หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 239 นางเจียงคนป่วยกระเสาะกระแสะ
หลังจากที่คนชุดดำได้รับคำสั่ง ก็รุดไปยังจวนตะวันออกทันที
การอารักขาของจวนตะวันออกแบ่งเป็นสองระดับ ด้านนอกเป็นการป้องกันระดับแรก และนั่นทำให้สกุลเห้อเหลียนได้ชื่อว่าเป็นกำแพงเหล็กกล้าที่ไม่อาจทะลวงได้ เมื่อเทียบกันแล้ว การป้องกันด้านในจะแกร่งน้อยกว่าอยู่บ้าง อย่างไรเสียผู้ที่อาศัยอยู่ด้านในก็เป็นเจ้าของบ้าน ไม่ใช่นักโทษ หากใช้การอารักขาระดับสูงสุด จะเข้าห้องน้ำหรือมีช่วงเวลาส่วนตัวก็ล้วนแต่ถูกหน่วยกล้าตายจับตามอง คงไม่มีผู้ใดยินดีนัก
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการอารักขาด้านในนั้นหละหลวม
คนชุดดำอยู่ในสังกัดเดียวกับหน่วยกล้าตาย เขาเคยเข้าออกจวนตะวันออกพร้อมกับนายท่านรองใหญ่อย่างเปิดเผยนับครั้งไม่ถ้วน จึงคลำทางไปได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลังจากที่โจมตีผู้มีวรยุทธ์แล้วจะล่าถอยไปง่ายๆ
โชคดีที่ภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้ร่างกายอ่อนแอ
คนชุดดำสืบรู้มาแล้วว่าภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้ย้ายเข้ามาอยู่ในสวนอูถง เดิมทีทั้งสองจะพำนักอยู่ในชีสยาย่วน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยอม เดิมทีชีสยาย่วนสร้างไว้ให้เห้อเหลียนเป่ยอวี้ก็จริง แต่ตอนนี้ครอบครัวของอาเว่ยอาศัยอยู่ จะให้ลูกชายและลูกสะใภ้เข้าไปอยู่รวมกันก็กระไรอยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าให้คนหาเรือนและซ่อมแซมใหม่ ระหว่างนี้อวี๋เซ่าชิงและนางเจียงต้องพักอยู่ในสวนอูถงไปก่อน
คนชุดดำไม่คุ้นเคยกับสวนอูถง
อย่างไรเสียก็เป็นเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า หน่วยกล้าตายไหนเลยจะกล้ามาจับตามองฮูหยินผู้เฒ่า?
คนชุดดำลอบเข้าไปในสวนอูถง มายังระเบียงทางเดิน
“พวกเจ้าระวังด้วย ขนมเพิ่งขึ้นจากเตา อย่าทำหกละ”
บริเวณทางเลี้ยว สาวใช้ซึ่งดูสง่างามและสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินถือถาดมา
คนชุดดำกระโดดขึ้นไปบนคาน เขาเกาะอยู่บนคานจวบจนสาวใช้ทั้งสองเดินผ่านไป จึงกระโดดลงมาอย่างเงียบเชียบราวกับแมว
เขามองตามเงาของพวกนาง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตามพวกนางไป
ทว่าเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง ผู้ที่สั่งให้ทำขนมไม่ใช่ฮูหยินรองที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ แต่เป็นฮูหยินผู้เฒ่าแห่งจวนตะวันออก
ดึกป่านนี้ยังหากินขนมอีกหรือ? หญิงชราผู้นี้ความอยากอาหารทำงานดีเหลือเกิน!
ไม่นาน คนชุดดำก็พบว่าแท้จริงแล้วผู้ที่อยากกินขนมนั้นไม่ใช่ฮูหยินผู้เฒ่า แต่เป็นเด็กน้อยทั้งสามต่างหาก
เด็กน้อยทั้งสามอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็นั่งอยู่บนเบาะ ปูด้วยผ้านุ่ม หยิบขนมกุ้ยฮวาใส่เข้าปาก พลางให้ฮูหยินผู้เฒ่าเช็ดตัวให้
….เด็กน้อยน่ารักอยู่ในห้อง
คนชุดดำ: อยากลักพาตัวเด็ก
คิดอะไรเนี่ย!
คนชุดเดาตบหน้าผากตนเองเบาๆ
เขามาจับตัวภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้ ไม่ได้มาจับเด็ก!
ในที่สุดคนชุดดำตัดสินใจหันหลังเดินออกไป
เดินไปไกลแล้ว…
เฮ้อ ยังอยากจับเด็กอยู่!
“ฮูหยินต้องการน้ำร้อนหรือ?” นอกห้องปีกห้องหนึ่ง จื่อซูกระซิบถามฝูหลิง
ฝูหลิงตอบว่า “ข้าจะไปดู”
จื่อซูพูดกับประตูว่า “ฮูหยินเจ้าคะ น้ำร้อนยังไม่ได้ อีกครู่จะนำเข้าไปให้นะเจ้าคะ”
“เข้าใจแล้ว” มีเสียงของสตรีตอบกลับมาจากด้านใน
คนชุดดำคิดในใจว่า นี่คงเป็นภรรยาของเห้อเหลียนเป่ยอวี้กระมัง?
คนชุดดำพุ่งขึ้นไปบนหลังคา ค่อยๆ เปิดกระเบื้องออก เมื่อมองลงไปกลับไม่เห็นคน เห็นเพียงฝ้าเพดานสีน้ำเงิน
เขาจำต้องแนบหูลงกับรอยแยก หมายจะฟังความเคลื่อนไหวด้านใน เพื่อให้มั่นใจว่าสตรีที่อยู่ใต้ฝ้าเพดานนี้เป็นคนที่เขาตามหา
อวี๋หวั่นนั่งอยู่บนเตียงป๋าปู้หรูหรา พวกเขาเพิ่งเปลี่ยนฝ้าเพดานเหนือเตียงให้เป็นสีน้ำเงิน เธอเป็นคนเลือกเอง
เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ด้านใน เขานั่งพิงหัวเตียง ในมือถือหนังสือซึ่งไม่รู้ว่าไปหยิบมาจากไหน
เขาอ่านหนังสือด้วยหรือ? อยู่มานานขนาดนี้ไม่ยักเคยเห็น
อวี๋หวั่นยื่นหน้าไปมอง ทันใดนั้นก็รู้ว่าเขาอ่านหนังสืออะไร เป็นหนังสือภาพที่ท่านลุงใหญ่ซื้อให้เด็กน้อยทั้งสาม สารัตถะของเรื่องนี้คือทหารผู้ต่ำต้อยจับอาวุธและเป็นวีรบุรุษปกป้องใต้หล้า
ทำไมถึงตั้งใจอ่านหนังสือเด็กขนาดนี้เนี่ย!!!
เดิมทีเขาก็รูปงามอยู่แล้ว เมื่อตั้งใจขึ้นมายิ่งทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่และเคร่งขรึมขึ้นอีก อวี๋หวั่นหลงเขาจนหัวปักหัวปำแล้ว โชคดีที่เขาเป็นสามีของเธอ เธอจึงแตะต้องเขาได้ ถ้าหากเป็นสามีของคนอื่นละก็…
อวี๋หวั่นเพียงนึกภาพเยี่ยนจิ่วเฉาแต่งงานกับอนุภรรยา เธอก็โมโหจนต้องดึงหนังสือในมือของเขาออกมา!
เยี่ยนจิ่วเฉาผู้ซึ่งไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น “…”
“อะแฮ่ม!” เมื่อตั้งสติได้ อวี๋หวั่นจึงกระแอมด้วยความประหม่า ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน”
“เรื่องอะไร?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อวี๋หวั่นถือหนังสือพลางโน้มเข้าไปใกล้เขา เมื่อเอ่ยถึงเรื่องจริงจัง ความกระอักกระอ่วนใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็หายไป เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านเคยนึกสงสัยไหมว่าฆาตกรที่ทำร้ายท่านพ่อข้าเป็นคนที่มีความแค้นกับสกุลเห้อเหลียนจริงหรือ? ถึงท่านลุงใหญ่จะเดาว่าเป็นอย่างนั้น แต่ข้าคิดว่า…”
“คิดว่าอะไร?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามพลางมองไปที่เธอ
หมอนี่เจ้าเล่ห์นัก รู้อยู่แล้วว่าเธอหมายถึงอะไร ยังจะให้เธอพูดออกมาอีก
เอาเถอะๆ ไม่ใช่คนนอกสักหน่อย เธอจะลังเลไปทำไมกัน?
อวี๋หวั่นจึงพูดว่า “นายท่านรองใหญ่จวนจะวันตก!”
คนชุดดำบนหลังคาแทบจะล้มหน้าคะมำ!
พวกเจ้าไม่ต้องปราดเปรื่องถึงเพียงนั้นก็ได้ นึกสงสัยนายท่านรองใหญ่เชียวหรือ?!
“อ้อ?” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างไม่ยี่หระ ปลายนิ้วจับเส้นผมของอวี๋หวั่น ท่าทางเช่นนี้ ดูคล้ายกับไม่ยี่หระ แต่ก็ดูคล้ายกับเขาตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
อวี๋หวั่นเคยชินกับท่าทางไม่สนโลกของเขาแล้ว จึงไม่ได้นำมาใส่ใจ จึงพูดต่อ “ท่านไม่ได้คิดอย่างนั้นหรือ? การอารักขาของสกุลเห้อเหลียนแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าเป็นคนนอกก็คงทำได้ยาก ในตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ประกาศออกไปว่าท่านย่าจะเดินทาง ถ้าหากเป็นคนที่มาแก้แค้น ก็คงไม่อาจลงมือได้อย่างง่ายดายอย่างนี้ อีกอย่าง ดูจากแรงจูงใจแล้ว นายท่านรองใหญ่นั่นแหละน่าสงสัยที่สุด”
เขาไม่ได้ยอมรับแล้วหรอกหรือว่าเขาสอบสังหารท่านลุงใหญ่? เขาจะลอบสังหารท่านลุงใหญ่ไปทำไม ไม่ใช่เพื่อแย่งชิงโอกาสในการจุดธูปหรือ? แผนการที่จะฮุบสกุลเห้อเหลียนของเขาไม่ได้เพิ่งมีเมื่อวันสองวันก่อน เรื่องของท่านย่าและท่านพ่อ เรื่องของเห้อเหลียนเซิงและนางถาน คงจะเป็นเพราะเจ้าแก่นั่นสร้างขึ้นทั้งหมด!
คนชุดดำหัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก!
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองเพดานแวบหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เจ้าจะทำอย่างไร?”
อวี๋หวั่นพูดด้วยความโมโห “ข้าก็จะเปิดโปงเขาน่ะสิ! ข้าจะทำให้ท่านลุงใหญ่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอารองที่เขาเคารพรัก น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐาน”
“มีสิ” เยี่ยนจิ่วเฉาลูบศีรษะของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นไม่อาจต้านทานพลังแห่งการลูบศีรษะได้ โทสะซึ่งสุมอยู่ในอกค่อยๆ หายไป เธอกอดแขนของเขาไว้แล้วลูบเบาๆ “อีกอย่าง ท่านพ่อข้ามาแล้ว คนจุดธูปไม่มีทางเป็นคนของจวนตะวันตกไปได้ ท่านว่าเจ้าแก่นั่นจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?”
คนชุดดำเหงื่อกาฬเปียกชุ่ม ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดไปว่าตนถูกเปิดโปงเสียแล้ว
“ให้เขาเล่นไป” เยี่ยนจิ่วเฉาบอก “อย่างไรเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
คนชุดดำแทบกระอักเลือด
เคยเจอคนที่น่าโมโห แต่ไม่เคยเจอคนที่น่าโมโหเช่นนี้มาก่อน คำพูดเพียงสองประโยคก็ทำให้ความแค้นของพวกเขาฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระเสียอย่างนั้น
โชคดีที่คนชุดดำยังจำภารกิจของตนเองได้
ผู้ที่เรียกฮูหยินผู้เฒ่าว่าท่านย่า เรียกแม่ทัพใหญ่ว่าท่านลุงใหญ่ คงไม่ใช่นายท่านรองและฮูหยินรองหรอก?
เป้าหมายของเขาไม่ใช่คนเหล่านี้ แต่เป็นท่านแม่ของพวกเขา!
คนชุดดำมายังห้องที่สาม ครั้งนี้เขามาถูกที่แล้ว
ในห้อง นางเจียงเพิ่งจะจัดการกับสามีของตน หลังจากพลิกไปพลิกมาทำโน่นทำนี่อยู่พักหนึ่ง นางก็เริ่มหิว อวี๋เซ่าชิงจึงเข้าครัวทำอาหารให้ภรรยากินด้วยตนเอง นางเจียงนอนไขว้ขาอยู่บนเตียง หวนนึกถึงความหอมหวานของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ดีเหลือเกิน!
คนชุดดำพุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่าง แล้วปราดเข้าไปยังเตียงนอนด้วยความรวดเร็ว
นางเจียงซึ่งกำลังนอนไขว้ขาและมีท่าทางได้ใจอยู่นั้น ก็กลายเป็นสตรีผู้งดงาม หลับใหลอยู่บนเตียง
เดิมทีคนชุดดำคิดจะเข้าไปสกัดจุดอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นดวงตาคู่สวย เขาก็หายใจเข้าเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ!
แต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ จึงดึงมีดสั้นออกมาจ่อเข้าที่ลำคอของอีกฝ่าย “ห้ามส่งเสียง! ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
นายเจียงมองเขาอย่างไร้เดียงสา
คนชุดดำข่มขู่ว่า “มีดนี้ตัดเหล็กได้ราวกับตัดดินเหนียว หากแตะโดนเจ้าเจ้าก็ตายแล้ว ข้าขอแนะนำให้เจ้าเชื่อฟังและไปกับข้า อย่าคิดว่าจะมีใครมาช่วยเจ้า อย่าได้คิดจะถ่วงเวลา”
“เจ้าจะพาข้าไปไหน?” นางเจียงยื่นมือปีศาจออกมาในความมืด
คนชุดดำแค่นเสียงขึ้นจมูก “แน่นอนว่าพาเจ้ากลับค่ายหน่วยกล้าตายน่ะสิ”
“อ่า ที่นั่นมีคนเยอะไหม? น่ากลัวไหม?” นางเจียงเอ่ยถามด้วยความหวาด(ตื่น)กลัว(เต้น)
คนชุดดำเชิดหน้าขึ้นฟ้า “หน่วยกล้าตายเจ็ดแปดสิบคน ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ที่นั่นเป็นรังเก่าของพวกเขา ยอดฝีมือของนายท่านรองใหญ่ล้วนอยู่ที่นั่น เมื่อถูกจับเข้าไปแล้ว ต่อให้มีปีกก็ยากที่จะหนีรอด ผู้ใดกล้าไปช่วยนาง ก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
นางเจียงรีบหดเงื้อมมือปีศาจของนางกลับไป แล้วลูบหน้าผากอย่างอ่อนแรง “ไอ้หยา เวียนหัวเหลือเกิน”
รีบจับข้าไปเร็ว เร็วๆ! เร็วเข้า!
…………………………………….