าวันใดตื่นขึ้นมาต้องพบว่าบุตรชายถูกพรากไปจากนาง ไม่มีใครรับรู้ความเจ็บปวดนี้ได้ดีไปกว่านางแล้ว
นางถอดเสื้อคลุมบนร่าง มาคลุมเซียวจื่อเยว่ที่กระอักกระอ่วน พลางเอ่ยเบาๆ “พี่สะใภ้ พาจื่อเยว่ลงไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด”
ฮูหยินใหญ่เซียวกอดบุตรสาวที่อายุสิบสี่สิบห้าไม่ปล่อย อวี๋หวั่นเรียกฝูหลิง ฝูหลิงโอบเซียวจื่อเยว่ที่ห่อตัวด้วยเสื้อคลุมอย่างแน่นหนา เดินไปที่ห้องพักรับรองแขกอย่างเบามือ
อวี๋หวั่นให้จื่อซูไปหยิบยาปลอบประโลมผิวจากรถม้ามาทาที่รอยบวมของเซียวจื่อเยว่
เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบ และธรรมชาติก็ตรวจสอบได้ง่ายยิ่งนัก จุดที่พวกนางเล่นปาลูกดอกลงเป้าเป็นพื้นหญ้าเปิดโล่ง แมลงไม่มีทางบินเข้าไปในเสื้อผ้าของเซียวจื่อเยว่โดยไม่มีเหตุผล แล้วยังมีถึงสองตัว เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ทว่าเซียวจื่อหลินกลับหายตัวไป
ลูกไม้ของเซียวจื่อหลินยังตื้นเขินนัก หากนางปรากฏตัวในห้องอย่างเปิดเผย และร้องห่มร้องไห้เสียใจกับพี่สาว ฮูหยินใหญ่เซียวก็อาจไม่สงสัยในตัวนาง ทว่าในเมื่อนางหลบซ่อนตัว หากบอกว่าไม่ได้กินปูนร้อนท้อง ใครหรือจะเชื่อ?
ฮูหยินใหญ่เซียวให้คนไปตามตัวเซียวจื่อหลินมา
ใบหน้าของเซียวจื่อหลินซีดเผือด สาวใช้คนสนิททั้งสองของนางพลันขาอ่อนแรงทรุดเข่าลงบนพื้นทันทีที่เข้ามาในห้อง
ฮูหยินใหญ่เซียวค่อยๆ ลุกขึ้นและก้าวไปหาเซียวจื่อหลินทีละก้าว
ร่างกายของเซียวจื่อหลินเริ่มสั่นสะท้าน
แม้อยู่ด้านนอกนางจะทำตัวเย่อหยิ่ง ทว่าในบ้านนางก็เกรงกลัวแม่ใหญ่เหมือนกัน
“แม่…แม่ใหญ่…”
ฮูหยินใหญ่เซียวยกฝ่ามือขึ้นฟาดลงบนใบหน้าของนาง!
“บังอาจนัก! กล้าคิดลอบทำร้ายพี่สาวของเจ้า!”
ฮูหยินใหญ่เซียวตบนางอย่างไม่ปรานี จนใบหน้าด้านที่ถูกตบของเซียวจื่อหลินปูดบวม
เซียวจื่อหลินมองแม่ใหญ่ด้วยความหวาดกลัวและเสียใจ “แม่ใหญ่…ไม่ใช่…ไม่ใช่เช่นนี้…ท่านฟังข้า…ข้าไม่ได้ต้องการทำร้ายพี่รอง…ข้า…ข้าอยากจะแกล้งคนอื่นนิดหน่อย…แต่พี่รองวิ่งเข้าไปเอง…”
ฮูหยินใหญ่เซียวจะเชื่อนางได้อย่างไร?
ต้องเป็นเพราะนางตัวดีอิจฉาบุตรสาวของนางเป็นแน่ จึงพยายามทำร้ายนาง ต้องการให้นางอับอายต่อหน้าสาธารณะ หากนางอวี๋รับมือไม่ทัน บุตรสาวนางคงต้องโชคร้าย และทุกคนก็จะรู้เรื่องที่บุตรสาวของนางป่วย!
เรื่องของบ้านใหญ่ซั่งกวนเยี่ยนไม่อาจเข้าไปก้าวก่าย นางจึงนั่งดูอวี๋หวั่นให้ยาเซียวจื่อเยว่อยู่หลังฉากกั้นเงียบๆ
เซียวจื่อเยว่มีรอยบวมขนาดใหญ่หลายจุดบนร่างกายของนาง ที่เอวของนางก็มีเช่นกัน
เซียวจื่อเยว่รู้สึกตัวตื่นแล้ว แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็รู้สึกอับอาย นอนร้องไห้จนหลับไป
การเคลื่อนไหวของอวี๋หวั่นแผ่วเบา กระทั่งเซียวจื่อหลินก็ไม่รู้ว่านางกับซั่งกวนเยี่ยนนั่งอยู่หลังฉากกั้น
“พาคุณหนูสามกลับจวน!” ในที่สุดฮูหยินใหญ่เซียวก็จำได้ว่านี่คืองานเลี้ยงแต่งงานของเฉิงอ๋อง ไม่สามารถทำให้เรื่องวุ่นวายเกินไป ทว่าเมื่อกลับไปที่จวน นางจะมีวิธีจัดการกับหญิงสาวผู้นี้!
เซียวจื่อหลินถูกสาวใช้แม่บ้านของฮูหยินใหญ่เซียวพา (จับ) ขึ้นรถม้ากลับจวน
เพื่อไม่ให้เกิดข่าวลือซุบซิบนินทา ฮูหยินใหญ่เซียวจึงประกาศว่าบุตรสาวของนางถูกแมงมุมพิษกัด บริเวณที่ถูกกัดไม่สะดวกที่จะให้ผู้ใดเห็น
หลังจากเรื่องนั้น พี่น้องสตรีหลายคนก็มาเยี่ยมเซียวจื่อเยว่ บริเวณหน้าอกและกระดูกไหปลาร้าของเซียวจื่อเยว่มีจุดบวมแดง
“ที่เอวก็มีเช่นกัน” ฮูหยินใหญ่เซียวกล่าวพร้อมกับถอนใจ “จื่อเยว่ขี้ขลาด ตกใจกลัวจนสลบไป ฮูหยินน้อยจะนำแมงมุมพิษออก จึงให้พวกเจ้าทุกคนถอยไป”
ต้องปลดเปลื้องอาภรณ์ออกก่อนจึงจะหาตัวแมงมุมพิษ จึงไม่แปลกที่พวกนางถูกสั่งให้ถอยออกไป
ท่าทีของฮูหยินน้อยในขณะนั้นค่อนข้างดูดุร้าย แต่ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของเซียวจื่อเยว่ พวกนางไม่มีสิ่งใดจะตำหนิ ส่วนสาเหตุที่ฮูหยินน้อยทำเช่นนี้ ยังต้องเอ่ยอีกหรือ? ฮูหยินน้อยเป็นพี่สะใภ้ของเซียวจื่อเยว่ในนามอย่างไรละ!
เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูเฉิงอ๋อง เฉิงอ๋องจึงส่งมามาที่ได้รับอำนาจมา ด้านหนึ่งเพื่อขอโทษฮูหยินใหญ่เซียว เหตุเพราะที่สวนมีแมงมุมพิษ จวนเฉิงอ๋องไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ และอีกด้านหนึ่งเพื่อบอกฮูหยินใหญ่เซียวว่า เฉิงอ๋องได้ส่งคนไปเชิญหมอหลวงมาแล้ว
แน่นอนฮูหยินใหญ่เซียวไม่ยอมให้หมอหลวงมาตรวจวินิจฉัยและรักษาเซียวจื่อเยว่ พี่น้องสตรีสองสามคนดูไม่ออก แล้วหมอหลวงจะดูไม่ออกด้วยอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าเซียวจื่อเยว่ตกใจกลัวจนล้มป่วย
ฮูหยินใหญ่เซียวปฏิเสธความหวังดีของเฉิงอ๋อง และพาเซียวจื่อเยว่กลับไปยังจวนสกุลเซียวด้วยเหตุผลที่เซียวจื่อเยว่ไม่สบาย
พี่น้องสตรีหลายคนเป็นพยานได้ว่า ถูกกัดจนเป็นแบบนั้น อย่างไรก็ต้องกลับบ้านไปพักผ่อน ไม่มีใครสงสัยอะไร และความวุ่นวายก็ค่อยๆ สงบลง
อวี๋หวั่นยังไม่ทันหยุดพักหายใจ ต้ามามาผู้อยู่ข้างกายเฉิงอ๋องก็รีบเข้ามา โค้งคำนับอวี๋หวั่นและกล่าวว่า “ขอถาม…ท่านคือฮูหยินของคุณชายเยี่ยนใช่หรือไม่?”
อวี๋หวั่นพยักหน้า “ข้าเอง มีเรื่องอันใดหรือ?”
ต้ามามาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เรื่องเป็นเช่นนี้ แขกท่านหนึ่งของเรือนเฟยเหยียนดื่มเหล้าเมาจนสลบไป และไม่ทันระวังจนได้รับบาดเจ็บที่มือ เลือดไหลออกมาไม่หยุด หมอหลวงกำลังเดินทางมา ทว่าแขกผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เฉิงอ๋องเกรงว่าจะไม่ทันการ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อครู่ฮูหยินน้อยรักษาบาดแผลถูกแมลงกัดของคุณหนูเซียว คิดว่าฮูหยินน้อยต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ ไม่ทราบว่าท่านจะไปดูอาการของแขกท่านนั้นก่อนได้หรือไม่?”
อวี๋หวั่นมองล่วมยาในมือของจื่อซู่ และพยักหน้า “ท่านนำทางไปเถิด”
ต้ามามาเอ่ยด้วยความดีใจ “ฮูหยินน้อย เชิญ!”
อวี๋หวั่นส่งสัญญาณให้สาวใช้ทั้งสองตามมา พลางถามต้ามามา “แขกท่านใดหรือ?”
ต้ามามาตอบว่า “เป็นทูตของหนานจ้าว”
………………………………………