หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 174.1 พี่จิ่วเทพแห่งทรัพย์ แม่ทัพเทวดาแห่งหนานจ้าว (1)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 174.1 พี่จิ่วเทพแห่งทรัพย์ แม่ทัพเทวดาแห่งหนานจ้าว (1)
หากอยู่ในต้าโจว อวี๋หวั่นคงรายงานทางการไปแล้ว แต่ในสถานที่อย่างชิงเหอนั้น ข้าราชการกับโจรผู้ร้ายก็รวมหัวกัน ฝ่ายหนึ่งทำผิด สถานะของพวกเขาก็ไม่มีทางถูกเปิดเผย
เจียงไห่จับพวกนั้นมาแล้วค้นตัวหาเงิน แต่กลับไม่พบเลยแม้แต่เหรียญทองแดงเดียว
เมื่ออวี๋หวั่นนึกได้ว่าพวกเขาแอบได้ยินว่าพวกตนไม่มีหนังสือผ่านทาง จึงหยิบขวดยาลูกกลอนออกมา แล้วให้เจียงไห่บังคับให้พวกเขากิน “ยาพิษชนิดนี้ออกฤทธิ์ในหนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือนข้าถึงจะให้ยาถอนพิษแก่พวกเจ้า ถ้าหากระหว่างนี้พวกเจ้ากล้ารายงานทางการ…ก็ระวังชีวิตน้อยๆ ของพวกเจ้าไว้ให้ดี!”
“จอมยุทธ์หญิงวางใจได้! พวกข้าไม่กล้าทำหรอก! ”
อันธพาลให้คำมั่นสัญญา
อวี๋หวั่นมิได้เหลือหนทางต่อรองให้กับโจรใจโฉดเหล่านี้ เพียงแต่ตอนนี้ขู่พวกเขาให้กลัวก็เท่านั้น รอให้เข้าซีเฉิงและปลอมสถานะได้ก่อน ต่อให้โรงเตี๊ยมไปแจ้งทางการก็สายไปเสียแล้ว
อวี๋หวั่นให้เจียงไห่จับพวกเขาโยนเข้าห้องไป
เมื่อเหตุการณ์จบลง ผู้คนต่างก็แยกย้ายกลับเข้าห้องของตนไป ผู้เดียวที่ปราศจากการเคลื่อนไหวก็คือภิกษุซึ่งอยู่ห้องข้างๆ ประตูห้องของพวกเขาไม่มีการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าไหลตายไปแล้ว หรือว่าไม่ใส่ใจจะออกมามุงดูเหตุการณ์
ครั้งแรกที่พบกับการปล้นก็คือเมื่อเดินทางออกมาจากตำบลเหลียนฮวาได้ไม่นาน พวกเขาไปยังอีกเมื่องหนึ่งไม่ทัน จึงต้องค้างแรมระหว่างทาง กลางดึกก็พบกับโจรอีกกลุ่มหนึ่ง
จื่อซูตกใจกลัวจนแทบเป็นลม ร่างของนางสั่นเทิ้ม รีบวิ่งไปหาฝูหลิงซึ่งถูกดูแคลนมาตลอด
เพียงครู่เดียวเจียงไห่ก็จัดการโจรเหล่านั้นเรียบร้อย
เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่สองและครั้งที่สามตามมา จากครั้งแรกที่กลัวจนสติเตลิด บัดนี้จื่อซูสามารถข่มตาหลับได้ทันทีหลังจากเกิดเรื่องน่าอกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้
คนอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง พวกเขาล้มตัวลงนอนได้ทันที
ขอบฟ้าเริ่มมีแสงรำไร พวกเขาตื่นนอน ในโรงเตี๊ยมจัดอาหารชั้นดีและสุราชั้นเลิศให้พวกเขา ทุกคนต่างกินกันจนอิ่มหนำสำราญ จากนั้นก็เก็บสัมภาระออกเดินทาง
วันนี้อากาศเป็นใจ ไร้ลมไร้ฝน แดดไม่แรง รถม้าทั้งสามคันเดินทางถึงซีเฉิงอย่างราบรื่น
นอกซีเฉิงมีตลาด ในตลาดนี้มีตลาดมืดซึ่งไม่อาจเปิดเผยให้ผู้คนทั่วไปรู้ หนังสือผ่านทางสามารถหาได้ในตลาดมืดแห่งนี้
“ฮูหยิน…เอ่อ ไม่สิ คุณชายรอง หนวดของท่านหลุดแล้วเจ้าค่ะ” จื่อซูชี้ไปยังหนวดปลอมของอวี๋หวั่น
หลังจากออกจากตำบลชิงเหอ อวี๋หวั่นก็ปลอมเป็นผู้ชาย เหตุผลแรกก็เพื่อความสะดวก เหตุผลที่สองก็คือเพื่อป้องกันคนเหล่านั้นไปรายงานทางการและจดจำพวกเขาได้
หนวดปลอมข้างหนึ่งร่วงลงบนพื้น อวี๋หวั่นจึงไม่คิดจะติดมันอีก และหยิบส่งให้จื่อซู
เจียงไห่มองไปยังฝูงชนอันแน่นขนัดเบื้องหน้า เขาบอกกับอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาว่า “คุณชายทั้งสองโปรดรอข้า
อยู่บนรถม้า ประเดี๋ยวข้ากับชิงเหยียนกลับมา”
พูดจบ เขาก็ลงจากรถ แล้วเดินไปยังร้านหนังสือซึ่งทำหนังสือผ่านทางพร้อมกับชิงเหยียน
ชิงเหยียนมิได้เดินนำทาง แต่กลับพบว่าเจียงไห่ไม่ได้เดินหลงทางแต่อย่างใด เขามองเจียงไห่อย่างพินิจพิจารณาครู่หนึ่ง “เจ้าเคยมาหรือ?”
เจียงไห่ไม่ตอบ
ชิงเหยียนดูออกแต่แรกแล้วว่าวิชายุทธ์ของบุรุษผู้นี้เก่งกาจกว่าเขา ย่อมไม่อาจถูกคนลักพาตัวไปขายได้ เป็นไปได้ว่าเขามีอีกสถานะหนึ่งซึ่งไม่อาจเปิดเผยได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงมาอยู่ข้างกายอวี๋หวั่น
“ทางที่ดีเจ้าควรจะซื่อสัตย์ต่อฮูหยิน”
ชิงเหยียนตักเตือน
เจียงไห่เหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ “คำพูดนี้พวกเจ้าเก็บไว้บอกตนเองเถิด”
ชิงเหยียนหรี่ตา
เจียงไห่มิได้ใส่ใจเขาอีก เขาเดินตรงไปยังร้านหนังสือ
ร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งไว้บังหน้า สิ่งที่ทำล้วนแต่เป็นธุรกิจสีเทา และหนึ่งในสิ่งที่ทำรายได้มากที่สุดก็คือหนังสือผ่านทาง
การตรวจตราของหนานจ้าวนั้นเข้มงวดกว่าต้าโจวมาก หากไม่มีหนังสือผ่านทางอาจถูกจับกุมตัวได้ ทว่าหนังสือผ่านทางของซีเฉิงก็มิใช่ว่าจะได้มาง่ายถึงเพียงนั้น
เมื่อเดินเข้าไปในร้านหนังสือ เจียงไห่ก็เดินเข้าไป เขามองไปยังผู้จัดการร้านซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาดีดลูกคิด “ทิศใต้มีไม้ใหญ่ แต่มิอาจหยุดพัก[1]”
ชิงเหยียนเลิกคิ้ว
ผู้จัดการร้านค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา “ในหมู่ฟืนไฟหลายหลาก”
เจียงไห่ตอบว่า “แพไม้มิอาจข้ามสายธาร”
ประโยคเหล่านี้ฟังดูไม่ได้เชื่อมโยงกันสักเท่าไร แต่หากมันเชื่อมโยงกันก็คงไม่นำมาใช้เป็นรหัสลับหรอก
ชิงเหยียนยืนกอดอก เขาผู้นี้รู้จักแม้แต่รหัสลับของที่นี่ ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
วันนี้มีคนมาทำหนังสือผ่านทางมากเป็นพิเศษ ชั้นใต้ดินของที่นี่มีคนมาต่อแถวอย่างแน่นขนัด นี่มิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ซีเฉิงเป็นเมืองชายแดนเมืองแรกของหนานจ้าว บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง การค้าเฟื่องฟู พ่อค้าวาณิชจากต้าโจวจำนวนมากอยากเข้าไปหาเงินในซีเฉิงแห่งนี้ เพียงแต่ว่าทางการนอกจากจะจำกัดปริมาณหนังสือผ่านทางแล้ว ราคายังสูงลิบลิ่ว ด้วยเหตุนี้ผู้คนไม่น้อยจึงเลือกที่จะหันหน้าหาตลาดมืด
ทั้งสองต่อแถวอยู่นานกว่าจะมาถึงตาของพวกเขา กระนั้นราคาของหนังสือผ่านทางก็ทำให้พวกเขาถึงกับอ้าปากค้าง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? คนละหนึ่งร้อยตำลึง?” ชิงเหยียนถลึงตา “ครั้งก่อนที่ข้ามา ข้าจ่ายไปสิบตำลึงเอง เหตุใดราคาขึ้นเป็นสิบเท่าไปได้เล่า?”
เสมียนซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินตอบว่า “นั่นเป็นราคาของเดือนที่แล้ว ตอนนี้สถานการณ์ในซีเฉิงไม่สู้ดีนัก ไม่น่าเข้าไป หากพวกเจ้าไม่รีบร้อน รออีกสักพักแล้วค่อยมาเถิด”
ความหมายก็คือ รอให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปก่อน ราคาจึงจะลง
เจียงไห่ขมวดคิ้ว “ซีเฉิงเกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดสถานการณ์จึงไม่สู้ดี?”
เสมียนตอบว่า “เรื่องนี้ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ข้าเองก็เพิ่งได้ข่าวมา มีการตรวจตราอย่างเข้มงวดยิ่งกว่าเดิม หนังสือผ่านทางปลอมไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ จึงต้องทำหนังสือผ่านทางของจริงให้พวกเจ้า แต่ของอย่างหนังสือผ่านทางฉบับจริงก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ถ้าหากถูกทางการจับได้ เจ้าของหนังสือผ่านทางก็คงต้องไปนอนในคุกเช่นกัน! ”
ชิงเหยียนและเจียงไห่ขมวดคิ้วเป็นปม พวกเขามีกันทั้งหมดแปดคน คนละหนึ่งร้อยตำลึง ทั้งหมดก็แปดร้อยตำลึง…เงินนั้นเป็นเรื่องรอง เยี่ยนจิ่วเฉาหาได้ขัดสนไม่ แต่หนังสือผ่านทางแปดฉบับ ทั้งจำต้องมีระบุอายุและเพศให้ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะใช้เงินแปดร้อยตำลึงแก้ปัญหาได้
เป็นดังคาด เมื่อเจียงไห่เอ่ยปากว่าเขาต้องการหนังสือผ่านทางของครอบครัวซึ่งมีคนแปดคน เสมียนก็รีบปฏิเสธทันควัน “ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ พวกเจ้าจ่ายเงินเพิ่มอีกสักหน่อยข้าก็ทำให้ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้! พวกเจ้ากลับไปเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นก็ไปหาคนอื่น!”
ไม่เข้าไปก็ไม่ได้ พวกเขาต้องการยาถอนพิษให้เยี่ยนจิ่วเฉา หากแม้แต่เมืองชายแดนอย่างซีเฉิงยังเข้าไปไม่ได้ เมืองหลวงก็คงไม่ต้องเอ่ยถึง
เห็นหลินจือเพลิงและคางคกหิมะ ของทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในเมืองหลวง
“ทำอย่างไรดี?” เจียงไห่เอ่ยถาม
ชิงเหยียนถลึงตาใส่เจียงไห่ “เจ้าถามข้า แล้วจะให้ข้าไปถามใคร?”
เจียงไห่ขมวดคิ้ว “ไปดูที่ร้านอื่นสักหน่อย”
ในตลาดมืดมิได้มีร้านนี้เพียงร้านเดียวที่ทำหนังสือผ่านทาง แต่พวกเขาเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุด หากร้านของพวกเขา
ไม่สามารถทำได้ โอกาสที่ร้านอื่นจะทำได้ก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ควรลองดูสักหน่อย
ทางด้านอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉานั่งรออยู่บนรถม้า พวกเขารออยู่นานจนแข้งขาเริ่มปวดเมื่อยก็ยังไม่เห็นวี่แววของเจียงไห่และชิงเหยียน ดูแล้วคงจะล่าช้าเพราะหนังสือผ่านทาง อวี๋หวั่นอยากลงไปเดินเหยียดแข้งขา และจะได้ไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย
จื่อซูและฝูหลิงไปมาแล้ว พวกนางจึงรออยู่บนรถม้า
ทั้งสองลงจากรถม้า หลังจากปลอมเป็นผู้ชาย อวี๋หวั่นก็ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก ดูไปดูมาเหมือนกับเด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่สิบห้า คิ้วโก่งดวงตาคม ปราดเปรียวเฉลียวฉลาด เมื่อยืนอยู่ข้างกายเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ยิ่งดูประหนึ่งเทพเซียนลงมาจุติ เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดสายตาของผู้คนโดยรอบ
เจ้าจิ้งจอกหิมะตัวน้อยก็อยากลงจากรถม้าไปเดินเล่นเช่นกัน ทันทีที่มันตั้งท่ากระโดดออกไป ก็ถูกจื่อซูคว้าขาน้อยๆ สองข้างเอาไว้ “มานี่ เจ้าไม่ต้องออกไป รออยู่ในนี้”
ข้าก็จะไปฉี่เหมือนกันนะ!
จื่อซูหยิบกระโถนใบเล็กออกมา “นี่ ฉี่เลย”
จิ้งจอกหิมะน้อยยกอุ้งเท้าเล็กสองข้างขึ้นปิดหน้า น่าอายเหลือเกิน
อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
อวี๋หวั่นมีวันนั้นของเดือน จำต้องใช้เวลาในห้องน้ำนานสักหน่อย
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินกลับมายังโถงกลางของโรงเตี๊ยม ก็พบว่าเยี่ยนจิ่วเฉาถูกเหล่าหญิงงามห้อมล้อมเสียแล้ว
รูปโฉมของเยี่ยนจิ่วเฉามิได้ด้อยกว่าผู้คนในดินแดนแห่งสาวงามอย่างหนานเจียง มีคนน้ำลายสอเพราะความหล่อเหลาของเขาย่อมมิใช่เรื่องแปลก แต่การเกี้ยวพาราสีกันตอนกลางวันแสกๆ ก็ออกจะมากไปสักหน่อย
แม่นางคนหนึ่งซึ่งสวมอาภรณ์สีเขียวและผ้าคลุมหน้าเข้ามานั่งลงข้างกายเยี่ยนจิ่วเฉา นางยกกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาแล้วรินน้ำชาให้เขา เล่นหูเล่นตาพลางกล่าวว่า “คุณชายมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ? เหตุใดข้าไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน?”
………………………………….
[1] ทิศใต้มีไม้ใหญ่ แต่มิอาจหยุดพัก บทกลอนสองวรรคแรกจากบทฮั่นก่วง ในคัมภีร์ซือจิง