หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 356.2 ความจริงเกี่ยวกับปาน (2)
“ส่งตัวฮูหยินมา” บุรุษชุดดำกล่าว
ซิวหลัวไม่ขยับ
บุรุษชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะพูดอีกครั้ง ส่งสตรีผู้นั้นออกมา”
เผ่าปีศาจก็มีซิวหลัว บุรุษชุดดำไม่แน่ใจว่านี่คือคนที่หลบหนีออกไปเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ มีเพียงซิวหลัวเท่านั้นที่สามารถฆ่าซิวหลัวได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะจัดการกับซิวหลัวไม่ได้
บุรุษชุดดำโน้มน้าว “ข้าไม่สนใจซิวหลัว และไม่ต้องการที่จะจับเจ้า ส่งสตรีผู้นั้นออกมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
ซิวหลัวไม่ส่ง
“ในเมื่อไม่ชอบดื่มจิ้งจิ่วก็ดื่มฝาจิ่วแทนแล้วกัน[1]!” บุรุษชุดดำหยิบแส้ซิวหลัวออกมาแล้วฟาดซิวหลัวอย่างดุเดือดราวกับสัตว์ร้าย
ทุกครั้งที่ถูกฟาด ราวกับมีหัวแร้งบัดกรีวิ่งไปทั่วร่างของซิวหลัว
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นจนจบซิวหลัวไม่ยอมปล่อยมือ
ทุกคนต่างประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นซิวหลัวที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ถูกคลุมตาข่ายซิวหลัว ทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ ไม่น่าทนไหวมานานแล้ว แต่เขากลับยังกัดฟันแน่น
บุรุษชุดดำหมดแรงเหวี่ยงแส้ในมือ จึงกล่าวอย่างเย็นชา “พอแล้ว เอาไปด้วยกันหมดนี่ละ!”
“ขอรับ!”
ทูตดำสี่คนลากอวนขนาดใหญ่และดันทั้งสองเข้าไปในรถม้าด้วยกัน
…
ชีสยาย่วน อาม่ากำลังตวัดมือเขียนหนังสืออยู่ภายในห้อง ทันใดนั้น กระดองเต่าทำนายชะตาที่วางอยู่ข้างจานฝนหมึกแตกออก มือของอาม่าหยุดชะงัก มองไปที่ประตูด้วยสีหน้าซับซ้อน
ปัง!
ประตูถูกอิ่งสือซันเตะเปิด
เยี่ยนจิ่วเฉาสาวเท้ากว้างเดินเข้ามา
“อาม่า!”
ชิงเหยียนกับเยว่โกวก็รีบตามเข้ามาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วก็ชักดาบพาดบนคอของทั้งสอง
เยี่ยนจิ่วเฉาโยนขวดนมเล็กในมือลงบนโต๊ะของอาม่า
นี่คือขวดนมของซิวหลัว
ซิวหลัวพาอวี๋หวั่นออกไป
สองคนหายไปเนิ่นนานไม่กลับ เยี่ยนจิ่วเฉาให้อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันออกไปตามหา ทั้งสองได้ยินว่าอวี๋หวั่นไปที่สำนักราชครู ใกล้กับสำนักราชครูพบขวดนมขนาดเล็กตกอยู่บนพื้น
นี่เป็นสิ่งที่ซิวหลัวหวงแหนมากที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่จะเขาทิ้งมันไว้บนถนนตามใจชอบ
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ เกิดเรื่องขึ้นกับซิวหลัวและอวี๋หวั่น
บริเวณที่พบขวดนม ยังพบกระดิ่งทองแดงที่ทำตกไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
กระดิ่งทองแดงนี้ อิ่งสือซันเคยเห็นมันอยู่ในมือของอาม่า ซึ่งนำมาใช้ขับไล่ซิวหลัว
หากไม่ใช่อาม่าเคยไปที่นั่น อาม่าก็ต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับคนที่พาอวี๋หวั่นและซิวหลัวไป
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามด้วยสีหน้าเย็นชา
ตอนนี้ตัวตนของพวกเขาไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป
อาม่าหยุดชะงัก วางปากกาลงและพูดว่า “ข้าเป็นนักบวชเผ่าปีศาจ พวกเขาทั้งสามคนเป็นทูตของเผ่าปีศาจ แต่เดิมเราได้รับคำสั่งจากราชาให้มาจับกุมตี้จีองค์โตกลับไปยังเผ่า”
ทันใดนั้นดาบของอิ่งสือซันก็เข้าไปใกล้คอของชิงเหยียนทีละนิ้ว!
ชิงเหยียนรู้สึกถึงความเย็นจากใบมีด เรียวคิ้วพลันขมวดมุ่น
“พวกเราได้ยินเกี่ยวกับเบาะแสของตี้จี ว่าอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับเมืองจิงเฉิงในต้าโจว พวกเราจึงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา ก็เพื่อหาโอกาสพาตี้จีกลับไป แต่ตี้จีช่าง…” ช่างอะไร อาม่าไม่ได้เอ่ย เพียงแต่กล่าวว่า “พวกเราจับนางไม่ได้ จึงคิดหาวิธีอื่น”
เรื่องทำงานเสริมหาเงินกลับบ้าน อาม่าเลือกที่จะลืมมันไป อย่างไรเสียก็น่าละอายเกินกว่าจะมีหน้ากลับไปเป็นนักบวชของเผ่าแล้ว
อาม่ากล่าวต่อ “การหายาให้พวกเจ้า ก็เพียงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจ หลอกลวงพวกเจ้าเข้าไปยังเผ่าปีศาจ”
อิ่งลิ่วฟังเช่นนั้นก็โกรธจัด “พวกเจ้ามันเลว! เสียแรงที่คุณชายกับพระชายาซื่อจื่อเชื่อใจเจ้าถึงเพียงนี้! พวกเจ้ากลับมีแผนเช่นนี้มาตั้งแต่แรก!”
ชิงเหยียนและเยว่โกวก้มหน้าลง
อาม่าไม่เอ่ยสิ่งใด
เยี่ยนจิ่วเฉาโยนกระดิ่งทองแดงลงบนโต๊ะ “คนกลุ่มนั้นคือใคร?”
อาม่าหยิบกระดิ่งทองแดงขึ้นมาดูและพูดว่า “เหมือนกับพวกเรา เป็นทูตของเผ่าปีศาจ แต่พวกเราเป็นทูตขาว พวกเขาเป็นทูตดำ”
อิ่งลิ่วถามอย่างงวยงง “สิ่งใดคือทูตขาวทูตดำ?”
ชิงเหยียนอธิบายว่า “ทูตขาวเป็นผู้ทำภารกิจ แต่เมื่อภารกิจล้มเหลวทูตดำจะถูกส่งไปสังหารทูตขาว”
ภารกิจล้มเหลว?
อิ่งลิ่วเป็นใบ้ในทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ใน ‘เงื้อมมือ’ ของคนพวกนี้ หากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ ตัวตนของคนพวกนี้ก็ไม่มีทางถูกเปิดเผยออกมา ชิงเหยียนกลับบอกว่าภารกิจล้มเหลว หมายความว่าพวกอาม่ายอมแพ้ที่จะจับคนกลับไปแล้วหรือ?
เมื่อนึกขึ้นได้ เยี่ยนจิ่วเฉาจึงกล่าวว่า “ที่แท่นบูชา คนที่เจ้าควบคุมราชครูไปสังหารคือทูตดำ?”
อาม่าพยักหน้า
“เหตุใดไม่บอกก่อนหน้านี้?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อาม่านิ่งงัน
ชิงเหยียนกล่าวว่า “เพราะอาม่าต้องการพาพวกเราจากไปอย่างสงบ”
ขณะที่ชิงเหยียนกล่าว ก็เหลือบมองอาม่า สายตาตกกระทบบนหนังสือที่เขียนไปเกินกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว “อาม่าเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวันทั้งคืน ก็เพราะอยากรีบเขียนคำแปลให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นพวกเราก็จะจากไป”
ไปที่ใด ชิงเหยียนไม่ได้บอก
ถูกทูตดำเฝ้าจับตา ต่อให้หนีไปสุดขอบโลกก็ยังจะถูกพบและสังหารตายอยู่ดี
ไม่มีใครสามารถทรยศเผ่าปีศาจ พวกเขาก็เช่นกัน
อาม่าทอดถอนใจ “ดูจากตอนนี้ คาดว่าทูตดำคงได้พบกับอาหวั่น จึงเปลี่ยนแผนชั่วคราว พานางกลับเผ่า”
เพียงแต่ไม่รู้ว่า พวกเขาทราบว่าคนที่ตนพากลับไปเป็นอาหวั่น หรือคิดว่านางเป็นตี้จีองค์โต แต่ไม่ว่าเป็นแบบใด พวกเขาก็จะไม่ทำร้ายนางในยามนี้
อย่างไรเสีย ราชาก็ต้องการคนที่มีชีวิตไม่ใช่ซากศพที่เย็นเยียบ
จู่ๆ อิ่งลิ่วก็เอ่ยปาก “แต่ว่า…ซิวหลัวไม่ได้อยู่กับพระชายาซื่อจื่อหรอกรึ? ซิวหลัวไม่สามารถต่อกรกับทูตสองสามคนได้อย่างนั้นหรือ?”
อาม่ากล่าวว่า “พวกเขามีวิธีจัดการกับซิวหลัว”
“เก็บของ” เยี่ยนจิ่วเฉาออกคำสั่งด้วยเสียงเย็นชาจบ ก็หันหลังกลับเดินออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วมองหน้ากัน ชักดาบเก็บ อิ่งลิ่วอยู่เฝ้าพวกเขา ส่วนอิ่งสือซันรีบตามไป “คุณชาย!”
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดอยู่นอกธรณีประตูสวนอู๋ถง
อิ่งสือซันมองเขา จากนั้นก็มองธรณีประตูที่อยู่ตรงเท้าของเขา และเอ่ยถามหยั่งเชิง “คุณชาย ตาของท่าน…”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างนิ่งเฉย “เป็นครั้งคราวเท่านั้น ข้าสบายดี”
อิ่งสือซันกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านรออยู่ที่หนานจ้าว ข้าจะพาพระชายากลับมา บางทีอาจไม่ต้องไปที่เผ่าปีศาจ เพียงครึ่งทางก็สามารถเจอตัวและพากลับมา”
เยี่ยนจิ่วเฉามองฟ้ากว้างไร้ที่สิ้นสุด “ภรรยาของข้า ข้าจะไปตามหาด้วยตนเอง”
ในที่สุดชิงเหยียนและเยว่โกวก็เข้าใจว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้คิดจะไล่พวกเขาไป แต่ให้ไปที่เผ่าปีศาจกับพวกเขาด้วย
ชิงเหยียนพูดกับอิ่งลิ่ว “เผ่าปีศาจอยู่ไกลนัก พยายามเปลี่ยนใจเขาเถอะ ร่างกายเช่นนั้น เกรงว่าจะไม่อาจแบกรับความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวไกล”
อิ่งลิ่วกล่าว “การตัดสินใจของคุณชาย ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนใจเขาได้!”
“อาม่า…” ชิงเหยียนมองไปที่อาม่าอีกครั้ง
อาม่ากล่าวว่า “เจ้าเพิ่งรู้จักเขาเป็นวันแรกหรือ?”
ชิงเหยียนอึกอัก
หลังจากอยู่ด้วยกันมานาน เขาจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของเยี่ยนจิ่วเฉาได้อย่างไร? บุรุษผู้นี้ไม่กลัวตาย แม้เป็นภูเขาดาบทะเลเพลิงไม่มีที่ใดที่เขาไม่กล้าบุกเข้าไป ขอเพียงเขาตัดสินใจแล้ว ต่อให้ม้าแปดตัวดึงก็ฉุดไม่อยู่
เดิมทีคิดจะอยู่ที่หนานจ้าวอีกสองสามวัน แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
หลายคนเก็บข้าวของในชั่วข้ามคืน
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ไปอำลาคนที่จวนเห้อเหลียน เพียงแค่ทิ้งจดหมายไว้สองสามฉบับ
ขณะผ่านเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้ยินเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยปนหัวร่อกับนางถาน
เขายืนอยู่ที่ประตูมองเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆ
รูปลักษณ์ของฮูหยินผู้เฒ่า เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนอีกต่อไป
แต่เสียงนั้นยังจำได้ดี
“หลานย่า!” ฮูหยินผู้เฒ่ามองเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาและโบกมือให้เขา
เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้าเรียบเฉยเดินเข้าไป
ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือของเยี่ยนจิ่วเฉา “ดึกเช่นนี้ยังไม่นอนอีกหรือ? สะใภ้ข้าเล่า? วันนี้ข้าไม่เห็นนางเลยทั้งวัน!”
ถึงจะน่าเกลียด แต่ไม่ได้เจอทั้งวัน ก็รู้สึกคิดถึงยิ่งนัก
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “นางออกไปแล้ว ข้าจะไปรับนางกลับมา”
“อื้ม” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าต้องพานางกลับมานะ! ข้ายังคงรอให้นางให้กำเนิดเหลนสาวให้ข้าอีกสักคน!”
“ขอรับ” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
…………………………………………
[1] ไม่ชอบดื่มจิ้งจิ่วก็ดื่มฝาจิ่ว หมายถึง เมื่อเจรจาดีๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ
จิ้งจิ่ว เหล้าที่ใช้ดื่มอวยพรแสดงความยินดี
ฝาจิ่ว เหล้าที่ให้ดื่มเมื่อถูกปรับแพ้หรือถูกลงโทษ