หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 260 หนี
หน่วยกล้าตายสามารถสัมผัสจิตสังหารที่เหมือนกันได้ อิ่งสือซันรู้สึกว่าจิตสังหารของเขาช่างคุ้นเคยเหลือเกิน แต่กลับไม่ใช่เครื่องจักรสังหารซึ่งถูกผลิตออกมาจากค่ายหน่วยกล้าตาย ทั้งยังเป็นเครื่องจักรสังหารที่น่ากลัวกว่าพวกเขา ร้อยเท่าพันเท่า ผู้คนให้ชื่อว่า ‘ซิวหลัว’
อิ่งสือซันไม่เคยพบซิวหลัวตัวจริงมาก่อน เขาเพียงแต่คาดเดา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ยอดฝีมือระดับนี้ย่อมไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาสามารถต่อกรได้ในตอนนี้
อิ่งสือซันมองไปยังพวกเจียงไห่ซึ่งไม่ล้มลงไป จากนั้นก็มองไปยังอาเว่ยซึ่งสภาพก็มิได้ดีไปกว่าเท่าไร แล้วเอ่ยถามว่า “คนที่พวกเจ้าเจอครั้งก่อน…ใช่คนนี้ไหม?”
อาเว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
คนผู้นั้นลงมือรวดเร็วเหลือเกิน เขายังไม่ได้ตอบสนองก็ถูกกดไว้เสียแล้ว เขามองหน้าตาของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน แต่จดจำจิตสังหารของเขาได้
อิ่งสือซันได้คำตอบที่แน่ชัด เขาอดเหลือบมองอาเว่ยไม่ได้ เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของยอดฝีมือประเภทนี้ อาเว่ยยังจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้อยู่หรือไม่
“พวกเจ้า…พวกเจ้าอย่ามัวแต่คุยกันอยู่…รีบ…คิดหาวิธีเร็ว…” เจียงไห่พูดอย่างทรมาน ทุกคำที่เขาเปล่งออกมาทำให้รู้สึกราวกับทรวงอกของเขากำลังจะฉีกขาด ครั้งนี้รู้สึกได้ถึงความรุนแรงกว่าครั้งก่อน และในตอนนั้น เขาจึงตระหนักได้ว่าอาเว่ยต้องเผชิญกับความน่าสะพรึงกลัวเพียงใดหลังจากที่ช่วยพวกเขาไว้
“เขา…ยังอยู่ไกล” อาเว่ยบอก
อาเว่ยเป็นคนเดียวที่เคยรับมือกับเขา ตั้งแต่ที่อาเว่ยถูกกดจนไม่อาจขยับตัวได้ไปจนถึงยามที่คนผู้นั้นนั่งรถม้าเข้ามา เป็นเวลาหนึ่งเค่อเต็มๆ หากดูจากพลังที่พวกเขากำลังแบกรับอยู่ตอนนี้ คนผู้นั้นคงจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า
แรงจากระยะไกลยังสามารถกดพวกเขาจนแทบขยับไม่ได้ อิ่งสือซันต้องมองเหล่ายอดฝีมือในใต้หล้าใหม่อีกครั้ง
อิ่งสือซันใช้กระบี่ค้ำกาย พยายามกล้ำกลืนกลิ่นคาวคลุ้งของเลือดซึ่งพุ่งขึ้นมาจากคอหอย จากนั้นเขาและอาเว่ยก็ช่วยกันโยนผ้าในรถม้าออกส่วนหนึ่ง แล้วนำเจียงไห่และชิงเหยียนโยนเข้าไปในรถ
อิ่งสือซันถอดชุดอำพรางออก เผยให้เห็นชุดของบ่าวอีกชั้นหนึ่ง เขาถอดชุดของเจียงไห่ส่งให้อาเว่ย “เปลี่ยน”
อาเว่ยเปลี่ยนชุด
ตอนนี้ทำได้เพียงภาวนาว่าองครักษ์เหล่านั้นจะจำไม่ได้ว่าพวกเขาไม่ใช่ ‘บ่าว’ เมื่อครู่ มิเช่นนั้นก็คงหนีเสือปะจรเข้ ครานี้เกรงว่าคงจะหนีไม่รอดจริงๆ
โชคดีที่องครักษ์ผลัดเวรกันแล้ว องครักษ์เหล่านี้ไม่เคยเห็นหน้าพวกเขา เพียงแต่ตรวจสอบป้ายคู่ แล้วจึงปล่อยพวกเขาไป
ทันทีที่พวกเขาออกไป ลูกศิษย์คนหนึ่งก็วิ่งออกมารายงานว่า “แย่แล้วววว คุกน้ำใต้ดินเกิดเรื่องงงง นักโทษหนีออกไปแล้ววว ปิดประตูใหญ่เร็วววว”
“หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดรถเดี๋ยวนี้นะ!” องครักษ์คนหนึ่งตวาดไล่หลังรถม้าที่เคลื่อนออกไปไกลแล้ว
อิ่งสือซันตวัดแส้ รถม้าพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว!
องครักษ์ในสำนักราชครูและหน่วยกล้าตายจึงติดตามไป
แต่ทว่าจิตสังหารของยอดฝีมือผู้นั้นมิได้แบ่งมิตรหรือศัตรู เพราะฉะนั้นผู้ที่ถูกกดพลังยุทธ์ย่อมไม่ใช่แค่พวกเจียงไห่ หากแต่คนของสำนักราชครูก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
“เลี้ยวขวา! เข้าไปในป่า!” เจียงไห่กดหน้าอกซึ่งรู้สึกราวกับกำลังจะระเบิดออก
อาเว่ยกำเชือกและออกแรงดึงอย่างแรง รถม้าเปลี่ยนทิศทางทันใดและพุ่งเข้าไปในป่าด้านขวา
คนของสำนักราชครูยังคงไม่ยอมรามือ พวกเขาตามเข้าไปพร้อมกัน แต่ในป่ามีกับดัก คนของสำนักราชครูจึงติดกับดักไปกว่าครึ่ง
“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ชิงเหยียนนอนอยู่ข้างเจียงไห่ เขาเอ่ยถามอย่างไร้เรี่ยวแรง
ชิงเหยียนสูดลมหายใจ “…เคยมา”
“ราชครูขอรับ!” ในสำนักราชครู ลูกศิษย์คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปยังห้องกลั่นยา และคำนับราชครูซึ่งกำลังสกัดยาอายุวัฒนะ
ราชครูกล่าวเสียงต่ำว่า “มีอะไร?”
ลูกศิษย์ตอบว่า “พวกเขาหนีเข้าไปในป่าแล้วขอรับ ไม่มีใครตามไปทัน”
“ไร้ประโยชน์!” ราชครูเขวี้ยงตำราในมือลงบนโต๊ะ “ให้พวกเจ้าจับตาดูให้ดี แต่กลับปล่อยให้เขาหนีไป ทั้งยังจับกลับมาไม่ได้ พวกเจ้าทำอะไรได้บ้าง!”
ลูกศิษย์กลัวจนเข่าทรุด
“หวั่นเฟิงเล่า?” ราชครูถาม
ลูกศิษย์ตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ศิษย์พี่หวั่นเฟิงถูกคนผู้นั้นเล่นงานจนสลบไป ตอนนี้ยังไม่ฟื้นขอรับ”
ราชครูกำหมัดดัง ‘กร็อบ’
“ไม่ต้องกังวลไป” บรรยากาศโดยรอบราวกับหยุดชะงัก น้ำเสียงนุ่มนวลของบุรุษดังมาจากด้านนอกของห้องกลั่นยา
ผู้ที่สามารถเข้าออกสำนักราชครูได้อย่างอิสระนั้นมีไม่มาก นอกจากหวั่นเฟิงแล้ว ก็มีองค์ชายแห่งจวนประมุขหญิงอีกคน
“เจ้าออกไปก่อน” ราชครูเหลือบมองลูกศิษย์
“ขอรับ” ลูกศิษย์ถอยออกไปอย่างว่าง่าย เมื่อพบกับองค์ชายด้านหน้าประตู เขาก็คำนับครั้งหนึ่งแล้วออกไป
หนานกงหลีพยักหน้าน้อยๆ สาวเท้าเดินเข้าไปในห้องกลั่นยา
“องค์ชาย” ราชครูยกมือขึ้นคำนับ
หนานกงหลีเดินมาหยุดยังเบื้องหน้าของเขาพลางมองมา “มาดึกเอาป่านนี้ คงไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนของราชครูกระมัง?”
ราชครูตอบว่า “ไม่เลย ข้ากำลังสกัดยาอายุวัฒนะให้องค์ประมุขอยู่พอดี องค์ชายมีเรื่องอะไรหรือ? คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญกระมัง วันนี้สำนักราชครูต้องออกระดมจับโจร คงไม่สามารถต้อนรับท่านได้”
“ข้าก็มาช่วยเจ้าจับโจรอย่างไรเล่า” หนานกงหลีแค่นหัวเราะ
ราชครูถอนหายใจ “น่าละอายใจเหลือเกิน กว่าองค์ชายจะจับโจรมาได้ วันนี้เขากลับถูกพรรคพวกมาช่วยออกไป เป็นข้าที่ไม่รอบคอบเอง”
หนานกงหลีกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “หากไม่ใช่ยอดฝีมือที่เก่งกาจ ข้าคงไม่ลงมือ ไม่เป็นไร เจ้ามาเดินหมากกับข้าสักกระดาน อีกสักครู่ก็จะมีคนไปจับเขากลับมาส่งถึงมือท่าน”
ราชครูอยากบอกว่าพวกเขาหนีเข้าไปในป่าแล้ว แต่ในป่ามีกับดัก…เขาจำต้องกล้ำกลืนคำพูดซึ่งมาหยุดที่ริมฝีปากลงไป หากถามว่าใต้หล้านี้มียอดฝีมือคนไหนที่น่าสะพรึงกลัว ก็คงต้องตอบว่ายอดฝีมือที่องค์ชายพากลับมาท่านนี้
เมื่อมีเขาอยู่ ไม่ว่ากับดักอะไรก็เป็นเพียงปุยเมฆ
ราชครูชี้ไปยังโต๊ะหมากด้านข้าง “องค์ชาย เชิญ”
ด้านหนึ่ง ราชครูและหนานกงหลีนั่งเล่นหมากล้อมกันอย่างสบายใจ อีกด้านหนึ่ง อาม่ามีสีหน้าไม่ยินดีเท่าไรนัก เมื่อครู่เขาลองเสี่ยงทาย ทว่าทำไปได้เพียงครึ่งเดียว กระดองเต่าก็แตกออก
นี่คือลางร้ายครั้งใหญ่
หมายความว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจกว่าครั้งก่อนๆ
หากปัญหามีเพียงเท่านี้ อาม่าก็คงไม่วิตกเท่าไร สิ่งที่เขาวิตกก็คือตนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันคุ้นเคย
ตนไม่ได้สัมผัสถึงจิตสังหารนี้มานานจนเขาไม่มั่นใจว่าเป็นคนผู้นั้นหรือไม่
ถ้าหากใช่…
“ถ้าหากใช่ จะเป็นอย่างไรหรือ?” อวี๋หวั่นจ้องมองเขา
อาม่ามองไปยังกระดองเต่าที่แตก “หากเป็นคนผู้นั้น พวกเขา…ก็คงไม่รอดกลับมาสักคน”
ดวงตาเรียวของอวี๋หวั่นเบิกโพลง “เขาคือใครกัน เก่งกาจขนาดนั้น”
“ซิวหลัว”
ซิวหลัวแห่งเผ่าปีศาจ
จะเรียกเขาว่าเป็นหน่วยกล้าตายที่ธาตุไฟเข้าแทรกก็ย่อมได้ แต่ไม่ใช่ว่าหน่วยกล้าตายคนไหนที่ธาตุไฟเข้าแทรก
แล้วจะเป็นเหมือนซิวหลัว สิ่งเดียวที่จะทำให้มีชีวิตรอดก็คือพวกเขาต้องทนต่อพลังที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่ในร่าง ทั้งยังต้องทนต่อความเจ็บปวดจากเส้นเลือดที่ย้อนกลับอย่างฉับพลัน เพราะฉะนั้นพวกเขาจะอยู่ในสภาวะแปรปรวนตลอดเวลา และไม่อาจควบคุมความกระหายการสังหารได้ ความรู้สึกนึกคิดของเขาถูกดัดแปลงไป หน่วยกล้าตายไม่มีวันทรยศเจ้านาย แต่สิ่งแรกที่ซิวหลัวทำหลังจากกลายเป็นเช่นนี้ก็คือสังหารเจ้านายของเขาเอง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ซิวหลัวทั้งแข็งแกร่งและน่ากลัว ทั้งยังควบคุมได้ยาก เพราะฉะนั้นหลังจากที่เผ่าปีศาจพบว่ามีหน่วยกล้าตายธาตุไฟเข้าแทรกและกลายเป็นอสูรกายเช่นนี้ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำก็คือสังหารพวกเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นอย่างซิวหลัว
ในเมื่อมีปลาหลุดรอดจากแหมาหนึ่งตัว และเขาก็ฆ่าไม่ตาย จึงทำได้เพียงสรรหาวิธีมาขังเขาไว้
ถ้าหากเป็นเขาจริง…
อาม่าไม่กล้าคิดต่อ
สิ่งที่อาม่าสงสัยยิ่งกว่าก็คือ คนคนนั้นมาหนานจ้าวได้อย่างไร
เผ่าปีศาจไม่มีทางปล่อยเขาออกมา หรือมีคนนอกเผ่าลอบเข้าไป และพาเขาออกมา?
อาม่าถอนหายใจยาวๆ “เตรียมตัวสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เถอะ”
สิ่งที่คนผู้นั้นเกลียดที่สุดก็คือการถูกขังไว้ในเผ่ามาเป็นเวลานานแสนนาน เมื่อได้กลิ่นของคนในเผ่า เขาก็จะ
สังหารหมดทุกคน
“อ่อกก” บนรถม้า ชิงเหยียนทนแรงมหาศาลซึ่งกดทับลงมาไม่ไหว หลังจากกระอักเลือดออกมา เขาก็หมดสติไป
“เขา…เขาอยู่ใกล้ๆ แล้ว…” อาเว่ยก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมา
เจียงไห่กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีก
“กระโดดน้ำ!” อิ่งสือซัน
อิ่งสือซันคว้าเจียงไห่ อาเว่ยจับชิงเหยียน เยว่โกวยังพอมีแรง ทั้งสามกระโดดพร้อมกัน ทว่าในตอนนั้นเอง พลัง
ภายในอันแข็งแกร่งก็พุ่งกระแทกน้ำ ทำให้ผิวน้ำพุ่งขึ้นเจ็ดแปดฉื่อ โหมสาดใส่ชายฝั่ง
เยว่โกวตัวคนเดียว เขาถูกซัดออกไปไกลกว่าคนอื่น กระแทกรถม้าเสียงดัง ‘ตึง’ จากนั้นก็ร่วงลงไป
และเสียงนี้เอง ที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามคนตื่น
เด็กน้อยทั้งสามลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย
เอ๋? ข้าเป็นใคร? ข้าอยู่ที่ไหน? ข้ากำลังทำอะไรอยู่?
อาจารย์ละ?
ล้อรถลงไปติดอยู่ในหล่มจนส่งเสียงดัง ‘แกร็ก’
เสี่ยวเป่าทรงตัวไม่อยู่ กลิ้งกลุกๆ ลงมาจากรถ
อิ่งสือซันใจหายวาบ!
เกิดอะไรขึ้น? เด็กน้อยมาอยู่บนรถได้อย่างไร?
อิ่งสือซันไม่สนใจว่าตัวเองจะหนีรอดหรือไม่อีกต่อไป เขาพุ่งปราดไปคว้าเด็กน้อยมา
ทันใดนั้นเอ้อร์เป่าก็ร่วงลงมา
อาเว่ยพุ่งออกไปรับเอ้อร์เป่ามาอยู่ในอ้อมอกได้ก่อนที่เขาจะร่วงลงพื้น
หนึ่ง สอง ยังเหลืออีกคนหนึ่งนี่นา!
ทั้งสองเข้าไปคว้าต้าเป่าพร้อมกัน น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว ตัวรถม้าได้ถูกแรงมหาศาลซัดกระเด็นออกไปแล้ว
มีเสียงดัง ‘ปึง’!
รถม้าแตกกระจายกลางอากาศ
อสูรกายผมยาว ดวงตาสีแดงปานโลหิตคว้าด้านหลังคอเสื้อของเด็กน้อย
ซิวหลัวมองไปยังเจ้าตัวน้อยในมือ พลังภายในเดือดพล่านพลันถาโถมออกมา
เขาคิดจะบีบเจ้าสิ่งมีชีวิตกระจิริดนี้ให้แหลกคามือราวกับบีบไข่ไก่
สองมือของเด็กน้อยหยิบขวดใบเล็กออกมา แล้วทำตาโตกะพริบตาปริบๆ ใส่เขา
ทันใดนั้น เด็กน้อยก็ยื่นมือออกไปและยัดจุกนมใส่ปากซิวหลัว
ซิวหลัวซึ่งกำลังจะบีบเด็กน้อยให้เละคามือ “…”