หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 351.1 เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์สู้ซิวหลัว! (1)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 351.1 เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์สู้ซิวหลัว! (1)
“จะฆ่าคนแล้ว! ตี้จีองค์เล็กจะฆ่าคน!”
ท่ามกลางฝูงชน มีเสียงของใครบางคนตะโกนออกมา ชาวบ้านแตกตื่นโกลาหล
พวกเขามาที่นี่เพื่อชมความตื่นเต้น แต่ไม่ได้มาทิ้งชีวิต ไม่เคยได้ยินว่าคนแพ้การประลองแล้วก็ฆ่าคน นางยังเป็นตี้จีอยู่หรือไม่? หรือท่าทางรักใคร่ห่วงใยประชาเช่นบุตรของนางที่ผ่านมาล้วนเป็นการแสดง?
ตาบอด พวกเขาตาบอดจริงๆ ที่เชื่อว่าคนเช่นนี้สามารถกลายเป็นตี้จีนำโชคแห่งหนานจ้าว!
เห็นชัดๆ ว่านางเป็นภัยพิบัติทั้งหมดของหนานจ้าว!
พวกเขาทั้งหมดจะถูกนางฆ่าตาย!
คนที่ถูกส่งไปตอนแรก เหตุใดไม่ใช่นางนะ?
อวี๋หวั่นรีบเดินไปที่ขอบแท่นบูชา เอ่ยกับผู้คนที่กำลังแตกตื่น “ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจ! อย่าขยับ! อาจเหยียบคนจนบาดเจ็บ! พวกเรานำทหารมาแล้ว! จะส่งพวกเจ้าออกไปก่อน!”
นางพูดว่าก่อน
นางจะส่งพวกเขาที่เป็นชาวบ้านตาดำๆ ออกไปก่อน?
คำพูดของเธอถูกเจียงไห่ใช้กำลังภายในกระจายออกไป ชาวบ้านทุกคนต่างได้ยิน ฝูงชนที่กระสับกระส่ายก็ค่อยๆ สงบลง
ทุกคนมองไปยังเธอที่อยู่บนแท่นบูชา ร่างกายเล็กๆ ดวงตากระจ่างใสราวกับน้ำ ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกคนคล้ายกับรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่
อวี๋หวั่นไม่อายที่จะบอกความจริงกับพวกเขา
เธอไม่คิดว่าหนานกงเยี่ยนจะบ้าคลั่ง เปิดฉากสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่ ใต้หล้านี้มีคนบ้ามากมาย ส่วนใหญ่มักถูกโยนความผิด อย่างอวิ๋นเฟยและเยี่ยนจิ่วเฉา แต่หนานกงเยี่ยน นางเป็นบ้าจริงๆ ไปแล้ว หากนางฆ่าพวกเขาสองสามคนยังเข้าใจได้ แต่คนบริสุทธิ์ที่นี่ไปทำอะไรให้นาง?
เด็กในอ้อมแขนของป้าคนหนึ่งร้องไห้ด้วยความตกใจ
หนานกงเยี่ยนปรายตามองเด็กคนนั้นอย่างไม่แยแส
สายตาที่ไม่มีเจตนาของนาง ทำให้พลังภายในของซิวหลัวกดเด็กคนนั้น
คิ้วของอวี๋หวั่นเด้งขึ้น “เจียงไห่!”
เจียงไห่บินขึ้นไป ใช้ร่างกายขวางการกดพลังของซิวหลัว
อาการเจ็บปวดแล่นแปลบเข้าทรวงอก เลือดแดงไหลซึมออกมาจากมุมปาก!
เมื่อครู่เพียงแค่พลังแวบเดียวของซิวหลัว และแวบเดียวนี้ก็เกือบจะคร่าชีวิตของเด็กคนหนึ่ง
หน่วยกล้าตายของจวนเห้อเหลียนถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว เห้อเหลียนเป่ยหมิงสั่งให้อวี๋กังพาพวกชาวบ้านออกไปก่อน
“แต่…” อวี๋กังต้องการพาเขาออกไปก่อน
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “นี่เป็นคำสั่งทางทหาร!”
อวี๋กังใจเต้นโครมด้วยความตกใจ “ขอรับ!”
อวี๋เซ่าชิงกระโดดขึ้นไปที่แท่นบูชา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับว่าปกป้องภรรยาที่กำลังอดกลั้นบางอย่างไว้ด้านหลัง “อย่ากลัวอาซู ข้าจะปกป้องเจ้า!”
อาซูต้องกลัวแน่ กลัวจนเริ่มตัวสั่นไปหมดแล้ว และยังสั่นอย่างรุนแรง ต้อง ต้องไม่ใช่เพราะตื่นเต้น…เป็นแน่
เจียงไห่อยู่ท่ามกลางฝูงชนกับหน่วยกล้าตายจากจวนเห้อเหลียนและทหารรักษาพระองค์เพื่อส่งชาวบ้านออกไป อาเว่ย ชิงเหยียนและเยว่โกวอยู่บนแท่นบูชา ล้อมรอบอวี๋หวั่นและอาม่าไว้
ต่อให้มีการเตรียมรับมือล่วงหน้า แต่เพราะการกดพลังของซิวหลัวที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หน่วยกล้าตายและกองทหารรักษาพระองค์ก็เริ่มยากลำบากทุกก้าวเดิน
ผู้คนที่ถูกปลอบจนสงบลงอย่างยากลำบาก เห็นสถานการณ์ก็เริ่มตื่นตระหนก
เหตุการณ์วุ่นวายโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นผู้บริสุทธิ์มากมายต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องเลวร้าย เหล่าขุนนางก็นั่งไม่ติด ในสามมหาเสนาบดีสูงสุด ไท่ซือที่อายุมากที่สุดตบที่รองแขนของเก้าอี้ แล้วลุกขึ้นด้วยร่างกายสั่นเทา “ตี้จี! เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่!”
ไท่ซือเคยเป็นครูของหนานกงเยี่ยน หากจะเรียกว่าท่านอาจารย์ก็ไม่ผิด ยามนั้นความสามารถของหนานกงเยี่ยนก็น่าทึ่งเช่นกัน หากพูดถึงนิสัย แม้จะหยิ่งยโสเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีพิษภัย
ไท่ฟู่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เริ่มผิดเพี้ยนไปตั้งแต่เมื่อไร
หรือบางทีอาจไม่เคยถูกต้องมาก่อน แต่แค่ตนเองละเลยที่จะตรวจสอบเท่านั้น
หนานกงเยี่ยนปรายตามองเขาอย่างเฉยเมย ใบหน้าไร้ร่องรอยของความเคารพ “ข้าตี้จีผู้นี้กำลังทำอะไร ไท่ฟู่ตาบอด มองไม่เห็นหรือ?”
“เจ้า…เจ้า…” ไท่ฟู่ถูกหนานกงเยี่ยนยั่วให้โกรธจนเวียนหัวตาลาย
อวี้สื่อต้าฟูกับไท่เว่ยรีบพยุงเขา หลังจากกลับมานั่งบนเก้าอี้ อวี้สื่อต้าฟูก็มองหนานกงเยี่ยนและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตี้จี เรื่องนี้ร้ายแรง ศึกราชสำนัก ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนบริสุทธิ์มาเกี่ยวข้อง เจ้าปล่อยพวกเขาไปก่อน มีเรื่องอะไรพวกเรามานั่งลงค่อยๆ พูดจา”
หนานกงเยี่ยนยกมุมปากเหยียดหยาม “ค่อยๆ พูด? พูดอะไร? พูดว่าข้าแพ้การประลอง ควรปฏิบัติตามหลักเต็มใจเดิมพันยอมรับความพ่ายแพ้ หรือว่าข้ามาไกลไร้ทางหันกลับ มิสู้ถูกจับโดยละม่อม?”
อวี้สื่อต้าฟูกล่าวอย่างจริงใจ “ตี้จี เจ้าอย่าได้ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
หนานกงเยี่ยนหัวเราะเยาะ “พวกเจ้าตายหมด ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความชั่วของข้า ถึงยามนั้นข้าก็สามารถหวนกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ใครที่สนับสนุนข้าผู้นั้นก็จะอยู่รอด”
อวี้สื่อต้าฟูพบว่าการสนทนากับหนานกงเยี่ยนไม่อาจไปต่อได้ หัวใจของสตรีผู้นี้บิดเบี้ยวไปแล้ว มิใช่นางแพ้แล้วไม่ยอมรับ แต่นางกำลังระบายความโกรธทั้งหมด ไม่สนใจว่าใครจะทำให้นางขุ่นเคืองหรือไม่ ขอแค่ไม่ใช่สุนัขของนาง ก็ต้องถูกฆ่าทั้งหมด
“ตี้จี! ตี้จีพวกเราผิดไปแล้ว!” คนกล้าคนหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตกใจ ก้มหัวกราบกรานนาง แสดงความภักดีและขอร้องให้นางอภัย
หนานกงเยี่ยนกลับเผยยิ้มงดงาม ยกมือขึ้นคว้าคันธนูและลูกศรจากมือขององครักษ์ ยิงคนผู้นั้นตาย!
การกระทำนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ดวงตาของอวี้สื่อต้าฟูเบิกกว้าง
แม้แต่นัยน์ตาของหนานกงหลีก็เผยความเหลือเชื่อ เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ท่านแม่”
หนานกงเยี่ยนหันมาอย่างเนือยนิ่ง จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาไร้อุณหภูมิ “เจ้าก็อยากเป็นศัตรูกับข้าหรือ?”
หนานกงหลีอ้าปากพะงาบ พลันก้มหน้ายกมือคำนับ “ข้าไม่กล้า”
หนานกงเยี่ยนยิ้มอย่างกระหายเลือด “เช่นนั้นก็ไปฆ่าพวกมันซะ! ฆ่าทุกคนที่นี่ให้ข้า!”
ทันใดนั้นหนานกงหลีก็รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ซิวหลัวฟังคำสั่งของหนานกงเยี่ยน เพราะมารดาของเขาอาจเสียสติไปแล้วจริงๆ แผนเดิมคือหลังจากชนะการแข่งขัน ก็จะขับไล่ตี้จีองค์โตและพรรคพวกของนางออกไปจากหนานจ้าว หากโชคร้ายพวกเขาพ่ายแพ้ก็ใช้ซิวหลัวควบคุมขุนนางและสังหารผู้ที่ขัดคำสั่ง
แต่ยามนี้แม้แต่ผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นก็พัวพันไปด้วย
หนานกงหลีไม่เสียใจกับชะตากรรมที่เลวร้าย แต่สภาพของมารดาในยามนี้ทำให้เขากังวล
เมื่อพลังกดควบคุมของซิวหลัวเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ นอกจากพวกของหนานกงเยี่ยนก็ไม่มีผู้ใดขยับได้
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและสิ้นหวังดังออกมาจากฝูงชน
“อา อาซู…ข้าจะปกป้องเจ้า…” อวี๋เซ่าชิงใช้ร่างกายรับแรงกดนั้น แต่กลับถูกกดไว้จนทั้งตัวติดอยู่บนร่างของเจียง
เขาพยายามลดน้ำหนักของตัวเองให้เบาลง แต่พบว่าเขาไม่สามารถแม้แต่จะขยับตา
“อาซู…ไม่ต้องกลัว…”
นางเจียงงอน่อง สองตามองท้องฟ้า
ในขณะที่ทุกคนถูกซิวหลัวกดจนแทบไม่อาจหายใจ ทันใดนั้นลมหายใจอันทรงพลังอีกอันก็พัดมาจากที่ไม่ไกลนัก ราวกับมือใหญ่ที่เบิกเมฆเห็นตะวัน ขัดขวางลมหายใจแห่งความตายนี้กลับไป
ทุกคนรู้สึกร่างกายเบาขึ้น
คิ้วของหนานกงหลีขมวดมุ่น ลมหายใจนี้เขาไม่อาจคุ้นเคยมากไปกว่านี้ ชัดเจนว่า…
เงาบึกบึนร่างหนึ่งเหาะขึ้นไปในอากาศและร่อนลงบนแท่นบูชาอย่างมั่นคง
สีหน้าของหนานกงหลีเปลี่ยนไป
เป็นเขาจริงๆ!
ซิวหลัว!
เป็นไปได้อย่างไร?
มิใช่ตายไปแล้วหรือ?
แม้หนานกงหลีจะไม่ได้ดูเขาหมดลมหายใจด้วยตาของตนเอง แต่เขาถูกดูดพลังมาจนหมด ตามหลักแล้วไม่มีทางรอด แต่คนตรงหน้าเขาไม่เพียงแต่รอดชีวิต ยังดูเหมือนว่าพลังของเขากลับคืนมาอีกด้วย
เขาทำได้อย่างไร! ! !
ซิวหลัวมองหนานกงหลีอย่างเย็นชา หยิบขวดนมเล็กออกมาจากอ้อมแขนของตนเองแล้วดูดมันอย่างแรง!
หนานกงหลี “…!!!”
หนานกงหลีมองไปที่ซิวหลัว จากนั้นก็มองกลุ่มของอวี๋หวั่นที่ถูกซิวหลัวปกป้องไว้ด้านหลัง คล้ายกับเข้าใจแล้วว่าใครเป็นคนช่วยเขา ครอบครัวนี้เก็บประโยชน์ได้เก่งยิ่งนัก กระทั่งซิวหลัวใกล้ตายก็ยังเก็บมา ทั้งยังแข็งใจรักษาจนหายดี
หึ พวกเขาคิดว่าแบบนี้ก็สามารถเอาชนะซิวหลัวของเขาได้แล้วหรือ?
พลังภายในของเขาถูกดูดซับจนหมด แม้เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นจะใช้ยาวิเศษดึงชีวิตของเขากลับคืนมาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถฟื้นฟูพลังภายในได้มากในเวลาอันสั้นเช่นนี้
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซิวหลัวตัวใหม่!
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แค่ยื้อเวลาอีกสักพักเท่านั้น ให้โอกาสพวกมดกลุ่มนี้หนีไป
เมื่อซิวหลัวปรากฏตัวขึ้น ไม่นานซิวหลัวตัวใหม่คนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
ทั้งสองประมือกัน
ทว่าการเผชิญหน้าเล็กๆ นี้ทำให้แท่นบูชาถูกทำลายไปเกือบครึ่งจากพลังภายในที่พลุ่งพล่านออกมา
สิ่งใดที่เรียกว่าเทพเซียนตีกันปีศาจน้อยเดือดร้อน ก็คือนี่ละ
อวี๋หวั่นใช้แขนเสื้อบังเศษหินที่กระเด็นมา พลางพูดกับซิวหลัว “ขึ้นไปตีกันบนนั้น!”
ซิวหลัวกระโดดขึ้นและล่อให้ซิวหลัวของหนานกงหลีไปต่อสู้กลางอากาศ
ในแง่พลังภายในซิวหลัวนั้นไม่ได้กลับคืนสู่จุดสูงสุดดังเดิม แต่ไม่รู้ว่าเขาไปเรียนรู้เพลงยุทธ์มาจากที่ใด จึงเล่นกับซิวหลัวตัวใหม่เสียจนหัวหมุน
ซิวหลัวตัวใหม่เหวี่ยงฝ่ามือสับ ก็สับอากาศ ใช้เท้าเตะไปอีกครั้งก็เตะอากาศอย่างจัง!
ซิวหลัวที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ด้านหลังเขาเมื่อใด แลบลิ้นใส่เขา
มาสิ มาสิ มาจับข้าสิ!
ซิวหลัวตัวใหม่โกรธจัด
ความก้าวหน้าของซิวหลัวเกินความคาดหมายของหนานกงหลี แม้ไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ศักยภาพที่พลุ่งพล่านออกมานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนานกงหลีไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงขนาดเรียนรู้เพลงยุทธ์ ซิวหลัวไม่เคยเรียนรู้เพลงยุทธ์มาก่อน เพราะไม่จำเป็น และเพราะพวกเขาเหยียดหยาม
นี่ยังเป็นซิวหลัวอยู่หรือไม่?
เขาใช้ชีวิต…เหมือนคนมากขึ้นเรื่อยๆ
ซิวหลัวตัวใหม่ตีไม่โดน จับไม่ได้ กระทืบเท้าโกรธเกรี้ยว!
เขาปล่อยพลังภายในมหาศาลออกมา รั้วของแท่นบูชาไม่อาจแบกรับพลังภายใน แตกหักโครมคราม
ทันทีที่อวี๋เซ่าชิงพาภรรยาของเขาลงจากแท่นบูชา เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นด้านหลัง อาหวั่นยังอยู่บนแท่นบูชา!
“อาหวั่น!” ใบหน้าเขาถอดสี
ไม่รู้ว่ากลุ่มหน่วยกล้าตายของหนานกงหลีขึ้นมาบนแท่นบูชาตั้งแต่เมื่อใด พวกอาเว่ยง่วนอยู่กับการต่อกรกับพวกเขา อวี๋หวั่นและอาม่ายืนอยู่ในมุมที่ยังนับว่าปลอดภัย ทว่ารั้วพังพื้นลานยุบตัว ทั้งอวี๋หวั่นและอาม่าต่างก็ล้มลง
อวี๋หวั่นดันอาม่าขึ้นไป แต่ตัวเองกลับล้มลงกับพื้นเร็วกว่าเดิม
มือเรียวบางคู่หนึ่งรับร่างอวี๋หวั่นไว้
……………