หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 296 ติดกับดักกลางถนน
ต้าเป่าถูกปาไข่จนมึนงง
ไข่เน่านี้มาโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ต้องบอกว่าไข่ดำไม่สังเกตเห็น แม้แต่ฝูหลิงกับจื่อซูที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่คาดคิด
เมื่อไม่นานมานี้มีบางอย่างเกิดขึ้นในจวน อวี๋เซ่าชิงทะเลาะกับเห้อเหลียนเป่ยหมิง และบังเอิญกล่าวถึงเถี่ยตั้นให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่านางยังมีหลานชายอีกคนในชนบท ก็ร้อนรนจนทนไม่ได้ ยืนยันว่านางต้องการพบเขา จึงให้คนรับใช้เก็บข้าวของ นางจะไปหาเขาด้วยตัวเอง
นี่ทำให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงและอวี๋เซ่าชิงตกใจมาก
ไม่ต้องกล่าวว่านางอายุมาก ไม่อาจแบกรับความลำบากในการเดินทาง ต่อให้นางทนไหว แต่ยามนี้ต้าโจวก็เป็นฤดูหนาว พันหลี่เป็นน้ำแข็งหมื่นหลี่เป็นหิมะ หากฝืนผ่านเส้นทางเช่นนี้ แม้แต่บุรุษก็ยังยากจะทานทน
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดถึงเถี่ยตั้น ภายในจวนมีเรื่องร้อนใจอยู่ไม่ห่างเพราะเรื่องนี้ จึงไม่มีเวลาสนใจข่าวลือภายนอก ไม่รู้ว่าผู้คนได้เล่าลือประวัติชีวิตของตี้จีองค์โตแล้ว รวมถึงเรื่องตี้จีองค์โตสาปจวนประมุขหญิงด้วย
หากพวกเขารู้ จะไม่ปล่อยให้เด็กๆ ออกไปง่ายๆ
ในวันธรรมดาเดินมาไม่รู้กี่ครั้ง อุบัติเหตุสักคราก็ไม่มี คราวนี้กลับมีเด็กขอทานจากที่ใดไม่รู้ปาไข่ใส่หัวต้าเป่า
ใบหน้าของต้าเป่าเปรอะไปด้วยไข่เน่าที่ส่งกลิ่นเหม็น
ต้าเป่าไม่สบายใจ
เสี่ยวเป่าก็ไม่สบายใจ มองต้าเป่าแล้วพูดว่า “เจ็บจัง!”
จื่อซูรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหัวของต้าเป่า
ต้าเป่ายังไม่อาจพูดและไม่ชอบร้องไห้งอแง เอ้อร์เป่ากับเสี่ยวเป่ายังร่ำไห้ได้ เขาทำได้เพียงกล้ำกลืนมันลงท้อง
จื่อซูเจ็บปวดใจยิ่งนัก เช็ดไปพลางก็มองอีกด้านไปพลาง “ผู้ใดทำ? ไม่ระวังเช่นนี้!”
เด็กขอทานตัวน้อยทำหน้าล้อเลียนอยู่หน้าทางเข้าตรอก จากนั้นก็หยิบไข่เน่าจากกระเป๋ากางเกง
เอ้อร์เป่าผู้อ่อนโยนกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ห้ามปา!”
เสี่ยวเป่าเท้าเอว กล่าวด้วยความโมโห “หากปามาอีกครั้ง ข้าจะวางกู่ไปกัดพวกเจ้า!”
แปะ!
ไข่เน่าอีกฟองถูกปามา
แต่คราวนี้กลับไม่โดนเด็กน้อย ฝูหลิงใช้ร่างกายสูงใหญ่กำยำของตนเองเป็นกำบัง
เดิมทีเห็นว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่โต จื่อซูกับฝูหลิงจึงคิดว่าพวกเขาเล่นไม่ระวัง แม้จะโกรธ แต่ก็ไม่คิดสั่งสอนบทเรียนแก่พวกเขาจริงๆ ยามนี้พวกเขากลับรุนแรงกว่าเดิม คนทั้งสองรู้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้พลาดพลั้ง ทว่าทำด้วยความจงใจ
จื่อซูโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฝูหลิง ไปจับพวกมัน! ข้าอยากเห็นยิ่งนักว่าเด็กที่ใดชั่วร้ายนี้เช่นนี้!”
ฝูหลิงรีบรุดเข้าไปจับคน
กลุ่มเด็กขอทานเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่ง เมื่อเห็นผู้ใหญ่เดินมา ก็แตกกระเจิงวิ่งหนี!
แต่ไหนเลยพวกเขาวิ่งทันฝูหลิง? เพียงไม่กี่ก้าวฝูหลิงก็ตามทัน
ฝูหลิงไม่ได้คิดจะลงมือกับพวกเขาตรงนี้ เพียงแต่ต้องการถามว่าใครสั่งให้พวกเขาทำ เหตุใดต้องรังแกคุณชายน้อยของนาง คาดไม่ถึงว่านางยังไม่ทันเอ่ยปาก เด็กขอทานก็อ้าปากกัดแขนนาง!
ขอทานน้อยผู้นั้นกัดฝูหลิงเต็มแรง ราวกับจะฉีกเนื้อฝูหลิง ความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามาทำให้ฝูหลิงวาดมือตบเด็กคนนั้นด้วยสัญชาตญาณ
นางไม่ได้ตบหน้าหรือหัว เพียงแต่ตบไหล่เท่านั้น
ขอทานตัวน้อยกรีดร้องลั่น จากนั้นก็คลายปากน้อยๆ แล้วล้มลงกับพื้น
ฝูหลิงรู้สึกว่านางไม่ได้ใช้แรงมากถึงเพียงนั้น ทว่าเด็กคนนั้นกลับทำท่าราวกับถูกนางตบอย่างแรงจนสลบไป
สถานการณ์พลิกผันจากตอนนี้ ทันทีที่ขอทานตัวน้อยล้มลงกับพื้น จู่ๆ บุรุษกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนคนธรรมดาก็รีบวิ่งมาจากถนนด้านข้าง
ชายที่เป็นคนนำตะโกนว่า “ไอ้หยา! มีคนถูกตี! ฆ่าเด็กแล้ว! รีบมาดูเร็ว! มีคนทำร้ายเด็กตาย!”
หลังจากเขาตะโกน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็เริ่มล้อมวงแน่นขนัด
ฝูหลิงถูกขังในพริบตาเดียว
สตรีวัยกลางคนในเสื้อผ้าขาดวิ่นเดินผ่านฝูงชนเข้ามาหาขอทานตัวน้อยที่สลบไป พลางสะอึกสะอื้นในลำคอ “ลูกแม่…ผู้ใดใจดำ…ทำร้ายลูกจนตายเช่นนี้…”
นางร้องไห้ราวกับจะขาดใจ จนผู้คนที่มุงดูต่างสะเทือนใจ
“เป็นเขา!” ขอทานตัวน้อยอีกคนชี้ไปที่ฝูหลิง “นางฆ่าพี่หูจื่อ!”
“ข้าไม่ได้ทำ!” ฝูหลิงพูด “ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา เขาต่างหากที่กัดข้า…”
สตรีวัยกลางคนเอ่ยขัด “ลูกข้ากัดเจ้า เจ้าถึงกับฆ่าเขาเลยหรือ…ไอ้คนบัดซบ…เขาก็เป็นแค่เด็กคนนึง…”
ขณะที่พูดก็ร่ำไห้คร่ำครวญจะเป็นจะตายอีกครั้ง
ฝูหลิงลนลานเอ่ย “ข้าไม่ได้ฆ่าเขา! ข้าแต่ตีเขาเบาๆ เท่านั้น”
สตรีวัยกลางคนคำราม “เจ้ายอมรับแล้ว! เจ้ายอมรับว่าเจ้าเป็นคนทำ! ทุกคนฟังสิ! นางยอมรับเองว่านางลูกข้า!”
“ข้าเปล่า!” ฝูหลิงเถียงไม่ออก
“อ้อ ข้าจำนางได้แล้ว นางเป็นสาวใช้จวนเห้อเหลียน!” ใครบางคนตะโกนออกมา
เพราะจวนเห้อเหลียนเป็นที่อาศัยของตี้จีองค์โต ระยะนี้จวนเห้อเหลียนเป็นที่จับตามอง เมื่อพูดถึงจวนเห้อเหลียน ล้วนเป็นความไม่แน่ใจและกล่าวโทษที่มืดฟ้ามัวดิน เดิมทีทั้งสองแบ่งเป็นครึ่งๆ ทว่าเมื่อได้เห็นความเลวร้ายของสาวใช้ทั้งสองในยามนี้ ความสมดุลในใจของทุกคนก็เริ่มเอนเอียง
“สกุลเห้อเหลียนนี่แย่ลงทุกที!”
“ใช่! สั่งสอนข้ารับใช้เช่นนี้! ทำร้ายเด็กตายกลางถนน!”
“แต่เหตุใดเด็กคนนี้ถึงต้องกัดนางละ?”
“นางไล่ตามพวกเรา! นางจับตัวพี่หูจื่อ พี่หูจื่อก็เลยกัดนาง! นางดูร้ายยิ่งนัก!”
“รังแกคนมากไปแล้ว จวนเห้อเหลียนแย่จริงๆ แม้ขอทานก็ไม่เห็นเป็นคนหรือ?”
ข้อกล่าวหาที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ เผชิญหน้าถาโถมกดฝูหลิงลง
ฝูหลิงพูดด้วยความโมโห “หาได้เป็นเช่นนั้น! พวกเขาปาไข่เน่าใส่คุณชายน้อยของข้า! ข้าจึงไปจับพวกเขา!”
“พวกเราไม่ได้ปา!”
“ใช่! เราไม่ได้ปา! นางรังเกียจที่พวกเราสกปรก! จึงไล่พวกเราให้ไสหัวไป! อย่าได้ขวางตาคุณชายน้อยของนาง!”
ขอทานตัวน้อยเริ่มกลับดำเป็นขาว
เรื่องการต่อสู้ฝูหลิงเป็นเลิศ แต่ปากกลับไม่เอื้ออำนวย ยิ่งไปกว่านั้น นางมีเพียงปากเดียว อีกฝ่ายมีถึงเจ็ดแปดปาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านางไม่มีทางชนะ
เดิมทีต้าเป่าถูกรังแกก่อน ฝูหลิงแค่ต้องการคำอธิบาย แต่ผลลัพธ์กลับบิดเบี้ยวกลายเป็นฝูหลิงกลั่นแกล้งคน และฆ่าคนตายกลางถนน
แล้วไหนเลยเด็กนั่นจะตาย? ก็แค่แกล้งสลบไปเท่านั้น
ข้อมือของฝูหลิงยังมีเลือดไหลลงมา แต่ผู้คนเหล่านี้กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
“ลูกแม่…เจ้าตายอย่างอนาถยิ่งนัก…ข้าเป็นแม่ที่ไร้ประโยชน์…หาข้าวให้เจ้ากินสักคำยังทำไม่ได้…ปล่อยให้ลูกต้องมาเป็นขอทาน…ระเห็จมาย่านชนชั้นสูง…สกปรกสายตาคนพวกนั้น…แม่ผิดเอง…”
สตรีวัยกลางคนน้ำมูกน้ำตาไหล ดูคล้ายจะแบกความรับผิดชอบไว้ที่ตนเอง แต่ใครจะทนกล่าวโทษมารดาผู้ยากจนได้ลงคอ? ไม่ใช่เพราะอับจนหนทางจึงต้องเป็นขอทานหรอกหรือ?
ฝ่ายผิดไม่ใช่ขอทานเหล่านี้ แต่เป็นทาสรับใช้จวนเห้อเหลียนที่รังเกียจขอทานเห็นชีวิตคนเสมือนต้นหญ้า
ไม่รู้ว่ามือใครขยับก่อน
ฝูหลิงถูกชายฉกรรจ์สองสามคนทำให้ล้มลง
ฝูหลิงหมายจะเอาคืน
“ดูสิ! จวนเห้อเหลียนจะฆ่าคนอีกแล้ว!”
มือของฝูหลิงหยุดชะงัก
คนกลุ่มนี้รังแกฝูหลิงไม่พอ เด็กขอทานสองสามคนก็แอบวิ่งมาด่าไข่ดำน้อย
“ดาวหายนะ! ไสหัวออกไป!”
“ถูกต้อง! ไสหัวออกไป! อย่ามาอยู่ที่นี่!”
“เด็กเปรต!” จื่อซูโกรธจัด จึงหยิบไม้ที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ไอ้หยา ฆ่าคนตาย! ฆ่าคนตาย!” ขอทานตัวน้อยร้องตะโกน วิ่งหนีกระเจิง
ในท้ายที่สุด ข้าราชการลาดตระเวนได้ยินเสียง จึงเดินมาพร้อมกับหอกในมือเพื่อหยุดความวุ่นวาย
ในตอนนี้ จื่อซูได้ทำร้ายคนจนบาดเจ็บแล้ว
ส่วนกลุ่มขอทานที่สร้างเรื่อง แอบชิ่งหนีหายไปในพริบตาก่อนที่ข้าราชการจะมาถึง
ไม่มีผู้ใดแจ้งคดี เรื่องจึงเงียบหายไปโดยธรรมชาติ
ทว่าด้วยหน้าที่รักษาความยุติธรรม ข้าราชการถามฝูหลิงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทราบว่าฝูหลิงเป็นคนของจวนเห้อเหลียน ข้าราชการจึงตัดสินใจไปรวบรวมพยานหลักฐานที่จวนอีกครั้ง
ข้าราชการส่งตัวฝูหลิงกลับไปที่จวนเห้อเหลียน
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้ได้รับการจัดการอย่างเป็นกลาง แต่หลังจากมีคนคิดร้ายปล่อยข่าวลือที่บิดเบือนความจริง ทั้งหมดกลายเป็นข้าราชการไม่อาจเอาผิดจวนเห้อเหลียน และปล่อยฆาตกรที่ฆ่าเด็กตายกลางถนนลอยนวล
ชื่อเสียงของจวนเห้อเหลียนตกต่ำลง
“ในอดีตจวนเห้อเหลียนหาได้เป็นเช่นนี้ หลังจากตัวหายนะมาที่จวน จวนเห้อเหลียนก็เดินตามรอยเท้าของจวนประมุขหญิงไปอย่างรวดเร็ว”
“ไอ้หยา สงสารแม่ทัพใหญ่ชรา ต้องไม่เป็นสุขในยมโลก!”
เรื่องซุบซิบเหล่านี้ อวี๋หวั่นยังไม่รู้ แต่เธอเห็นการบาดเจ็บของต้าเป่ากับฝูหลิงแล้ว
ต้าเป่าไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง มีเพียงหน้าผากที่บวมแดงเล็กน้อย เป็นฝูหลิงที่น่าสังเวช อวี๋หวั่นรู้จักนางมานาน สาวใช้ที่มีความสามารถและกินเก่งผู้นี้ไม่เคยจนตรอกเช่นนี้มาก่อน
ใบหน้าของนางก็เสียโฉม
ด้วยความแข็งแกร่งของฝูหลิง หากไม่ได้พบกับยอดฝีมือ ก็ยอมถูกทุบตีอย่างเชื่อฟัง มิฉะนั้นก็ยากที่จะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้
“เกิดอันใดขึ้น?” อวี๋หวั่นถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ฝูหลิงไม่พูดจา
จื่อซูเล่าเรื่องทั้งหมดให้อวี๋หวั่นฟังอย่างละเอียด นางตำหนิตัวเองยิ่งนัก หากไม่เป็นเพราะนางบอกให้ฝูหลิงไปจับเด็ก เหตุการณ์ก็คงไม่เป็นเช่นนี้
“ข้าไม่โทษเจ้า” อวี๋หวั่นกล่าว “พวกเจ้าถูกคนวางกับดัก”
…………………………………………