หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 395 ข่มเหงหลานเจียว
หลานเจียวกล่าวช้าๆ “สาวน้อย เจ้าคงเพิ่งมาหมิงตูกระมัง เกรงว่าคงไม่เคยได้ยินเรื่องสกุลหลานหมิงตู สกุลหลานของพวกข้ามีมรดกยาวนาน สืบทอดกันมาหลายร้อยปี ในช่วงหลายร้อยปีนี้ อำนาจของสกุลหลานยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หากมองดูทั้งหมิงตู ก็มีเพียงสกุลซือคงเท่านั้นที่เหนือกว่าสกุลหลาน แค่ยอดฝีมือคนเดียว ก็คิดว่าจะคุกคามสกุลหลานได้ สาวน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา หรือโง่เขลาเกินไปกันแน่? เจ้าไม่ฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่จับพวกเจ้าหนีไป กลับยังกล้าอยู่ต่อรองกับข้าที่นี่! ไม่รู้อะไรเป็นอะไร!”
อวี๋หวั่นเกือบถูกนางทำให้กลัว
โชคดีที่อวี๋หวั่นไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มจางๆ “หากเจ้ามียอดฝีมือที่ดีกว่านี้ มีหรือจะเสียเวลาเล่นลิ้นกับข้าอยู่ที่นี่?”
คิดว่าราชาซิวหลัวเป็นกะหล่ำปลีที่มีทั่วไปริมถนน? ที่หลับตาก็ยังสามารถจับมาได้กำใหญ่หรือ?
ดวงตาหลานเจียวสั่นไหว
อวี๋หวั่นไม่พลาดมองเห็นสีหน้าทุกอย่างของนาง และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าคงเดาถูกกระมัง? ในมือของเจ้าไม่มียอดฝีมือที่ทรงพลังมากกว่านี้ อย่างมากก็มีราชาซิวหลัวอีกสองคน ทว่าแค่สามีข้าใช้เพียงนิ้วเดียวก็ฆ่าเขาตายได้แล้ว เจ้าส่งมาอีกแปดคนสิบคนก็ล้วนไม่ต้องกล่าวถึง!”
วาจาเหล่านี้เยี่ยนจิ่วเฉารักที่จะฟังนัก
หลานเจียวกำมือแน่น
หากบอกว่าจวนสกุลหลานไม่มียอดฝีมืออีกแล้ว อวี๋หวั่นไม่เชื่อ ยอดฝีมือไปที่ใดถึงจะเป็นจุดสำคัญ พวกเขาก่อความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ ยังไม่เห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าลือกัน ยอดฝีมือคนอื่นๆ ของสกุลหลานน่าจะไปคุ้มกันสตรีศักดิ์สิทธิ์เดินทางกระมัง?
“หยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว! ส่งราชันสัตว์พิษมาให้ข้า!” อวี๋หวั่นยื่นมือออกมา
ดวงตาหลานเจียวมีประกายเย็นชาวาบผ่าน นางมองบุรุษที่เฝ้าปกป้องอยู่ข้างกายสตรีตัวเหม็นผู้นี้ตลอดเวลา เขาปกป้องหญิงสาวราวกับให้ท้ายบุตรตนเอง นางไม่อาจลอบโจมตีได้แม้แต่น้อย
ทว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังจะกลับมาในไม่ช้า ขอเพียงตนยืดเวลาอีกหน่อย——
หลานเจียวยิ้มอย่างจงใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสกุลหลานให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์? ระรานสกุลหลาน ระรานสตรีศักดิ์สิทธิ์ จุดจบเป็นอย่างไรกันแน่? ในที่สุดกระทั่งเมืองหมิงตูพวกเจ้าก็อาจไม่สามารถออกไปได้ หากเจ้ารู้อะไรเป็นอะไรก็รีบหนีไปซะ ข้าจะให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เจ้าเป็นค่าตอบแทน”
อวี๋หวั่นแตะคาง “ข้าทำลายกำแพงจวนเจ้าแล้ว เจ้ายังจ่ายเงินชดเชยให้ข้า ไม่ใช่เจ้าไม่กลัวข้ารึ? รู้สึกผิดเช่นนี้ไปไยเล่า? คงไม่ใช่ว่า…ต้องการประวิงเวลารอบุตรของเจ้ากลับมากวาดล้างพวกเราในคราวเดียวกระมัง?”
หลานเจียวสำลัก
ยามเจอสตรีผู้นี้ในร้านค้า ยังรู้สึกว่านางเซ่อซ่าไร้สมอง เหตุใดผ่านไปไม่นานสติปัญญาของนางก็สดใสถึงเพียงนี้แล้ว?
ท้องหนึ่งครรภ์โง่สามปีไม่เป็นเท็จ แต่เธอเคยทุกข์ทรมานมาครั้งหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ต้องเรียนรู้อะไรได้บ้าง
อวี๋หวั่นเคยได้ยินยายหลานกล่าวว่า สกุลหลานพยายามอย่างเต็มที่ในการฝึกฝนเลี้ยงดูเหล่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ดังนั้นศิลปะการต่อสู้ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่อ่อนหัด ยอดฝีมือที่ปกป้องสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่มีสกุลหลานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสกุลซือคง
อวี๋หวั่นไม่กล้าประมาทศัตรูอีก หากสามารถไม่ขัดแย้งสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้จะดีที่สุด แต่เป้าหมายของวันนี้ไม่ใช่เลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา อวี๋หวั่นคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดกับนาง “ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จะส่งมาหรือไม่?”
หลานเจียวยิ้มเยาะ “หากไม่ส่งให้แล้วอย่างไร?”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกข้าจะก็ชิงมันมา!”
อวี๋หวั่นคิดว่า ความสัมพันธ์กับสกุลหลานถูกตัดขาดไปตั้งแต่แรกแล้ว หลบซ่อนไปก็ไม่มีความหมายใด หากพวกเขาไม่มาที่สกุลหลาน สกุลหลานก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป แต่เหตุผลที่ไม่บอกให้กระจ่างในยามนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้หลานเจียวใช้ราชันสัตว์พิษมาข่มขู่เธอและนางหลานให้มอบป้ายหยกสกุลหลานให้นาง
แน่นอนว่าพวกเขาสามารถรอได้ รอเวลาที่เหมาะสม รอให้สตรีศักดิ์สิทธิ์และสัตว์พิษตัวน้อยมาอยู่พร้อมกัน จากนั้นก็ใช้ป้ายหยกแลกเปลี่ยนทั้งสองสิ่งมา แต่สิ่งที่อวี๋หวั่นไม่อาจรับประกันได้คือ สัตว์พิษตัวน้อยที่ตกอยู่ในมือของสตรีเช่นหลานเจียวจะถูกข่มเหงหรือไม่?
ดังนั้น ช่วยสัตว์พิษตัวน้อยกลับมา เป็นเรื่องที่ไม่อาจรอช้า!
ชิงเหยียนและอิ่งสือซันก็เข้าใจความหมายของอวี๋หวั่นเช่นกัน อีกอย่างก็ฉีกหน้ากันไปแล้ว แสร้งเป็นหลานไปก็ไร้ประโยชน์ กลยุทธ์ทางอ้อมยิ่งไม่เหมาะสม จะดีกว่าหากชิงราชันสัตว์พิษกลับมาในยามที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่
เมื่อนำราชันสัตว์พิษกลับมาอยู่ในมือแล้ว ต่อให้หลานเจียวจะค้นพบตัวตนของพวกเขาก็ไม่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำนัก
หลายคนเตรียมพร้อมรุกฆาต กลับไม่คาดคิดเลยว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะทำจมูกฮึดฮัดและไม่มีแผนจะเคลื่อนไหวใดๆ
อวี๋หวั่นส่งสายตาให้เขา
เขาสองตามองท้องฟ้าแสร้งทำเป็นไม่เห็น
อวี๋หวั่นเหยียดสองนิ้วออกไปอย่างเงียบๆ และดึงที่แขนเสื้อของเขา
เยี่ยนจิ่วเฉากลอกตา เขาไม่ได้ต้องการช่วยเจ้าตัวเล็กนั่น! เอาแต่นอนบนตัวสตรีของเขาทั้งวัน! น่ารำคาญนัก!
“สามี~” อวี๋หวั่นนำทักษะที่เรียนรู้มาจากเหล่าซาลาเปาน้อยมาทำท่าทางน่ารัก แต่การแสดงที่ดูไม่จืดของเธอ ทำท่าทางน่ารักจนเกือบทำคนตกใจตาย หัวใจของชิงเหยียนและอิ่งสือซันเต้นกระตุก หันหน้าหนีไม่อาจทนมอง
แน่ใจว่านี่ทำท่าทางน่ารัก ไม่ใช่เพี้ยน?
แม้แต่เยว่โกวที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาที่สุดหลังจากมองเห็นก็ยังกุมหน้าอกตัวเอง : เด็กน้อยอย่างข้าตกใจแทบตาย…
เยี่ยนจิ่วเฉาก็เกือบกุมหัวใจเช่นกัน
แต่ไม่ใช่เพราะความตกใจ
เทพธิดาน้อยน่ารักผู้นี้ เกือบทำหัวใจของเขาละลายแล้วใช่หรือไม่?
เยี่ยนจิ่วเฉาถูกเทพธิดาตัวน้อยของตนทำให้หลงใหลได้สำเร็จ เขายอมแพ้อย่างราบคาบในทันที และเดินไปยังส่วนลึกของจวนสกุลหลานอย่างผึ่งผายองอาจ
ชิงเหยียนเหลือบมองอิ่งลิ่วอย่างขมขื่น คุณชายของพวกเจ้าตาบอดใช่หรือไม่?
อิ่งสือซัน : ก่อนหน้านี้เป็นหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ตอนนี้เป็นแล้ว…
หลานเจียวเห็นท่าทางของเยี่ยนจิ่วเฉาก็รู้ว่าเขาตัดสินใจใช้ไม้แข็งแล้ว คนผู้นี้ใจกล้าบ้าบิ่น กำแพงของจวนสกุลหลานจะทำลายก็ทำลาย ยามนี้ถึงกับกล้าบุกเข้าไป นี่ไม่ใช่การยั่วยุธรรมดาแล้ว แต่เป็นการละเมิดกฎหมายหมิงตู! นางจะฆ่าเขาตรงนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร!
เพียงแต่…การคาดเดาของเด็กนั่นไม่ผิดเลย สตรีศักดิ์สิทธิ์ออกเดินทางหาประสบการณ์ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของสกุลหลานถูกนางส่งไปคุ้มกันสตรีศักดิ์สิทธิ์หมดแล้ว—-
ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาชั่วยามนี้หรือ?
เหตุใดยังไม่มีความเคลื่อนไหว?
หลานเจียววิตกรุ่มร้อน
เรื่องมาถึงจุดนี้ ไม่ใช่ปัญหาว่าจะมอบหนอนกู่ให้หรือไม่อีกแล้ว นางถูกยั่วยุอำนาจ วันนี้หากไม่พลิกสถานการณ์กลับมา วันพรุ่งเรื่องน่าขันของนางคงกระจายไปทั่วทั้งหมิงตู
นางไม่อาจยอมเป็นสิ่งน่าขันของหมิงตู!
“หยุดเดี๋ยวนี้!” หลานเจียวมองเงาหลังของเยี่ยนจิ่วเฉาและกัดฟันกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสกุลหลานของพวกข้ามีความสัมพันธ์กับสกุลซือคงอย่างไร? เราได้ทำสัญญาแต่งงานกับสกุลซือคงแล้ว อนาคตอันใกล้คุณชายสกุลซือคงก็ต้องจัดพิธีแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้ากล้าเดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง คนสกุลซือคงไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
ไม่เห็นนางในสายตาเข้าใจได้ อย่างไรเสียนางก็เป็นบุตรอนุภรรยา บิดาของนางก็เช่นกัน พวกเขาให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์จึงได้ลืมตาอ้าปาก แต่จนถึงบัดนี้พวกเขายังไม่ได้ป้ายหยกสกุลหลาน ซึ่งนี่ก็ทำให้นางไม่สามารถใช้คำสั่งกับครอบครัวนางหลานได้อย่างสมบูรณ์
แต่สกุลซือคงไม่เป็นเช่นนั้น คนที่เข้ามาในหมิงตู ไม่มีใครที่สกุลซือคงสยบไม่ได้!
แน่นอน ทันทีที่สิ้นเสียงนาง เยี่ยนจิ่วเฉาก็เดินกลับมา
หลานเจียวยกยิ้มมุมปากอย่างมีชัย “นับว่าเจ้ารู้——”
“เรือนของเจ้าอยู่ที่ใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามนาง
หลานเจียว”…”
หลานเจียวไม่พูด ย่อมมีคนอื่นพูด อิ่งสือซันจับตัวสาวใช้มา แล้วใช้ดาบพาดลงที่ลำคอของนาง สาวใช้สองขาอ่อนแรง ชี้เส้นทางด้วยร่างกายที่สั่นเทา
เยี่ยนจิ่วเฉาพาอวี๋หวั่นเดินไปที่เรือนของหลานเจียว
หลานเจียวหรี่ตาลงอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็หันหน้าไปมอง “สตรีศักดิ์สิทธิ์!!!”
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดฝีเท้ามองไปทางที่หลานเจียวตะโกน
นี่คือช่วงเวลาที่รอคอย!
หลานเจียวยิงอาวุธลับหลายสิบชุดออกไปอย่างดุเดือด จากนั้นอาวุธลับก็แตกออกเป็นเข็มเงินมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าโจมตีอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
อิ่งลิ่วชักดาบออกมากันอาวุธลับชุดถัดมา ทว่าที่เหลือกลับลอดผ่านไป
“คุณชาย!” อิ่งลิ่วตกใจใบหน้าถอดสี
หลานเจียวอาจไม่เก่งกาจเท่าราชาซิวหลัว แต่ความสามารถในการใช้อาวุธลับ ไม่มีใครเทียบได้ ต่อให้เป็นสถานการณ์ปกติก็ยังยากจะหลบเลี่ยง อีกอย่างนางยังใช้วิธีลอบกัด
หลานเจียวมั่นใจว่าอาวุธลับของนางจะสังหารคนทั้งสองได้
อาวุธลับพุ่งใส่เสื้อคลุมของพวกเขา เมื่อเห็นว่าพวกมันกำลังจะทะลุร่างคนทั้งสอง ทันใดนั้นอาวุธลับทั้งหมดก็หยุดค้างกลางอากาศราวกับถูกแช่แข็ง
หลานเจียวม่านตาพลันหดสั้น!
ในวินาทีต่อมาอาวุธลับที่นางยิงออกไปก็พุ่งย้อนกลับมา!
“อ๊า——” นางถูกอาวุธลับชิ้นหนึ่งแทง ร่างทั้งร่างลอยปลิวไปด้านหลัง จากนั้นก็ตกกระแทกพื้นอย่างแรง ทันใดนั้นเลือดแดงข้นก็กระอักออกจากปาก
อวี๋หวั่นมองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม “เสียแรงเจ้าอุตส่าห์ยกย่องตนเองว่าเป็นผู้นำตระกูลหลาน กลับเล่นลอบกัดเช่นนี้!”
หลานเจียวนอนตะแคงอยู่บนพื้น ใช้มือกุมปิดบริเวณที่ถูกเข็มเงินแทง เหงื่อแห่งความเจ็บปวดผุดพรายออกมา
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่แม้แต่จะมองนางตรงๆ “ไปละ”
“พวกเจ้าหยุดนะ!” หลานเจียวออกคำสั่ง เหล่าองครักษ์จวนสกุลหลานรีบเข้ามาล้อมพวกเขาไว้ อิ่งสือซันชักดาบก้าวไปด้านหน้า ขวางพวกเขาไว้พร้อมกับอิ่งลิ่วและพวกชิงเหยียน
ที่นี่ถูกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอิ่งสือซันและคนอื่นๆ เยี่ยนจิ่วเฉารีบพาอวี๋หวั่นบุกเข้าไปในเรือนของหลานเจียว
อวี๋หวั่นสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสัตว์พิษตัวน้อยในสวนด้านหลัง
ยามที่เธอตามลมหายใจไปและพบว่าสัตว์พิษตัวน้อยถูกขังอยู่ในกล่องเหล็กที่น่ารำคาญที่สุด และยังถูกโยนเข้าไปในเล้าไก่ที่น่าหวาดกลัวที่สุด ดวงตาของอวี๋หวั่นก็พลันเยือกเย็นลง!
“นั่นใครน่ะ?” องครักษ์นายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหยุดอวี๋หวั่น แต่ไม่ทันได้แตะต้องแม้กระทั่งชายเสื้อของอวี๋หวั่น ก็ถูกพลังภายในของเยี่ยนจิ่วเฉาผลักกระเด็นไป
อวี๋หวั่นรีบหยิบกล่องเหล็กที่มีสัตว์พิษตัวน้อยอยู่ด้านในขึ้นมา
เธอกำลังจะเปิดกล่อง แต่ทันใดนั้น ผ้าไหมสีขาวเส้นหนึ่งก็บินมาจากท้องฟ้า พันข้อมือของอวี๋หวั่นและกระชากอวี๋หวั่นไป——
………………………