หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 165.1 เรียกพ่อ (1)
อวี๋หวั่นเป็นคนที่หลับแล้วไม่รู้สึกตัว ไหนเลยจะคิดเช่นนั้น? ได้แต่คิดว่าสามีที่กำลังป่วยหนัก ไร้มีเรี่ยวแรงจะยกตัวเธอออกเสียมากกว่า
แต่เธอเป็นหมอ รู้ดีว่าเขามีไข้ขึ้นสูงทั้งคืน จึงทำให้มีอาการขาดน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอจึงบอกให้จื่อซูผสมน้ำอุ่นครึ่งถ้วยมา จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ป้อนเขาที่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น
จื่อซูรู้ว่าซื่อจื่อเห็นพระชายาซื่อจื่อราวกับเด็กน้อยของตนเอง ไหนเลยพระชายาซื่อจื่อจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน? เพียงแต่ทั้งสองมิได้บอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้เท่านั้น
อวี๋หวั่นทำความสะอาดเสร็จแล้วก็เดินไปที่ห้องของชุยเฒ่า
อิ่งสือซันนำหนังสือที่เขาเก็บสะสมไว้มาแล้ว เขาพลิกเปิดอ่านเกือบตลอดทั้งคืน ยามนี้จึงยังนอนอยู่ ประตูของจวนคุณชายไม่มีเสียงดังเวลาเปิดปิด แต่ชุยเฒ่าลงสลักประตูไว้ ได้ยินเพียงเสียงแกร๊กเดียว สลักประตูก็แตกออก ร่างของอวี๋หวั่นเดินเข้ามา
ชุยเฒ่าสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที “…”
ชุยเฒ่าลุกขึ้นนั่งก่อนจะดึงผ้านวมขึ้นกั้นอกเล็กของตนเอง “เจ้าๆๆ…เจ้าจะทำอันใด?!”
“มาหาท่านไง” อวี๋หวั่นกล่าว
ชุยเฒ่าเริ่มโกรธอย่างร้อนรน “เจ้าเป็นสตรี บุกเข้าห้องบุรุษตามใจตนเช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้า…เจ้าเคาะประตูไม่เป็นหรือ?”
“ข้าเคาะแล้ว ทว่าท่านไม่ได้ยิน ข้าก็เลยต้องเข้ามาด้วยตนเอง แล้วก็…” คำพูดของอวี๋หวั่นหยุดลง เธอกวาดสายตามองเขาขึ้นลงพลางทอดถอนใจ “จะกล่าวว่าเป็นบุรุษก็กะไรอยู่ เห็นอยู่ตำตาว่าเป็นคนชรา…”
ชุยเฒ่าที่ถูกลูกธนูหมื่นดอกปักเข้ากลางอก “…”
อวี๋หวั่นไม่ได้มาที่นี่เพื่อล้อเล่นกับเขา แต่มาหาเขาด้วยเรื่องสำคัญ “ข้าต้องไปเข้าวัง เยี่ยนจิ่วเฉาคงต้องฝากให้ท่านดูแล หากเขาเป็นอันตรายใดแม้แต่น้อย ข้าจะฆ่าท่าน!”
ชุยเฒ่าจ้องถมึง “เด็กสตรีเยี่ยงเจ้าไยถึงดุร้ายถึงเพียงนี้!”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ท่านเข้ามาที่จวนคุณชายแล้ว ก็ถือว่าท่านได้ทรยศต่อสวี่เสียนเฟยและจิ้งอ๋อง ทันทีที่มีข่าวแพร่งพรายออกไป แม้นข้าไม่ฆ่าท่าน พวกเขาก็ฆ่าท่านอยู่ดี”
“ข้าถูกพวกเจ้าลักพาตัวมา!” ชุยเฒ่าหัวเสียแทบคลั่ง
อวี๋หวั่นยิ้มจางๆ “ผู้ใดจะเชื่อท่าน?”
ที่แน่ๆ มารดากับบุตรคู่นั้นไม่มีทางเชื่อ
ชุยเฒ่านอนลงอย่างหมดอาลัย ดึงผ้านวมขึ้นคลุมหัวและไม่ใคร่จะเสวนากับเด็กคนนี้อีกต่อไป
อวี๋หวั่นได้คิดอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเดินทางเข้าวัง ข่าวว่าคนบางคนในราชวงศ์หนานจ้าวต้องการชีวิตของเยี่ยนจิ่วเฉา ฮองเฮาเป็นผู้เปิดเผยให้เธอรู้ เธอคิดว่าอาจจะได้เบาะแสบางอย่างเพิ่มเติมจากปากของฮองเฮาก็เป็นได้
อวี๋หวั่นให้ฝูหลิงกับจื่อซูอยู่ดูแลเยี่ยนจิ่วเฉา อย่างไรก็มีสาวใช้เพียงสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องการติดพิษของเยี่ยนจิ่วเฉา ส่วนคนอื่นๆ อวี๋หวั่นบอกเพียงว่าเขาไม่สบายเพราะลมหนาว
ตำหนักเจาหยางนับวันยิ่งคึกคัก สนมมากมายต่างแวะเวียนมาที่นี่ทุกวัน ส่วนตำหนักเสียนฝูไม่มีความเคลื่อนไหวใดมากนัก สวี่เสียนเฟยใช้ข้ออ้างว่างานยุ่งจึงไม่มีโอกาสไปถวายพระพรฮองเฮา
ใช่ แม้จะถูกฮ่องเต้ดูแคลน ทว่าตราประทับและอำนาจในการควบคุมวังหลังก็ยังอยู่ในมือนาง
สวี่เสียนเฟยเรียนรู้ที่จะรักษาอารมณ์ ตราบใดที่นางไม่ได้กระทำผิด ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางยึดอำนาจคืนไปจากนางได้
ฮองเฮาพยายามหาเรื่องจับผิดสวี่เสียนเฟยอยู่เสมอ ทว่าสวี่เสียนเฟยเก็บตัวอยู่ในตำหนักเสียนฝูอย่างเชื่อฟัง ทั้งยังทุ่มเททำงานดูแลฝ่ายในแทนฮ่องเต้ ไม่ยอมให้ฮองเฮาจับได้ไล่ทันแม้แต่ก้าวเดียว
“พระชายาซื่อจื่อ” ด้านนอกตำหนักเจาหยาง แม่นางชุยคำนับอวี๋หวั่น
“ฮองเฮากำลังพบแขกอยู่หรือ?” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างสุภาพ
อวี๋หวั่นไม่ได้มาเข้าเฝ้าโดยไม่ได้รับเชิญ เธอได้ส่งจดหมายมาบอกฮองเฮาล่วงหน้าแต่เช้าตรู่ เมื่อฮองเฮาอนุญาตจึงได้เดินทางมา ทว่ายามนี้เป็นช่วงเวลาที่สนมทั้งหลายมาถวายพระพรฮองเฮาพอดี เธอควรจะมาถึงให้ช้ากว่านี้
แม่นางชุยยิ้มและกล่าวว่า “หาได้เป็นเช่นนั้น ทราบดีว่าพระชายาซื่อจื่อจะมา ฮองเฮามิได้ให้พวกนางอยู่เสวนาต่อ อีกไม่นานก็แยกย้ายไปแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนา ก็เห็นนางสนมหลายคนเดินจับมือกันออกมาจากห้องโถง พวกนางยังดูอายุน้อยยิ่งนัก
แม่นางชุยยิ้มและเอ่ยว่า “พวกนางคือหลี่ไฉเหริน หวังไฉเหรินและเหอไฉหนี่ว์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่”
หลังจากทำให้สนมเจาเฟยตั้งครรภ์ได้ในวัยนี้ ฮ่องเต้ก็กลับรู้สึกว่าตนเองยังมีกำลังวังชา กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง พระองค์จึงเสด็จมาที่วังหลังบ่อยกว่าในอดีตมาก สวี่เสียนเฟยที่ยังคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ ทำให้ฮ่องเต้พักที่ตำหนักของนางนานถึงสองวันติดต่อกัน ฮองเฮาร้อนใจ ไม่ง่ายดายที่จะมีสนมเจาเฟย ทว่าสนมเจาเฟยก็กำลังตั้งครรภ์ ไม่อาจปรนนิบัติรับใช้บนแท่นบรรทม ฮองเฮาจึงหาหญิงงามมาอีกสองสามคนเพื่อต่อกรกับสวี่เสียนเฟย
อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจอนุภรรยาของฮ่องเต้ เธอก้มหัวและเดินเข้าไปในตำหนักเจาหยางพร้อมกับแม่นางชุย
องค์หญิงจิ่วกำลังท่องตำราอยู่ด้านหลังประตูกั้น เสียงเด็กหญิงที่ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้น ชวนให้รู้สึกสนใจอย่างน่าประหลาด
ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์ เมื่อเห็นอวี๋หวั่นกำลังจะคำนับ ก็แผยยิ้มเริงร่าพลางทำมือเงียบๆ และลุกขึ้นยืนอย่างนุ่มนวล เดินไปหาอวี๋หวั่นที่ด้านหน้า จากนั้นก็จับมืออวี๋หวั่น พร้อมกับส่งสายตาบอกให้เธอตามออกมา
ทั้งสองเดินตามกันออกมาจากห้องโถงใหญ่ ผ่านทางเดินไปยังสวนเล็กๆ ที่มีเงาไม้ร่มรื่น ฮองเฮาปล่อยมืออวี๋หวั่น และยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวจิ่วอันใดก็ใช้ได้หมด เสียแต่นางไม่ยอมเรียนหนังสือ บิดาของนางลงมาตรวจการบ้านด้วยพระองค์เองทุกสามวัน ค่ำนี้ก็เข้าวันที่สามแล้ว ข้าขอให้นางตั้งใจเรียน อย่าได้ทำให้บิดาขุ่นเคือง”
นี่นับเป็นการอวดบุตรกลายๆ องค์หญิงจิ่วเป็นสตรี จะเรียนเก่งหรือไม่มิใช่เรื่องสำคัญ ทว่าสิ่งสำคัญคือฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับนางมาก เมื่อพระองค์มาตรวจการบ้านนางก็จำต้องเสวยพระกระยาหารที่ตำหนักเจาหยางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับเป็นบุญคุณที่นางมีต่อฮองเฮา
“ฮองเฮาสอนได้ดี” อวี๋หวั่นกล่าวเยินยอ
คำพูดของเธอได้ผล ฮองเฮาคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม จู่ๆ ฮองเฮาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ พลันเอ่ยด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าฉงเอ๋อร์ไม่สบาย ไม่ได้ไปว่าราชการในวันนี้”
อวี๋หวั่นแสดงความกังวลอย่างพอเหมาะ “ก่อนหน้านี้สองสามวันเขาถูกฝน ทำให้ร่างกายภายในเย็นชื้น และตัวร้อนเป็นไข้สูงกลางดึก หม่อมฉันส่งคนไปแจ้งลาที่ราชสำนักแล้วเพคะ”
“ให้หมอหลวงไปตรวจดูหรือยัง?” ฮองเฮาถามด้วยความเป็นห่วง
การเจ็บป่วยจากฟ้าฝนลมหนาวมิใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ใช่คนปกติ ฮองเฮาทราบเรื่องที่เขาจะมีชีวิตอยู่ไม่เกินยี่สิบห้า นางไม่อยากสูญเสียกำลังสำคัญที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไป ก่อนที่บุตรชายของนางจะขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ดังนั้นความกังวลที่มีต่อเยี่ยนจิ่วเฉาของนางในยามนี้เป็นเรื่องจริง หากถามว่าในวังหลวงผู้ใดไม่คาดหวังให้เยี่ยนจิ่วเฉาจัดการเรื่องต่างๆ ก็ย่อมเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาอยู่แล้ว
อวี๋หวั่นตอบกลับไปว่า “เชิญท่านหมอมาแล้วเพคะ ท่านหมอบอกว่าไม่มีสิ่งใดน่ากังวล เพียงแค่ต้องพักผ่อนอยู่บนเตียงสักสองสามวัน”
ฮองเฮายังมิคลายกังวล “ให้หมอหลวงไปดูเสียหน่อยก็ดี หมอหลวงเหลียงมีทักษะการแพทย์เป็นเลิศ ประเดี๋ยวจะให้ไปตรวจชีพจรฉงเอ๋อร์สักหน่อย”
อวี๋หวั่นเข้าใจความตั้งใจของฮองเฮา มีชุยเฒ่าอยู่ เธอไม่กลัวว่าหมอหลวงเหลียงจะพบเบาะแสใด ในเมื่ออย่างไรชุยเฒ่าก็ไม่ยอมให้หมอหลวงเหลียงได้รับรู้สิ่งใดอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรกังวลอีกต่อไป
ชุยเฒ่าที่กำลังปรุงยาอยู่ในจวนคุณชายจามออกมาโดยไม่มีสาเหตุ!
รู้สึกเหมือนมีคนแอบนินทาเขาในใจอีกแล้ว!
“ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ” อวี๋หวั่นค้อมกายคารวะ
ฮองเฮาถามอวี๋หวั่นว่าระยะนี้เธอสบายดีหรือไม่ อวี๋หวั่นก็ถามถึงสภาพปัจจุบันของพระชายาองค์ชายใหญ่ พระชายาองค์ชายใหญ่ตั้งครรภ์ได้สี่เดือนกว่าๆ แล้ว ไม่อยู่ในช่วงอันตรายแล้ว ความอยากอาหารก็ดีขึ้น ท้องก็โตขึ้น เพียงแต่ท้องของนางโตกว่าหญิงตั้งครรภ์คนอื่น เหล่ามามาต่างบอกว่านางตั้งครรภ์บุตรแฝด
“หากให้กำเนิดองค์ชายจ้ำม่ำสองพระองค์ได้ก็คงดี” ฮองเฮาตรัสอย่างไม่อาจเก็บซ่อนความคาดหวัง
พระชายาองค์ชายใหญ่เป็นคนดี อวี๋หวั่นก็หวังว่านางจะสามารถให้กำเนิดบุตรชายคู่หนึ่งเช่นกัน
หลังจากด้านนี้ทักทายกันแล้ว ทางด้านแม่นางชุยก็ได้จัดวางชุดน้ำชาไว้ในศาลาเรียบร้อยแล้ว ฮองเฮาเดินนำอวี๋หวั่นเข้าไป และหันไปสั่งข้าราชบริพารทั้งหลายให้ออกไป เหลือเพียงแม่นางชุยที่อยู่ข้างกาย “ว่ามาเถิด วันนี้เจ้ารีบร้อนมาพบข้ามีเรื่องอันใด?”
“ตอบฮองเฮาตามตรง หม่อมฉันมีเรื่องใคร่จะถามเพคะ”
“อ้อ? เรื่องใดหรือ?”
อวี๋หวั่นหันมองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าในสวนนี้มีเพียงฮองเฮากับแม่นางชุย จากนั้นจึงเอ่ยอย่างมั่นใจ “ฮองเฮาเคยบอกว่ามีคนในราชวงศ์หนานจ้าวต้องการชีวิตของเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงทราบมาจากที่ใดหรือเพคะ?”
เธอสงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าในเวลานั้นทั้งสองยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่สะดวกก้าวล่วงสอดแนมไพ่ใบสำคัญของอีกฝ่าย
ฮองเฮาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ว่านางต่อต้านคำถามนี้อยู่เล็กน้อย ทว่านางก็เข้าใจบุคลิกของอวี๋หวั่น หาใช่คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร
………………………………………….