หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 173.1 เด็กอ้วนใสซื่อแสนร้ายกาจ หวั่นหวั่นจอมบงการ (1)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 173.1 เด็กอ้วนใสซื่อแสนร้ายกาจ หวั่นหวั่นจอมบงการ (1)
การเกลี้ยกล่อมเยี่ยนจิ่วเฉาของอวี๋หวั่นมิได้ราบรื่นอย่างที่คิด เดิมทีอวี๋หวั่นตั้งใจจะพาฝูหลิง จื่อซูและเจียงไห่เดินทางไปพร้อมกับครอบครัวของอาเว่ย และให้เยี่ยนจิ่วเฉารอฟังข่าวอยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวา
เยี่ยนจิ่วเฉาเขี่ยจิ้งจอกหิมะลงจากตัก และถามอย่างใจเย็น “พวกเขาจะให้อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วไปหาวัตถุดิบยาหรือ?”
“ใช่” อวี๋หวั่นพยักหน้า “หญ้าไร้กังวลในดินแดนที่หนาวจัด กับหินกำมะถันที่ร้อนจัด”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปที่ชุยเฒ่า
ชุยเฒ่ารู้ความ พลันพยักหน้า “วัตถุดิบยาทั้งสองนี้มีฤทธิ์ในการล้างพิษ”
แต่หากเป็นเช่นนี้ อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วก็จะไม่ได้อยู่กับอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นเป็นคนซื่อ เยี่ยนจิ่วเฉาผ่านร้อนผ่านหนาวมานานยี่สิบปี รู้ดีว่าใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง ให้องครักษ์ที่เขาไว้ใจที่สุดแยกไป ผีเท่านั้นที่จะรู้ว่าพวกเขาคิดจะใช้แผนอะไร
แต่หากไม่ไป พิษนี้ก็ไม่อาจถอนได้
ไปแล้ว ก็กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “ใต้หล้านี้หามีนักบุญและพ่อมดไม่ ครอบครัวอาเว่ยไม่ได้บอกเจ้าเรื่องนี้หรือ? หากเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ข้าก็เริ่มจะสงสัยเรื่องวัตถุดิบยาพิเศษที่พวกเขาว่าแล้ว”
อวี๋หวั่นไม่ใส่ใจ “ชุยเฒ่าก็กล่าวถึงวัตถุดิบยาพิเศษนี้ด้วยมิใช่หรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “ชุยเฒ่าได้ยินมาจากโรงน้ำชา แล้วพวกเขาก็เช่นกัน”
“…” อวี๋หวั่นเงียบสนิท ไม่อาจโต้แย้งคำพูดของเขาได้ เธอหยุดชะงักและเอ่ยต่อว่า “สิ่งต่างๆ ในใต้หล้านี้หาได้มีผลลัพธ์เสมอไป แต่ลองดูก็ไม่เลว หากยังไม่ได้ลอง จะตัดใจยอมแพ้เลยได้อย่างไร?”
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองเธอเนือยนิ่ง “ทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้ก็ยังทำอีกหรือ?”
ดวงตาของอวี๋หวั่นใสราวกับน้ำ “ไม่ได้อย่างไร? อย่างมากก็เหมือนกับยามนี้”
เยี่ยนจิ่วเฉาเงียบลง
อวี๋หวั่นเดินไปนั่งยองๆ ด้านหน้าและเงยหน้าขึ้นมองเขา “ท่านรู้หรือไม่? คราแรกที่ขาของลุงใหญ่พิการ ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าเขาจะรักษาให้หายได้ ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อ ทว่าข้าเพียงต้องการรักษาเขา แล้วยามนี้เขาก็หายแล้วจริงๆ! พิษตู๋โจ้วของท่านก็เช่นกัน ยามนั้นข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะถอนพิษได้อย่างไร แต่ข้าคิดว่ามันแก้ไขได้ แล้วยามนี้มิใช่แก้ได้แล้วหรือ? ครานี้ พวกเราได้รู้ว่าวัตถุดิบยาพิเศษคือสิ่งใด แล้วยังมีเหตุผลใดที่จะไม่ออกตามหา?”
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจเบาๆ “เจ้าดื้อเช่นนี้มาตลอดเลยหรือ?”
อวี๋หวั่นก้มศีรษะลง แนบใบหน้ากับฝ่ามือของเขา “ใช่ ข้าดื้อเช่นนี้มาตลอด หากท่านจะเสียใจก็คงสายไปเสียแล้ว”
“ผู้ใดบอกว่าข้าเสียใจ” เยี่ยนจิ่วเฉาเมินหน้าหนี ฝ่ามือที่ถูกแก้มของเธอกดรู้สึกร้อนผ่าว
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตายิ้มแย้ม “เช่นนั้นข้าถือว่าท่านตกลงแล้ว”
เอาละ หากไปแล้วหาไม่เจอ สตรีผู้นี้คงจะตัดใจไปเอง
“ข้ามีเงื่อนไข” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
“ว่าอย่างไรหรือ” อวี๋หวั่นเบิกตากว้างมองเขา
“เจ้าต้องไปกับข้า” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
อวี๋หวั่นส่ายศีรษะ “เช่นนั้นไม่ได้ การเดินทางยากลำบาก มันหนักเกินกว่าที่ร่างกายของท่านจะรับไหว”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไป”
อวี๋หวั่นกำลังจะอ้าปาก
เยี่ยนจิ่วเฉาก็ชิงกล่าวต่อ “ข้าเป็นสามีของเจ้า สามีเดินนำ ภรรยาเดินตาม เจ้าต้องฟังข้า”
เรื่องนี้ไม่อาจต่อรองได้ อวี๋หวั่นจำต้องยอมให้เขาไปด้วย แต่อวี๋หวั่นก็บอกว่าทั้งการเดินทางเสื้อผ้าอาหารที่พักต้องฟังเธอ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยอมตกลง
สำหรับชายชรา การมีเยี่ยนจิ่วเฉาเพิ่มมาคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะอย่างไรค่าเดินทางก็ไม่ได้เก็บกับเขา
เรื่องนี้ได้ถูกตัดสินใจอย่างมีความสุข
อวี๋หวั่นไปพบท่านพ่อกับท่านแม่ แต่เธอก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เยี่ยนจิ่วเฉาถูกพิษไป๋หลี่เซียงและกำลังไปตามหาวัตถุดิบยามาถอนพิษ เธอบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติในเมืองเยี่ยน พวกเขาต้องกลับไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง ส่วนครอบครัวของอาเว่ยต้องกลับไปบูชาบรรพบุรุษที่บ้านเกิดซึ่งอยู่ทิศใต้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปด้วยกัน
ชุยเฒ่าก็ถูกพามาเช่นกัน เขาอยู่บ้านคนเดียว ครั้นเมื่อออกเดินทางไปหาวัตถุดิบยาก็มักจะหายไปนานมิได้กลับมา ผู้คนจึงไม่แปลกใจหากจู่ๆ วันหนึ่งเขาจะหายตัวไป
ไข่ดำทั้งสามถูกอวี๋หวั่นปล่อยให้อยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวา
ก่อนจะจากไป อวี๋หวั่นก็กล่าวลาบุตรชายของตน “พ่อกับแม่จะออกเดินทาง จงเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสอนของท่านตาท่านยาย แล้วก็ตั้งใจฝึกกังฟูกับอาเว่ยนะรู้หรือไม่?”
ไข่ดำทั้งสามกอดคอมารดาเนิ่นนาน แล้วจึงยอมปล่อยอย่างไม่เต็มใจ
“เจ้าดูแลบ้านให้ดี เมื่อเราไปถึงเผ่าแล้วจะส่งพิราบสื่อสารมาบอกข่าวให้เจ้ารู้ พอถึงเวลานั้น เจ้าก็เปิดเผยเรื่องนี้กับนาง นางต้องตามเจ้ากลับไปอย่างเชื่อฟังเป็นแน่” ชายชราสั่งอาเว่ยอย่างเคร่งขรึม ทว่าความจริงแล้ว อาเว่ยจะอยู่ที่นี่หรือไม่มิได้สำคัญ ตราบใดที่อวี๋หวั่นเข้าสู่เผ่าปีศาจ สตรีผู้นั้นย่อมตามมาเป็นแน่
ทว่าอาเว่ย เด็กผู้นี้มักก่อปัญหา ครานี้ไม่อาจให้เขาทำมันพังได้อีก!
ชายชรา ชิงเหยียนและพวกเยว่โกวก้าวขึ้นรถม้า เดินทางออกไปจากหมู่บ้านอย่างเด็ดเดี่ยว
โรงเรียนในหมู่บ้านไม่อาจหยุดเรียนได้ อวี๋หวั่นจึงฝากจดหมายไปถึงไป๋ถัง ขอให้นางช่วยหาอาจารย์กับผู้ดูแลบัญชีให้ชั่วคราว
ในเช้าที่อากาศแจ่มใส กลุ่มคนได้เดินทางออกจากหมู่บ้าน
และในคืนที่ดวงจันทร์มืดมิดไร้สายลม อาเว่ยควบม้าออกจากหมู่บ้าน
คิดจะทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่หรือ?
เหอะ!
คิดว่าเขากลับไปเองไม่ได้หรือ?!
เขาไม่อยากเป็นอาจารย์ให้ลูกศิษย์ไร้ประโยชน์ทั้งสามในที่ที่แม่ไก่ไม่ไข่ นกกาไม่ถ่าย[1] อีกแล้ว!
เขาพอแล้ว! ฮึ!
ไข่ดำทั้งสามปีนขึ้นรถม้า และนั่งอยู่บนม้านั่งอย่างเชื่อฟัง
อาเว่ยเปิดผ้าม่านเพื่อนำอาหารแห้งไปวาง ทว่าไข่ดำทั้งสามดำมากจนกระทั่งกลมกลืนไปกับความมืดในยามราตรี น่าตกใจที่อาเว่ยมองไม่เห็นพวกเขา
อาเว่ยเหวี่ยงแส้ จากนั้นรถม้าก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป
อาเว่ยอารมณ์ดียิ่งนัก ในที่สุดเขาก็กำจัดไอ้ตัวเล็กพวกนั้นออกไปได้ ว่ะฮ่าฮ่า!
…
เดือนแปด ย่างเข้าสู่สารทฤดู อุณหภูมิในเมืองหลวงค่อยๆ เย็นลง ทว่าเมืองชิงเหอยังคงร้อนเหมือนคิมหันตฤดู
รถม้าสามคันจอดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมสภาพทรุดโทรมแห่งหนึ่ง
เจ้าของรถม้าคันนั้นหาใช่ใครอื่น คือเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นที่เดินทางมาหลายพันหลี่
พวกเขาเดินทางผ่านหวั่นเฉิงเข้าสู่อาณาเขตหนานเจียงเมื่อสองวันก่อน เหตุเพราะพวกเขาไม่มีใบอนุญาตเดินทางไปหนานเจียง ไม่สะดวกใช้ถนนทางการ จึงต้องใช้เวลาพอสมควรในการเปลี่ยนเส้นทาง
เมืองชิงเหอเป็นเมืองชายแดนของหนานเจียง ค่อนข้างแห้งแล้งและล้าหลัง ทางการไม่ได้ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด จึงเหมาะแก่การเป็นที่อยู่ของผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตเดินทางอย่างยิ่ง
เจียงไห่ขับรถม้าคันที่มีอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา ส่วนชิงเหยียนขับรถม้าคันที่มีจื่อซูและฝูหลิง และรถม้าคันหลังสุดที่มีชายชราและชุยเฒ่านั่งอยู่ คนขับก็คือเยว่โกว
เยี่ยนซื่อจื่อไม่ขาดเงินทอง ตลอดทางที่ผ่านมาพวกเขาพักในโรงเตี๊ยมที่หรูหราที่สุด ทว่าชิงเหอเป็นเมืองยากจน โรงเตี๊ยมแห่งนี้นับว่าดีที่สุดในเมืองแต่กลับยังมีสภาพที่ทรุดโทรม
เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นลงจากรถม้า
“บ่าวจะไปถามว่ามีห้องว่างหรือไม่นะเจ้าคะ” จื่อซูเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม และถามกับพนักงานที่โต๊ะต้อนรับซึ่งกำลังหลับอยู่ “มีห้องว่างหรือไม่? พวกเราต้องการเข้าพัก”
พนักงานที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะถูกปลุกให้ตื่นอย่างไม่เต็มใจ เขาลูบหน้าผากพลางมองไปที่จื่อซู “หือ?”
จื่อซูเอ่ยซ้ำ “มีห้องว่างหรือไม่?”
หากไม่มีพวกเขาก็จะได้ไป เหนื่อยกับการเดินทางมาตลอดทั้งวัน ซื่อจื่อกับพระชายาซื่อจื่อคงเหนื่อยแย่แล้ว
พนักงานชำเลืองมองจื่อซูซึ่งแต่งตัวดูดีไม่ธรรมดา และยังมีปิ่นสีเงินประดับบนผม…
พนักงานยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ต้องการกี่ห้องละ?”
จื่อซูกล่าว “สี่ห้อง สามห้องชั้นบน หนึ่งห้องชั้นล่าง”
พนักงานโบกมืออย่างไม่อดทน “ห้องชั้นบนชั้นล่างอันใด? มีแค่สองห้อง จะอยู่หรือไม่เล่า!”
ตลอดการเดินทาง จื่อซูคุ้นเคยกับการพบเจอสีหน้าหลากหลายรูปแบบ รูปแบบเช่นนี้ค้าขายครั้งเดียว ไม่ต้องสงสัยว่าจะมีลูกค้ามาที่ร้านอีก มารยาทแย่ยิ่งนัก นางไม่ได้เอ่ยตอบ และกลับออกไปรายงานอวี๋หวั่น “ฮูหยิน เหลือเพียงสองห้อง และเดาว่าคงไม่ใช่ห้องหลัก”
การเดินทางมาข้างนอก จำต้องปิดตัวตนที่แท้จริง เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเป็นคุณชาย อวี๋หวั่นเป็นฮูหยิน ชายชราเป็นผู้ดูแลบ้าน ชุยเฒ่าเป็นพ่อบ้าน ชิงเหยียนกับเยว่โกวเป็นองครักษ์ส่วนตัว จื่อซูกับฝูหลิงก็ยังคงเป็นสาวใช้
อวี๋หวั่นเงยหน้าดูท้องฟ้าอันมืดมิดและเอ่ยว่า “เช่นนั้นสองห้องก็สองห้อง เมื่อครู่โรงเตี๊ยมที่ถามมาก็เต็มหมดแล้ว คาดว่าที่ต่อไปก็น่าจะเต็มเช่นกัน”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจองห้องให้” จื่อซูหยิบเงินและเดินไปจองสองห้องนั้นกับผู้จัดการ
ทั้งสองห้องไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน แต่มีห้องคั่นอยู่ระหว่างกลาง
พวกเขาพักเพียงคืนเดียวและจะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้
เยว่โกวกับชิงเหยียนช่วยสาวใช้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทาง ที่นอน หมอน ฯลฯ ลงจากรถม้า เยี่ยนซื่อจื่อก็ต้องใช้ของที่สะอาดที่สุด แม้ว่าจะเดินทางมาข้างนอกก็ตาม
……………………………………………..
[1] แม่ไก่ไม่ไข่ นกกาไม่ถ่าย 鸡不下蛋鸟不拉屎 อุปมาถึง สถานที่ที่อยู่ห่างไกลและรกร้าง