หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 379 พลังแห่งเด็กอ้วนจ้ำม่ำ
อวี๋หวั่นมั่นใจเหลือเกินว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากความทรงจำของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจ เพราะจากคำบอกเล่าของฟางเฟยและฟางหรง เธอจึงรู้ว่าท่านอ๋องนั้นโปรดปรานหญิงสาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้เข้าตาอ๋องแห่งเผ่าปีศาจ พวกนางทั้งสองคนนอกจากจะเป็นญาติห่างๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญไปกว่าก็คือพวกนางเป็นสตรีที่เอวบางร่างน้อยที่สุดในวังหลวง
เพราะฉะนั้น นี่ก็คงจะเป็นความรสนิยมส่วนตัวของเยี่ยนจิ่วเฉาเอง
เขาชอบคนอวบหรือ!!!
ก่อนหน้านี้เธอตัวผอม เขาจะไม่รังเกียจเธอหรือ…
นอกจากนั้นอ๋องนั้นไร้เยื่อใยต่อเหล่าสาวงามในวังหลวงมาโดยตลอด เขาเองก็ไม่นับว่าปฏิบัติต่อพวกนางดีเท่าไรนัก นับประสาอะไรกับการโปรดปรานสตรีคนหนึ่งเป็นพิเศษ เยี่ยนจิ่วเฉาทั้งรักและเอ็นดูเธอเช่นนี้เป็นเพราะตัวเขาเอง
เขาเก็บงำความรู้สึกไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ ไม่กล้าเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
อาจเป็นเพราะรู้ความจริงเรื่องนี้อย่างกะทันหัน เมื่อหวนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่าย ก็พลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา
เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว บางทีสมองของเขาอาจไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างที่คิด อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่อาการของความจำเสื่อมเสียทีเดียว หมอนี่ยังคงมีนิสัยของคุณชายเยี่ยน เห็นได้ชัดว่าชอบใกล้ชิดเธอในที่รโหฐาน แต่กลับชอบแสร้งทำหน้านิ่ง
เมื่อเทียบกับเยี่ยนจิ่วเฉาจอมเก๊กก่อนหน้านี้ เยี่ยนจิ่วเฉาในตอนนี้แลดูจริงใจและเปิดเผยกว่ามาก
ทุกวันนี้อวี๋หวั่นถูกตามใจ แม้แต่จะเดินเธอยังไม่จำเป็นต้องเดินด้วยซ้ำไป
เธอยกมือขึ้นโอบลำคอของเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วบอกด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “อย่าโทษพ่อครัวเลย เขาทำไข่ตุ๋นอร่อยมาก ตอนกลางวันข้ายังอยากกินอีกเลย”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก กระนั้นทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าพ่อครัวได้รับการไว้ชีวิตแล้ว
สาวงามต่างจ้องมองท่านอ๋องอุ้มฮูหยินคนใหม่ออกจากตำหนักไป ตั้งแต่ต้นจนจบเหตุการณ์ ท่านอ๋องมิได้ชายตามองพวกนางแม้แต่น้อย น่าน้อยใจเหลือเกิน
เมื่อเทียบกับนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แล้ว ฮูหยินคนใหม่ที่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องมากกว่าใครนี่สิ จึงจะเป็นศัตรูหัวใจที่แท้จริง
“นางจิ้งจอกนั่นให้กำเนิดลูกของท่านอ๋อง แต่กลับไม่เคยถูกเอ่ยนามเลยสักครั้ง ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจกำจัดนางไปแล้วก็เป็นได้ ในตอนนี้หัวใจของท่านอ๋องมีเพียงฮูหยินคนใหม่”
“ใครบอกเล่า? ท่านอ๋องเคยโปรดปรานสตรีที่ไหนมากขนาดนี้?”
“ท่านอ๋องถูกนางมอมเมาจึงเปลี่ยนไป…”
สาวงามทั้งหลายต่างกระซิบกระซาบกัน เมื่อก่อน พวกนางคิดว่าฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้เป็นที่โปรดปรานมากที่สุด เพราะพวกนางได้พบกับท่านอ๋องทุกเดือน ส่วนพวกนางเข้าไปหาท่านอ๋องและทำอะไรนั้นไม่อาจรู้ได้ ทว่าอย่างน้อยพวกนางก็มีโอกาสได้เข้าพบ ทว่าบัดนี้ได้เห็นท่านอ๋องและฮูหยินคนใหม่แล้ว จึงรู้ว่าคนโปรดที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ผ้าเช็ดหน้าของฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้แทบขาดเป็นชิ้นเล็กๆ เมื่อไม่มีข้อเปรียบเทียบ สถานะของพวกนางยังนับว่าดีทีเดียว แต่เมื่อมีข้อเปรียบเทียบ ‘ความโปรดปราน’ ที่พวกนางได้รับนั้นก็พลันดูเล็กน้อยเหลือเกิน นอกจากนั้นพวกนางก็ยังสงสัยว่าหลังจากวันนี้ ‘ความโปรดปราน’ อันผิวเผินที่มีต่อพวกนาง จะหายไปพร้อมกับฮูหยินคนใหม่หรือไม่
“ท่านพี่ พวกเราจะทำอย่างไรดี!” ฮูหยินอวี้กระทืบเท้าด้วยความร้อนรน เดิมทีคิดว่าหากนางเป็นที่โปรดปรานเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้พวกนางได้ขึ้นเป็นฮูหยินที่แท้จริงในสักวันหนึ่ง และอาจให้กำเนิดบุตรของท่านอ๋อง ทว่าบัดนี้พวกนางกลับคว้าน้ำเหลว จะหวังสิ่งใดก็คงไม่ได้แล้ว!
ความไม่สบอารมณ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮูหยินลี่ “น้องสาวคนดีของข้า ถ้าหากผู้ที่ได้ท่านอ๋องโปรดปรานนั้นเป็นเจ้า ข้าจะไม่ว่าอะไรสักคำ อย่างไรเสียทั้งข้าและเจ้าก็คอยปกป้องท่านอ๋องมาตลอดหลายปี ย่อมมีความดีความชอบอยู่บ้าง แต่สตรีคนนั้นมาจากไหนกัน? เป็นเพียงนางแพศยา! ข้าได้ยินว่าตอนนั้นนางถูกคนในเผ่าไล่ตะเพิด ท่านอ๋องคนก่อนจำต้องเก็บนางมาเลี้ยง และเมื่อเห็นว่านางน่าสงสาร ก่อนล่วงลับไปจึงบังคับให้ท่านอ๋องสาบานว่าจะแต่งงานกับนาง แต่เจ้าดูสิ นางทำอะไรไว้กับท่านอ๋อง นางแพศยาคนนี้ไหนเลยจะคู่ควรกับท่านอ๋อง”
ฮูหยินอวี้พยักหน้า “ท่านพี่กล่าวได้ถูกต้อง! นางไม่คู่ควรสักนิด!”
ฮูหยินลี่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องก็แค่หลงนางเพียงชั่วคราว ขอเพียงท่านอ๋องเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ดูซิว่าจะยังโปรดปรานนางอยู่หรือไม่”
ฮูหยินอวี้นัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง “ท่านพี่ ท่านมีความคิดดีๆ ใช่หรือไม่?”
ฮูหยินลี่กระดิกนิ้วเรียกฮูหยินอวี้ให้เข้ามาใกล้ ฮูหยินอวี้ขยับใบหูเข้าไปใกล้ และพยายามตั้งใจฟังฮูหยินลี่จนจบ นางยกมือขึ้นปิดปาก แล้วหัวเราะเย้นหยัน “เป็นแผนที่ดี เป็นแผนที่ดีจริงๆ! เมื่อท่านอ๋องเห็นฉากนั้น จะต้องเลิกโปรดปรานนางอย่างแน่นอน!
ฮูหยินลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราเป็นพยานเพียงสองคนยังไม่พอ เรียกท่านอาสี่กับท่านอาห้ามาด้วยดีกว่า!”
ท่านอาสี่และท่านอาห้าที่ฮูหยินลี่เอ่ยถึงคือผู้พิทักษ์สองเผ่าปีศาจ ฐานะสูงส่งมิได้น้อยไปกว่านักบวชของเผ่า ทั้งยังเป็นญาติฝั่งมารดาของท่านอ๋อง ทำให้ความสำคัญในเผ่าของเขามากขึ้นไปอีก
ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้เดิมทีเป็นบุตรสาวน้องชายของผู้พิพักษ์ เมื่อกล่าวถึงความสัมพันธ์ ไม่นับว่าใกล้ชิด แต่เมื่อกล่าวถึงการถูกเรียกตัว พวกนางนับว่าใกล้ชิดเสียยิ่งกว่าบุตรีเสียอีก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางริษยาสาวงามที่ได้รับความโปรดปราน นางเคยใส่ร้ายสาวงามคนอื่นมาก่อน บางเรื่องก็รู้ถึงหูท่านอ๋อง ทว่าท่านอ๋องไม่ว่าอะไร สำหรับเขาแล้ว นี่คือการแสดงออกถึงความเอ็นดูที่เขามีต่อพวกนาง และเป็นการแสดงความเคารพต่อท่านอาของเขา เพราะฉะนั้นพวกนางจึงค่อนข้างมั่นใจในแผนการกำจัดฮูหยินคนใหม่ครั้งนี้
อวี๋หวั่นยังไม่รู้ว่าตนเองถูกอนุภรรยาของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจหมายหัวไว้แล้ว เธอปล่อยให้เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มตนเองกลับไปยังห้องนอน
“เด็กๆ ละ?” อวี๋หวั่นถาม
“ไปเรียนวรยุทธ์” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ แล้วส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้เธอ ราวกับกำลังบอกว่า ‘เป็นลูกข้านี่เหนื่อยจริงๆ’
อวี๋หวั่นร้อง ‘อ้อ’ ออกมา ในเมื่อไปหาอาเว่ยแล้วย่อมไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อครู่เธอกินจนอิ่ม ตอนนี้จึงเริ่มง่วงนอนและอยากงีบสักพัก แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับจับมือของเธอไว้ “แม่นาง เจ้าคงไม่ได้ลืมหรอกใช่ไหม?”
“หืม” อวี๋หวั่นมองเขาอย่างฉงนใจ
“เมื่อวานเจ้าผล็อยหลับไป”
“อืม” แล้ว?
“เจ้าติดค้างข้าอยู่!”
“…” อวี๋หวั่นลูบท้อง…
เยี่ยนจิ่วเฉาเห็นสีหน้าลังเลของอวี๋หวั่น ก็หรี่ตามองด้วยความเคลือบแคลงใจ “ทำไม? กำลังคิดถึงคนรักเก่าของเจ้าหรืออย่างไร? เจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ชั่วชีวิตนี้เจ้าจะไม่มีทางได้พบหน้าเขาอีก! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ละก็ ทำตามที่ข้าบอกซะดีๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารลูกน้องสองคนนั้นเสีย!”
อวี๋หวั่นรู้สึกงุนงงกับเขาเหลือเกิน “ลูกน้องสองคนไหน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาเชยคางของเธอขึ้นมา “ก็เจ้าคนที่ชื่ออิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันอย่างไรเล่า”
นั่นมันลูกน้องของท่านต่างหาก!!!
อวี๋หวั่นคร้านจะสนใจเขาแล้ว เยี่ยนจิ่วเฉาดันเธอไว้ที่มุมห้องอย่างเอาแต่ใจ อวี๋หวั่นไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงความเอาแต่ใจและความดื้อดึงจากเขาเช่นนี้ เยี่ยนจิ่วเฉาที่เป็นอย่างนี้ น่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิมซะอีก
……
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม อวี๋หวั่นก็เข้าสู่นิทรา พร้อมกับเสียงลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ
เยี่ยนจิ่วเฉายังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ใบหูของเขาเป็นสีแดงก่ำราวกับมีเลือดไหลออกมา
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ในตำหนักอีกครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินองครักษ์ เข้ามารายงานว่าผู้พิทักษ์ทั้งสองของเผ่าได้เดินทางมาถึงแล้ว และมีเรื่องจะสนทนากับตน เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเดินออกไปอย่างสบายอารมณ์
ผู้พิทักษ์ทั้งสองซึ่งฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้เชิญมานั้น ได้เดินทางมาถึงแล้ว
ท่านอ๋องรักความสงบ และไม่ชอบให้มีคนมาห้อมล้อมคอยปรนนิบัติ วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่ง มิจำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกลอบทำร้าย บ่าวผู้นั้นจึงลอบเข้าไปในห้องนอนของท่านอ๋องอย่างง่ายดาย
บ่าวแบกถุงกระสอบใบใหญ่เข้ามา และอวี๋หวั่นกำลังหลับสบาย ทันทีที่เขากำลังจะเดินเข้าไปยังเตียงนอนนั้นเอง ฟางเฟยและฟางหรงก็ยกขนมซึ่งพ่อครัวเพิ่งทำขึ้นสดใหม่เข้ามา เขาจึงรีบเข้าไปหลบใต้เตียง
ฟางเฟยและฟางหรงเห็นว่าฮูหยินของพวกตนกำลังหลับสบาย จึงไม่ได้รบกวน พวกนางวางขนมไว้บนโต๊ะแล้วจึงออกไปเฝ้าหน้าประตู
บ่าวผู้นั้นคลานออกมาจากใต้เตียง
จากคำสั่งของฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้ เขาต้องนำบุรุษรูปงามซึ่งสลบอยู่ในถุงกระสอบออกมานอนข้างกายของฮูหยินคนใหม่ บุรุษผู้นี้เป็นคนที่ฮูหยินลี่และฮูหยินอวี้เลือกสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งหล่อเหลา รูปร่างกำยำล่ำสัน และอ่อนเยาว์เปี่ยมไปด้วยพลัง เหมาะแก่การเป็นชายชู้ที่สุด
อีกประเดี๋ยวเขาจะออกไปร้องว่ามือสังหารบุก จากนั้นฮูหยินลี่ ฮูหยินอวี้ และผู้พิทักษ์ก็จะรุดมา ด้วยความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของท่านอ๋อง และเขาก็จะจัดฉากว่านางคบชู้สู่ชายต่อหน้าผู้คน
ฮูหยินคนใหม่ทำให้ท่านอ๋องขายหน้า พวกเขามั่นใจว่าต่อให้ท่านอ๋องโปรดปรานนางเพียงใด ก็จะไม่มีวันเชื่อใจนางอีก
หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย บ่าวก็ออกไปข้างนอก แล้วเปลี่ยนไปสวมชุดเกราะเป็นองครักษ์ เขาทำตามแผนการ และร้องขึ้นว่า “มีมือสังสารบุก! มีมือสังหารรร!”
เหล่าองครักษ์ล้วนแตกตื่น
บรรดาสตรีในวังหลวงต่างกรูกันมา ‘เฝ้าระวัง’ นอกจากนั้น ผู้พิทักษ์ทั้งสองและเยี่ยนจิ่วเฉาก็รุดมาเช่นกัน
“ท่านอ๋องท่านอย่าเพิ่งเข้าไป…ฮูหยินนาง…นาง…” หน้าประตูห้อง ฮูหยินลี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปาก น้ำตาไหลพรากมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา ราวกับมีเรื่องอัดอั้นตันใจแต่พูดออกมาไม่ได้
“ถอยไป!” เยี่ยนจิ่วเฉาตวาดเสียงดัง เดินผ่านนาง และเข้าไปในห้อง
ฮูหยินลี่ยกยิ้มมุมปาก ฉากสำคัญกำลังจะมาแล้ว ประเดี๋ยวท่านอ๋องเห็นฮูหยินคนใหม่กำลังหลับนอนอยู่กับชายหนุ่ม ย่อมต้องมีโทสะจนสังหารพวกเขาเป็นแน่!
“ท่านอ๋อง…”
ฮูหยินลี่อดรู้สึกสะใจไม่ได้ นางส่งสายตาให้ฮูหยินอวี้เล็กน้อย พลางร่ำไห้และเดินเข้าไป
แต่ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้พวกนางทั้งสองกลับเป็นฝ่ายตะลึงงันไปเสียเอง
บนเตียงกว้างนั้นไหนเลยจะมีชายหนุ่ม กลับมีเพียงเด็กตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคน!!!
……………………