หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 298 คนหวงลูก
เมื่ออวี๋เซ่าชิงกลับห้องของตน นางเจียงก็หลับไปแล้ว
นางเจียงเล่นไพ่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าตลอดทั้งกลางวัน ตกกลางคืนก็ลอบออกไปเที่ยวบ่อนสักหน่อย นี่คือข้อดีของการอาศัยอยู่ในเมือง ผีพนันมีมาก เรื่องอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง
อวี๋เซ่าชิงไม่ได้คร่ำหวอดในวงการนี้ มิเช่นนั้นเขาจะต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ ‘นักพนันลึกลับ’ ซึ่งเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่
เหตุที่ถูกเรียกเช่นนี้ ย่อมเกี่ยวข้องกับความสามารถในการเล่นพนันซึ่งหาผู้ใดเปรียบ ไม่ว่าจะพนันครั้งใด ก็ไม่เคยชนะแม้แต่น้อย ผู้ที่ดวงตกถึงเพียงนี้ ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว
และนางดันชอบลงเงินจำนวนมาก เมื่อเปิดโต๊ะครั้งหนึ่ง เงินหมดไปแล้วหนึ่งหมื่นตำลึง
ฮูหยินผู้เฒ่ามอบเงินให้ลูกสะใภ้สุดที่รักใช้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น
ทว่านางเจียงไม่ได้ใช้เงินของบ้านตน นางใช้เงินของบ้านข้างๆ
ในคืนเดือนมืดของทุกเดือน ก็จะมีเงาสายหนึ่งลอบเข้าไปในคฤหาสน์ด้านข้างด้วยความเร็วดุจปีศาจ แล้วขนเงิน
ออกมาจากคลัง
ขันทีหวังเป็นผู้ฝีมือ แต่เมื่อทำบัญชีกลับเละเทะ
ขันทีหวังยังคงหัวหมุน เงินในคลังหายไปทุกวัน เกิดอะไรขึ้นกัน?
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาก็กลับจวนมาเช่นกัน
อวี๋หวั่นนอนกอดลูกชาย ยังมิได้ดับตะเกียงเพื่อรอเขากลับมา
แสงตะเกียงสลัวลอดผ่านผ้าม่าน พาดผ่านร่างของผู้ใหญ่และเด็กอีกสามคน ทั้งสี่หลับใหล ลมหายใจสม่ำเสมอ
เยี่ยนจิ่วเฉามองและฟังอยู่เช่นนั้น สีหน้าของเขาพลันอ่อนโยนกว่าเดิม
เขาเลิกม่านขึ้น นั่งลงข้างเตียง ก้มหน้ามองภรรยาซึ่งกำลังอยู่ในห้วงนิทรา
บัดนี้แม้แต่อวี๋เซ่าชิงก็รับรู้เรื่องของตี้จีองค์โตแล้ว แต่แม่นางน้อยคนนี้ยังคงไม่รู้ ทว่าเรื่องพรรค์นี้เมื่อบอกไปแล้วก็คงมิได้ทำให้นางมีความสุขเท่าไรนัก รังแต่จะทำให้นางปวดใจแทนมารดาก็เท่านั้น
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่รีบร้อนบอกความจริงกับอวี๋หวั่น เพราะฉะนั้นจึงไม่ปลุกเธอตื่น เพียงแต่มองเธอเงียบๆ ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาก็เบนไปหาต้าเป่าซึ่งนอนแผ่อยู่บนตัวของอวี๋หวั่น
แต่ก่อนผู้ที่นอนแผ่เช่นนี้มีแต่เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเป็นน้องเล็ก ทว่าเอาแต่ใจมากที่สุด
สามารถทำให้พระราชาผู้เอาแต่ใจคนนี้ยอมสละ ‘บัลลังก์’ ให้ได้ เห็นทีต้าเป่าคงลำบากไม่น้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มต้าเป่ามา
เมื่อต้าเป่าต้องออกห่างจากอ้อมอกของท่านแม่อย่างกะทันหัน เขาก็ขยับตัวอย่างอึดอัด กระนั้นทันทีที่เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของท่านพ่อ เขาก็กลับสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าอ้อมอกของท่านแม่จะอบอุ่น แต่ความรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้ มีเพียงท่านพ่อที่สามารถมอบให้ได้
ต้าเป่าหลับสบายเหลือเกิน
เยี่ยนจิ่วเฉามองลูกชายตัวน้อยในอ้อมอก ปลายนิ้วเรียวสวยลูบไปบนแก้มบวมๆ สีแดงระเรื่อ
อันที่จริงความบวมก็ลดลงมากแล้ว แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น หว่างคิ้วของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังคงขมวดเป็นปม
“คุณชาย”
เสียงของอิ่งสือซันดังขึ้นในจากด้านนอกประตู
เยี่ยนจิ่วเฉาวางลูกชายกลับไปในอ้อมอกของอวี๋หวั่น ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป “เข้ามา”
ประตูไม่ได้ลงกลอน อิ่งสือซันจึงผลักประตูเข้ามา
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วติดตามเยี่ยนอ๋องไปยังจวนประมุขหญิง เมื่อปักหลักแล้ว อิ่งสือซันก็นำความกลับมารายงานต่อเยี่ยนจิ่วเฉา พร้อมกับบอกสถานที่ติดต่อด้วย
ระหว่างทางมาที่นี่ เขาได้ยินบางเรื่อง
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าเย็นเยียบ อิ่งสือซันจึงเดาว่าแปดเก้าส่วนของเรื่องนี้ล้วนเป็นความจริง
เขาชะงักไป แล้วเอ่ยถามว่า “คุณชาย คุณชายน้อยไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ต้าเป่าถูกปาไข่ใส่ แต่ไม่เป็นอะไรมาก”
อิ่งสือซันมีสีหน้าเย็นชากว่าเดิม คุณชายน้อยทั้งสามผ่านความยากลำบากแสนสาหัสกว่าจะได้มาอยู่กับพ่อแม่ แต่กลับต้องมาประสบเรื่องร้ายอีก จะเรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็คงจะไม่มากเกินไป
“พวกเจ้าปักหลักเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อิ่งสือซันพยักหร้า “ขอรับ คุณชาย ท่านอ๋องเดินทางไปยังเรือนที่ซื้อไว้ที่ชานเมือง เขาให้ข้าน้อยกับอิ่งลิ่วช่วยสืบบางเรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องในอดีตของเขา อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสกุลเห้อเหลียน”
“โอ้?” เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักไป
อิ่งสือซันพูดต่อ “ท่านอ๋องบอกว่า หลายปีมานี้เขาสูญเสียความทรงจำ แต่จดบันทึกเป็นประจำ เพราะฉะนั้นเขาทำอะไรในหนานจ้าว ล้วนแต่มีร่องรอย สามารถตามสืบได้ เว้นแต่เรื่องของหลานชายคนโตของสกุลเห้อเหลียน เขามิได้ทิ้งบันทึกใดๆ ไว้เลย จึงคาดเดาว่ากรณีที่ท่านแม่ทัพใหญ่ธาตุไฟเข้าแทรก จะเกี่ยวข้องกับจวนประมุขหญิง เห้อเหลียนเซิงและนางถานก็เช่นกัน พวกเขาพึ่งพาจวนประมุขหญิงเป็นอย่างมาก และมีส่วนเกี่ยวข้องในแผนการทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับสกุลเห้อเหลียนเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้น่าขบคิดเช่นกัน
ท่านอ๋องยังบอกอีกว่า ลูกชายของเขาเป็นลูกเขยของสกุลเห้อเหลียน เรื่องของตระกูลของลูกสะใภ้ก็คือเรื่องของเขา จึงต้องการหาหลักฐานและทวงความยุติธรรมให้สกุลเห้อเหลียนขอรับ”
ฟังดูเป็นเรื่องที่ท่านพ่อของเขาน่าจะทำได้
อันที่จริง เรื่องนี้ก็มิได้รีบร้อน
เยี่ยนอ๋องสามารถรักษาบาดแผลให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยลงมือ กระนั้นเขาก็ไม่มีอะไรทำ เขาไม่ต้องการปล่อยให้ตนเองว่างเกิน เพราะเมื่อว่างแล้วก็จะคิดฟุ้งซ่าน เมื่อคิดฟุ้งซ่านแล้วก็จะถาม เมื่อถามแล้วก็จะรู้สึกแย่
ส่วนเรื่องของซั่งกวนเยี่ยนนั้น ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง
แต่ไม่เอ่ยถึง ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้เรื่อง
ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าตนเองคือเยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว ก็คงจะรู้แล้วว่าพระชายาของเยี่ยนอ๋องแต่งงานใหม่ไปแล้ว นางแต่งงานกับเทพสงครามผู้เลื่องชื่อแห่งแผ่นดินต้าโจว เทพสงครามห่วงหาและรักนางมากยิ่งกว่าชีวิต
“เจ้ามาได้จังหวะพอดี ข้ามีเรื่องจะสั่งสักหน่อย” เยี่ยนจิ่วเฉาเปลี่ยนเรื่อง และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางวันให้อิ่งสือซันฟัง
อิ่งสือซันเข้าใจแล้วว่าเรื่องที่ตนได้ฟังจากข้างนอกนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่่านั้น คนพวกนั้นรังแกฝูหลิงและคุณชายน้อย พวกเขาด่าทอและตบตี แม้แต่เด็กและสตรีก็ยังกล้าลงไม้ลงมือ เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน!
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “เรียกอิ่งลิ่วและเจียงไห่มา ไปลากคอเจ้าพวกนั้นมาให้หมด”
“ขอรับ!”
อิ่งสือซันไปยังชีสยาย่วน เรียกชิงเหยียนและเจียงไห่ ทั้งยังส่งนกพิราบไปหาอิ่งลิ่ว ทั้งสี่ออกเดินทางไปจับคน
การจับตัวขอทานนั้นไม่ได้คณามือพวกเขา เวลายังผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยาม คนที่ทำร้ายฝูหลิงและต้าเป่าในตอนกลางวันก็ถูกจับ ไม่เพียงแค่พวกเขา ผู้ที่ตะโกนขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนก็ถูกอิ่งลิ่วลากคอมาเช่นกัน
คนเหล่านี้ถูกจับไปไว้ในเรือนแห่งหนึ่ง
“คุกเข่า!”
อิ่งลิ่วถีบบุรุษฉกรรจ์คนสุดท้ายเข้าไป
บุรุษผู้นี้คือต้นเสียงที่ตะโกนขึ้นมาในตอนกลางวัน
ตอนกลางวันเขาได้เงินมาก้อนหนึ่ง ตกดึกจึงไปหาความสุขจากหอคณิกา ไหนเลยจะรู้ว่าจะถูกอิ่งลิ่วลากออกมาทั้งที่ถอดกางเกงไปแล้ว
ครั้นเข้าไปในเขตเรือนเขาจึงกระวีกระวาดรัดเข็มขัดให้แน่น
ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากด่าทอเจ้าบ้าที่มาจับเขา ก็เห็นคนล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่พื้น ทั้งหมดล้วนเป็นคนรู้จัก!
หนึ่งในนั้นคือหูจื่อที่ลงไม้ลงมือกับต้าเป่า สามคนเป็นขอทานน้อย ทั้งยังมีพ่อแม่ของหูจื่อ รวมไปถึงคนที่โหมกระพือเรื่องนี้อีกห้าคน
เมื่อรวมเขาเข้าไปอีกคนหนึ่ง ก็เป็นอันครบถ้วน
ในตอนนี้เขาจึงรู้สึกถึงความผิดปกติ
อิ่งลิ่วเป็นสายลับ จิตสังหารของเขาไม่นับว่ารุนแรง แต่อิ่งสือซันและคนอื่นๆ กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ละคนต่างก็ไม่ได้เป็นมิตร สายตาเย็นเยียบราวกับกำลังจะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ
บุรุษฉกรรจ์ตัวสั่นเทิ้ม
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก
บุรุษสวมอาภรณ์สีขาวก็เดินทอดน่องออกมาจากห้อง ผิวพรรณขาวผ่องดุจหยก รูปร่างสูงโปร่ง ร่างของเขาแลดูประหนึ่งส่องแสงลงมายังพวกเขา
ทุกคนต่างตะลึงงัน
ใครๆ ต่างก็กล่าวว่าองค์ชายหนานกงหลีนั้นเป็นบุรุษรูปงามแห่งหนานจ้าว แต่ทว่าเมื่อเห็นบุคคลตรงหน้าแล้ว พวกเขากลับรู้สึกว่าบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของหนานจ้าวก็มิอาจเทียบชั้นได้
เยี่ยนจิ่วเฉายืนตระหง่านอยู่ที่บันได กวาดสายตาจากบนลงล่างไปยังบรรดาผู้ที่คุกเข่าอยู่ “ใครทำร้ายลูกชายข้า? ลุกขึ้นมา”
ลูกชายของเขา?
เขาคือพ่อของเด็กคนนั้น?
ทุกคนล้วนแต่ตื่นตะลึง
จับคนกลางดึกเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นพ่อที่ต้องการแก้แค้นให้ลูกนั่นเอง
หูจื่อโผเข้าหาอ้อมกอดของมารดา
สตรีวัยกลางคนกอดเขาไว้แน่น ไม่กล้าเงยหน้า
อิ่งสือซันเดินไปด้านหลังหูจื่อ ยกเท้าขึ้นถีบเขา!
“หูจื่อ!”
“ท่านแม่! ”
สตรีวัยกลางคนโผเข้าไปหา
หูจื่อหันมายื่นมือหามารดา
เจียงไห่เตะสตรีวัยกลางคนให้ออกไป
หูจื่อกลัวจนฉี่ราด
บิดาของหูจื่อก็อยู่ตรงนั้น
แต่เขาก็กลัวจนความกล้าหาญสลายไปสิ้น ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดจา
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังหูจื่อซึ่งมีสีหน้าไร้ความรู้สึก “เจ้าใช้มือข้างไหน?”
หูจื่อตัวสั่นราวกับกระชอนร่อนแป้ง เขาแอบซ่อนมือข้างขวาไว้ด้านหลัง
“หึ” เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยี่หระว่า “ตัดทิ้งซะ”
“ท่านแม่—— ข้าไม่เอาาา! ” หูจื่อกลัวจนร้องไห้โฮ
มารดาของเขาคุกเข่าลงทันใด คลานเข้าไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา นางเอื้อมมือไปหมายจะจับชายเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ชิงเหยียนเข้ามาขวางเอาไว้
คนอย่างนางน่ะหรือจะมาแตะต้องจิ่วเฉาน้อย? ไม่มีทาง!
นางคุกเข่าลงบนขั้นบันได้ แล้วโขกศีรษะอ้อนวอน “คุณชายไว้ชีวิตด้วย! ไว้ชีวิตด้วยเถิดเจ้าค่ะ! หูจื่อยังเด็ก! ไม่รู้ความ! พลาดไปลงมือผิดคน! ได้โปรดไว้ชีวิตเขาเถิดเจ้าค่ะ!”
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดว่า “ปล่อยเขาก็ได้”
นางค่อยโล่งอก คิดในใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ใจอ่อนดีจริงๆ ตนเองร้องห่มร้องไห้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยลูกได้แล้ว ประเดี๋ยวนางจะพรรณนาความลำบากสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดต่อว่า “ตัดมือเจ้าแทน”
นางหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ แทบหมดสติไป!
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า “ทำร้ายลูกชายข้า ก็ต้องเหลือมือข้างเดียว”
มารดาของหูจื่ออ้าปากค้าง “หะ…หูจื่อ…ของ…พวกเรา…เขวี้ยงใส่เบาๆ ลูกชายท่านก็ไม่ได้บาดเจ็บจนเลือดตกยางออก ถึงกับต้องชดใช้ด้วยมือเชียวหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาร้อง ‘โอ้’ แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปเรียกพ่อของพวกเจ้ามาตัดมือข้าด้วยก็ได้”
เจ้าไม่มีพ่อที่ดีขนาดนั้น
แต่ลูกข้ามี
ทำไม? ไม่ยอมรึ?