หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 378 สาวอวบชนะเลิศ
ไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในเผ่าปีศาจมานานเหลือเกิน ทว่าช่วงนี้กลับมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นติดต่อกันถึงสามเหตุการณ์ เรื่องแรกก็คือฉิวอู๋หยารักษาใบหน้าของท่านอ๋องจนหาย ไม่เพียงทำลบล้างรอยสักน่ากลัวบนร่างของเขา แต่ยังทำให้เขาแลดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลากว่าแต่ก่อน หากจะเรียกว่างดงามปานประหนึ่งเทพเซียนก็ย่อมได้
เหตุการณ์ที่สองก็คือฮูหยินซึ่งหนีไปได้กลับมาแล้ว อีกทั้งยังเข้าพิธีแต่งงาน กราบไหว้ฟ้าดินกับท่านอ๋อง พิธีแต่งงานที่ล่าช้าไปสิบแปดปีได้ถูกจัดขึ้น ไม่ว่าคนในเผ่าจะยินดีหรือไม่ แต่ ‘ท่านอ๋อง’ นั้นพึงพอใจยิ่งกว่าผู้ใด
เหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์สุดท้ายที่ทำให้เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าและผู้พิทักษ์ต้องตะลึงไปตามกันก็คือ ท่านอ๋องมีบุตรชาย เหตุใดพวกเขาจึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน?
ในวังหลวงนั้นมีสตรี ทั้งยังมีจำนวนไม่น้อย และทั้งหมดล้วนเป็นสาวงามที่ผู้อาวุโสในเผ่าและผู้พิทักษ์เลือกสรรมาให้ท่านอ๋อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านอ๋องมีทายาทสืบสกุล สตรีในวังของท่านอ๋องมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าสตรีคนใดจะให้กำเนิดบุตรของท่านอ๋อง
เหตุผลก็เพราะท่านอ๋องมิได้หลงใหลเรื่องนี้เท่าไร น้อยครั้งนักที่เขาจะเรียกพวกนางให้เข้าไปปรนนิบัติ พวกนางไม่สามารถตั้งท้องได้ด้วยตนเอง หรือถ้าหากเป็นเกิดเรื่องพรรค์นั้นขี้น ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
เมื่อได้ยินว่าท่านอ๋องมีบุตร ผู้ที่ตกใจมากที่สุดหาใช่บรรดาผู้อาวุโสและผู้พิทักษ์ไม่ หากแต่เป็นเหล่าสาวงามซึ่งกำลังเตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกทอดทิ้ง
ผู้คนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา สรุปแล้วนางจิ้งจอกตนใดมายั่วยวนคุณชาย และลอบให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายเช่นนี้?
ในบรรดาสาวงามทั้งหมด ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้ซึ่งเป็นญาติห่างๆ กับท่านอ๋องนับว่าได้รับความโปรดปรานมากที่สุด
ยามฟ้าสาง ฮูหยินทั้งสองพาเหล่าพี่น้องสาวงามทั้งหลายไปยังตำหนักของท่านอ๋องเพื่อทักทายฮูหยินคนใหม่
ในตอนนั้นอวี๋หวั่นยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงซึ่งทั่งนุ่มและกว้างขวาง หลังจากที่ระหกระเหินมาสองเดือน เหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ บัดนี้ได้พบกับสามีและลูกอีกครั้ง เธอรู้สึกสบายใจและข่มตาหลับสนิท เธอคิดว่าจะนอนหลับจนบ่ายเลยทีเดียว
ส่วนอ๋องแห่งเผ่าปีศาจ…เยี่ยนจิ่วเฉา เขาตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง และพาเด็กน้อยน่ารักทั้งสามไปปฏิบัติภารกิจ (พาลูกไปอวด)
“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน”
อวี๋หวั่นกำลังสะลึมสะลือ เมื่อได้ยินเรียกตนเอง ก็พลิกตัวไปอีกด้าน หยิบหมอนขึ้นมาปิดหู เธอไม่อยากสนใจหมอนั่น
ฟางเฟยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง
ฟางหรงจึงกระซิบว่า “เรียกอีกครั้งสิ พวกฮูหยินลี่ล้วนมารออวยพรฮูหยินแล้ว”
ฟางเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงร้องเรียกเบาๆ อีกครั้ง
ครั้งนี้อวี๋หวั่นตื่นแล้ว ทว่าไม่ใช่เพราะได้ยินพวกนางเรียก แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกหิว
อวี๋หวั่นให้นางกำนัลทั้งสองนำอาหารเข้ามา
เยี่ยนจิ่วเฉาออกไปนานแล้ว เขาสั่งให้ห้องครัวเตรียมสำรับไว้เต็มโต๊ะ ในตอนนี้กำลังอุ่นให้ร้อน เมื่อได้ยินคำสั่งของอวี๋หวั่น นางกำนัลทั้งสองก็ไปยกอาหารมาจัดวางทันที
“เยี่ยนจิ่วเฉาละ?” อวี๋หวั่นหาววอด
ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความสับสน
ในตอนนั้นอวี๋หวั่นถึงนึกได้ว่าสามีของตนกลายเป็นอ๋องแห่งเผ่าปีศาจไปแล้ว เธอร้อง ‘โอ้’ แล้วเปลี่ยนคำพูดในทันที “ท่านอ๋องละ?”
ฟางเฟยตอบว่า “ท่านอ๋องพาคุณชายน้อยทั้งสามไปปฏิบัติภารกิจเจ้าค่ะ ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินลี่ต้องการพบท่าน”
อวี๋หวั่นกินโจ๊กข้าวฟ่างเข้าไปหนึ่งคำ “ฮูหยินลี่คือใคร”
ฟางหรงตอบว่า “เป็นสาวงามในเผ่าที่ถูกคัดเลือกมาให้ท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
อนุภรรยาทั้งหมดล้วนถูกส่งมายังวังหลวงหลังจากฮูหยินหนีออกจากเผ่าไป เพราะฉะนั้นฮูหยินไม่รู้จักพวกนางย่อมไม่มีผู้ใดคิดว่าแปลก
อวี๋หวั่นลูบคาง อนุภรรยาของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจหรอกหรือ ไม่ยอมหลับยอมนอน ตื่นขึ้นมากันแต่เช้าเพื่ออวยพรแก่ฮูหยินที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เห็นทีคงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ต้องสืบข้อมูลของอีกฝ่ายบ้างซะแล้ว!
อวี๋หวั่นมองไปยังฟางเฟยและฟางหรง “พวกเจ้าบอกข้ามาว่าในบรรดาสาวงามของท่านอ๋อง ใครเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด ห้ามล่วงเกินใครมากที่สุด?”
ท่านอ๋องยังโปรดปรานฮูหยินทั้งสอง หากจะให้นินทาพวกนาง ฟางเฟยไม่กล้า ทว่าฟางหรงกลับใจกล้า หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตอบว่า “ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดคือฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้ พวกนางเป็นญาติห่างๆ ของท่านอ๋อง ฮูหยินท่านอื่นล้วนแต่เป็นสตรีจากตระกูลมีพื้นเพดี ที่เหล่าผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสในเผ่าเลือกสรรมาเจ้าค่ะ”
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกนางล้วนมีความสัมพันธ์กับราชสำนักของเผ่าปีศาจ ไม่อาจล่วงเกินได้
อวี๋หวั่นตักโจ๊กเข้าปากอีกคำหนึ่ง
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ อวี๋หวั่นก็ให้ฟางหรงและฟางเฟยเรียกพวกนางเข้ามา
สมกับเป็นสตรีที่ได้รับการเลือกสรรมาปรนนิบัติท่านอ๋อง พวกนางแต่ละคนล้วนแต่งดงามเสียจนมวลผกาต้องละอาย มองแล้วช่างสบายตาเหลือเกิน
อวี๋หวั่นไม่ชอบการทาแป้งชาด หลังจากตั้งครรภ์ เธอไม่ใช่หมึกเขียนคิ้วด้วยซ้ำไป เธอเป็นคนสวยโดยกำเนิด ใบหน้าของเธองามไม่เป็นรองสาวงามซึ่งลงเครื่องประทินโฉมเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ตั้งครรภ์แล้ว เธอก็กินจุขึ้นมา รูปร่างของเธอจึงอวบขึ้น เมื่อเทียบกับเหล่าสาวงามรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นเหล่านี้ เธอก็ดูอวบอ้วนอย่างเห็นได้ชัด
เหล่าสาวงามตะลึงงัน
หนีไปจากพิธีแต่งงาน ทั้งยังไปมีชายอื่นอีก ด้วยนิสัยของท่านอ๋อง ต้องจับนางเผาทั้งเป็นตั้งแต่แรกแล้ว แต่ท่านอ๋องกลับไม่ทำเช่นนั้น ท่านอ๋องไม่เพียงละเว้นโทษนาง ยังแต่งงานกับนางอย่างมิได้ยี่หระเรื่องราวในอดีต ทุกคนจึงคิดเหมือนกันว่า ผู้ทำให้ท่านอ๋องหลงจนหัวปักหัวปำเช่นนี้ต้องเป็นสตรีผู้งดงาม รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นดุจเทพเซียน ไหนเลยจะรู้ว่ากลับเป็นแม่นางตัวอ้วนกลมเช่นนี้!!!
อวี๋หวั่นมีใบหน้างดงาม ทว่าในตอนนี้เธอไม่มีทรวดทรงองค์เอวแล้ว!
ใครไม่รู้บ้างว่าท่านอ๋องชื่นชอบสตรีเอวบางร่างน้อย ในวังหลวงจึงไม่มีสตรีรูปร่างอวบเลยสักคน!
ท่านอ๋องหลงนางได้อย่างไรกัน?
ทุกคนมองไปยังท้องนูนๆ ของอวี๋หวั่น และพวกนางก็เริ่มตั้งคำถามกับชีวิต…
อวี๋หวั่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่คลุมด้วยหนังเสือ ปอกผลส้มไปพลางกล่าวว่า “ได้ยินว่าพวกเจ้ามาอวยพรข้าหรือ?”
ทุกคนได้สติกลับมา และเข้ามาอวยพรอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นกินส้มไปก็ยังไม่อิ่ม จึงหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นมา พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเนิบนาบว่า “เอาละ อวยพรเสร็จแล้ว พวกเจ้ากลับไปได้”
พวกนางตกใจกับอวี๋หวั่นจนลืมเรื่องสำคัญไป เหล่าสาวงามมองหน้ากันไปมา ฮูหยินลี่จึงก้าวไปด้านหน้า คำนับอวี๋หวั่นครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เรียนฮูหยิน ที่พวกข้ามาในครั้งนี้ เป็นเพราะมีเรื่องจะรายงานฮูหยิน”
“เรื่องอะไร?” อวี๋หวั่นถาม แล้วหยิบขนมกุ้ยฮวาอีกชิ้นขึ้นมากกิน ไม่รู้ว่าหลังจากตั้งท้องแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ปกติเธอไม่ได้ชอบกินเจ้าขนมชนิดนี้แม้แต่น้อย ทว่าวันนี้กลับวางไม่ลง
ฮูหยินลี่เห็นว่าอวี๋หวั่นไม่มีเอวแล้ว แต่ก็ยังกินไม่หยุดปาก สายตาของนางก็ปรากฏความรังเกียจขึ้นมา
อวี๋หวั่นกินขนมกุ้ยฮวาอย่างมีความสุข โดยมิได้รับรู้ถึงสายตาของเหล่าอนุภรรยาแม้แต่น้อย กล่าวตามตรง เธอก็ควรสนใจสนมเหล่านี้บ้าง เพราะถ้าหากผู้ที่ถูกพากลับมายังเผ่าเป็นท่านแม่ของเธอ คนเหล่านี้ก็คงจะไม่ปล่อยท่านแม่ของเธอเหมือนกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ อวี๋หวั่นก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจพวกนางแต่อย่างใด
“ฮูหยิน” ฮูหยินลี่เข้าประเด็น “วันนี้ท่านอ๋องพาลูกเข้าไปในเผ่า เรื่องนี้ท่านได้ยินแล้วหรือไม่?”
แต่งงานวันที่สองก็กลายเป็นแม่เลี้ยงเสียแล้ว เป็นใครก็คงอดรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ได้
ฮูหยินลี่ลอบสังเกตสีหน้าของอวี๋หวั่น กระนั้นนางก็ต้องผิดหวัง ใบหน้าของอวี๋หวั่นปราศจากความรู้สึกสะทกสะท้าน เธอยังคงก้มหน้าก้มตากินขนมกุ้ยฮวาต่อไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า
ฮูหยินลี่ขมวดคิ้ว ฮูหยินผู้นี้ไม่สนใจจริงๆ หรือว่าแสร้งทำเป็นไม่สนใจกันแน่?
นางแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว หลังจากนี้คงไม่คิดหนีไปจากเผ่าอีก นางสามารถให้กำเนิดลูกของท่านอ๋อง นางไม่กลัวหรือว่าเด็กสามคนนั้นจะมาแย่งชิงบัลลังก์ของลูกนาง?
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นไม่กังวล นั่นลูกของเธอนี่นา ลูกของเธอจริงแท้แน่นอน!
อวี๋หวั่นยังคงมีสีหน้าปกติ “ที่แท้ฮูหยินลี่ก็มาเพื่อบอกเรื่องนี้กับข้าหรอกหรือ ข้าได้ยินเรื่องนี้และเห็นกับตาตนเองแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอื่น ก็เชิญฮูหยินลี่และน้องสาวทุกคนออกไปก่อนเถิด ข้าจะพักผ่อน”
ฮูหยินลี่เอ่ยขึ้นว่า “ฮูหยิน! ท่านอ๋องปกปิดเรื่องนี้กับพวกข้าก็เรื่องหนึ่ง แต่ยังปกปิดท่านด้วย! ไม่รู้ว่านางจิ้งจอกที่ไหนมายั่วยวนท่านอ๋องจนเป็นเช่นนี้ ฮูหยินต้องระวังนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินอวี้กล่าวเสริมว่า “นั่นสิเจ้าคะ ฮูหยิน อย่าปล่อยให้ท่านอ๋องถูกนางจิ้งจอกจากข้างนอกมาหลอกเอานะเจ้าคะ ท่านต้องจับนางให้ได้! ลงโทษนางสักครา ให้นางได้รู้ซึ้งในอำนาจของท่าน ให้นางได้รู้ว่าท่านคือนายหญิงที่แท้จริงของวังหลวง!”
ดูๆๆๆ สตรีในวังหลวงล้วนแต่พูดจ้อกแจ้กจอแจไม่หยุด
อวี๋หวั่นตบลงบนโต๊ะ “พอได้แล้ว! เรื่องของท่านอ๋อง จำเป็นต้องให้พวกเจ้ามาออกความเห็นหรือ? ท่านอ๋องมีเลือดเนื้อเชื้อไขก็นับว่าเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องมงคลของเผ่า พวกเจ้ามาบอกให้ข้าไปตามจับนางจิ้งจอก รู้หรือไม่ว่า…”
รู้หรือไม่ว่านางจิ้งจอกนั่นก็คือข้าเอง?!
อวี๋หวั่นพูดอย่างใจกว้างว่า “มีทายาทสืบสกุลให้ท่านอ๋องนับว่าเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องลงโทษนาง แต่ควรให้รางวัลแก่นาง”
รอยยิ้มของฮูหยินลี่หุบลงทันใด “ฮูหยินเจ้าคะ!”
อวี๋หวั่นโบกมือ “เอาเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ไว้ว่ากันวันหลัง”
“แต่ว่า…”
“ท่านอ๋อง…”
ฮูหยินลี่ยังอยากพูดต่อ ทว่าฟางหรงและฟางเฟยคุกเข่าลงกับพื้น หันหน้าไปทางประตูและคำนับ
บรรดาสาวงามทั้งหมดล้วนรู้สึกตื่นเต้น ครั้งสุดท้ายที่พวกนางเห็นท่านอ๋องก็เมื่อนานมาแล้ว วันนี้ที่มาอวยพรฮูหยินคนใหม่ถึงตำหนัก นอกจากเพื่อบอกเรื่องของนางจิ้งจอกนั่นแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อมาพบท่านอ๋อง
ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง
ท่านอ๋องเดินตรงมายังพวกนาง
ทุกคนล้วนแต่จัดท่วงท่าของตนให้ดูงดงาม เปลี่ยนสีหน้าให้แลดูเย้ายวนทรงเสน่ห์ มองไปยังบุรุษที่เดินมาด้วยสายตาอ่อนหวาน
แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับมิได้ชายตามองพวกนางแม้แต่น้อย เขาเดินสาวเท้าตรงไปหาอวี๋หวั่น แล้วจับเอวอวบของอวี๋หวั่น จากนั้นสีหน้าของเขาก็เย็นเยียบขึ้นทันใด
ทุกคนต่างรู้สึกดีใจที่ฮูหยินคนใหม่กำลังจะเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ กินซะขนาดนั้น ไม่รู้หรือว่าท่านอ๋องชอบคนเอวบางร่างน้อย? นี่ไม่มีเอวแล้ว รอถูกท่านอ๋องเขี่ยทิ้งได้เลย!
“ไฉนจึงผอมเช่นนี้?” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อาหารที่ห้องครัวทำไม่ถูกปากหรือ? เรียกคนไปลากคอพ่อครัวมา แล้วนำไปตัดหัวเสีย!!!”
อวี๋หวั่นซึ่งกำลังงุนงง “…”
เหล่าสาวงามซึ่งยืนอ้าปากค้าง “…”
……………………….