หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 398.2 ราชันหมื่นสัตว์พิษน้ำลายสอ เขามาแล้ว (2)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 398.2 ราชันหมื่นสัตว์พิษน้ำลายสอ เขามาแล้ว (2)
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังสิ้นหวัง เสียงขลุ่ยอันไพเราะก็ดังขึ้นในค่ำคืนที่ตึงเครียด
ราชันหมื่นสัตว์พิษที่อ้าปากกว้างราวกับอ่างบูชายันกำลังจะกัดอวี๋หวั่นหยุดชะงักลง มันลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนตัวออกไปอย่างไม่เต็มใจ
อวี๋หวั่นกางนิ้วมองลอดผ่านช่องว่างอย่างเงียบๆ บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งยืนอยู่ในทางที่ราชันหมื่นสัตว์พิษกำลังวิ่งไป
ดวงจันทร์ส่องสว่างประกาย แสงสีเงินแวววาว ร่างกายสูงใหญ่ ตั้งตรงตระหง่าน ใบหน้างดงามดั่งหยกเจียระไน หากไม่มีเยี่ยนจิ่วเฉาอัญมณีล้ำค่าอยู่ตรงหน้า บุรุษตรงหน้าก็คงเป็นคนที่งดงามที่สุดในปฐพี
ราชันหมื่นสัตว์พิษกลับไปหาบุรุษผู้นั้น
บุรุษผู้นั้นเก็บขลุ่ยและหยิบขวดหยกออกมา ให้ราชันหมื่นสัตว์พิษกลับเข้าไปพักผ่อน
หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่อวี๋หวั่นด้วยสายตาอบอุ่นอ่อนโยน “แม่นาง คงไม่ได้ทำให้เจ้าตกใจกระมัง?”
แม่นาง?
อวี๋หวั่นลูบศีรษะของตนเอง จึงรู้ว่ามวยผมสตรีแต่งงานที่มัดไว้หลุดไปนานแล้ว เธอผมยาวสยาย ไม่เหมือนกับแม่นางอ้วน…ที่ยังไม่ได้ออกเรือนหรือ?
“เอ่อ…นั่นอะไร?” อวี๋หวั่นลุกขึ้นจากก้อนหินใจเย็น “ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณคุณชายท่านนี้ที่ช่วยเหลือ”
อย่างไรก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่สัตว์พิษตัวน้อยของตนเริ่มก่อกวนก่อน!
“จริงสิ แม่นางมาจากที่ใด? เหตุใดถึงมาอยู่ที่หมิงซาน?” บุรุษชุดขาวเอ่ยถาม
“หมิง…ซาน?” ดวงตาของอวี๋หวั่นเกิดประกาย นี่ไม่ใช่เขตต้องห้ามของสกุลซือคงที่สตรีศักดิ์สิทธิ์และซือคงอวิ๋นกล่าวถึงหรือ? ไม่สิ เป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับเขตต้องห้ามของจวนสกุลซือคง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปรมาจารย์ซือคง
ที่ตรงนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าใกล้ได้ เช่นนั้นบุรุษตรงหน้า…
บุรุษผู้นั้นกล่าวว่า “ข้าชื่อซือคงฉางเฟิง”
คุณชายใหญ่ของสกุลซือคงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังก้องหูไปทั่วหมิงตู แต่ปฏิกิริยาของอวี๋หวั่นสงบยิ่งนัก แม้…ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของซือคงฉางเฟิงหรือไม่ เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด ท่าทางดูทึ่มทื่อ รวมกับแก้มเล็กๆ ที่อวบอ้วน ทำให้ดูราวกับกระรอกน้อยที่โง่เขลายิ่งนัก
ซือคงฉางเฟิงกลั้วหัวเราะ
อวี๋หวั่นรู้เพียงสกุลซือคงมีคุณชายใหญ่ แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์และซือคงอวิ๋นไม่เคยเอ่ยชื่อ ดังนั้นไม่ว่าเธอครุ่นคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าซือคงฉางเฟิงผู้นี้เป็นใคร
ตั้งครรภ์หนึ่งครั้งโง่สามปี สมองใช้การได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่กล่าวโดยละเอียดแล้ว ก็ไม่แปลกที่อวี๋หวั่นเดาไม่ได้ว่าเขาเป็นคุณชายใหญ่ เธอเคยได้ยินยายหลานกล่าวโดยไม่ตั้งใจ ว่าสกุลซือคงมิได้มีเพียงบุตรชายสองคน ยังมีสายอนุอีกไม่น้อย ผีเท่านั้นที่รู้ว่าซือคงฉางเฟิงเป็นใคร เป็นสายเลือดฝั่งไหน?
ซือคงฉางเฟิงกระซิบ “แม่นาง เจ้ายังไม่ตอบข้าเลย เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงมาที่นี่? ที่นี่ใกล้กับเขตต้องห้ามของสกุลซือคง เจ้า…”
ขณะที่กล่าว ร่องรอยความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
อวี๋หวั่นกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้า…เพิ่งเข้ามาที่จวน เมื่อครู่เดินอยู่ในจวน บังเอิญชนถูกภูเขาหินปลอม แล้วจากนั้นข้าก็เข้ามาที่ทางเดิน เดินมาเรื่อยๆ ก็มาถึงที่นี่”
เธอบอกว่าเธอเพิ่งเข้าจวนมา ซือคงฉางเฟิงก็เข้าใจโดยธรรมชาติว่าเธอเป็นผู้ที่มาใหม่ ไม่แปลกที่หน้าตาดูไม่คุ้น เธอไม่มีวรยุทธ์ ดูแล้วไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก ไม่น่าจะเป็นมือสังหารที่แอบเข้ามาในภูเขาหมิงซาน
ยิ่งไปกว่านั้น หมิงซานไม่เคยมีมือสังหาร
เพราะไม่มีผู้ใดกล้ามาลอบสังหารปรมาจารย์ซือคง
“ข้าจะพาเจ้าออกไป” ซือคงฉางเฟิงพูด
“ขอบคุณมาก” อวี๋หวั่นกล่าวขอบคุณ และกำลังจะตามเขาออกจากอุโมงค์ ก็ได้ยินเสียงตุบ สัตว์พิษตัวน้อยร่วงลงจากอ้อมแขนของเธอ
ราชันหมื่นสัตว์พิษมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมกลิ่นอายของสัตว์พิษตัวน้อย หากไม่ใช่มันเปิดเผยตัวเอง ซือคงฉางเฟิงก็ยังไม่รู้ว่าที่นี่มีเจ้าสิ่งเล็กๆ เช่นนี้อยู่
“นี่ของเจ้าหรือ?” ซือคงฉางเฟิงมองอวี๋หวั่นด้วยความสงสัย
อวี๋หวั่นส่ายหัวราวกับของเล่นป๋องแป๋ง “ไม่ใช่ๆ! ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่รู้จักมัน!”
สัตว์พิษตัวน้อยที่ถูกทิ้ง “…”
จู่ๆ ซือคงฉางเฟิงก็นึกขึ้นได้ “มิน่าละราชันหมื่นสัตว์พิษถึงได้รีบวิ่งออกไป เพราะมันอยากกินเจ้าตัวน้อยนี่ และเจ้าตัวน้อยนี่ก็ตื่นตระหนกจึงชนเข้ากับเจ้า”
“อา…” เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เป็นเจ้าตัวน้อยของข้าที่อยากกินราชันสัตว์พิษของเจ้า
เจ้าว่าอย่างไรก็อย่างนั้นแล้วกัน เอาที่เจ้ามีความสุข
ร่างกายของซือคงฉางเฟิงมีลมหายใจของราชันหมื่นสัตว์พิษ เขาไม่กังวลว่าหนอนกู่ที่อยู่ใกล้ๆ จะทำอันตรายเขา เขาหยิบสัตว์พิษตัวน้อยขึ้นมาด้วยมือเปล่า จากนั้นก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “เป็นราชันหมื่นสัตว์พิษ…ทว่ากลับเป็นเพียงทารกสัตว์พิษ”
“เจ้ากินมันไม่ได้” ประโยคนี้ กล่าวกับราชันหมื่นสัตว์พิษในขวดหยก
ราชันหมื่นสัตว์พิษเข้าสู่สมาธิและเพิกเฉยต่อทุกสิ่ง
เนื่องจากมันไม่มีเจ้าของ แล้วตนเองก็เก็บได้ แน่นอนว่ามันเป็นของเจ้า
แน่นอนซือคงฉางเฟิงรับสัตว์พิษตัวน้อยมาเป็นของตัวเอง ในตัวเขาไม่มีขวดหยกเหลืออยู่แล้ว เขาจึงต้องใส่สัตว์พิษตัวน้อยลงในขวดหยกของราชันหมื่นสัตว์พิษ
“กินไม่ได้ รู้หรือไม่?” เขากำชับราชันหมื่นสัตว์พิษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หัวใจของอวี๋หวั่นขึ้นมาถึงคอ เมื่อครู่ยังอยากจะฉีกสัตว์พิษตัวน้อยของเธอ ยามนี้ตอนนี้ จับกู่โสดกู่หม้ายมาอยู่ในห้องเดียวกัน จะไม่กลืนสัตว์พิษตัวน้อยลงไปในครั้งเดียวเลยหรือ?
ไหนเลยจะรู้ว่าราชันหมื่นสัตว์พิษกลับไม่แม้แต่กระดิกเปลือกตา และยังคงตั้งสมาธิต่อไป
นี่ นี่เชื่อฟังถึงเพียงนี้?
สัตว์พิษตัวน้อยไม่เคยเชื่อฟังเช่นนี้
มันเปิดกรงเล็บเล็กๆ เดินไปข้างกายราชันหมื่นสัตว์พิษเงียบๆ ยกเท้ากู่อันใหญ่โตข้างหนึ่ง อ้าปากกว้างกัดลงไป!
ง่ำ–
กู่น้อยใช้ฟันกัดไว้…
ซือคงฉางเฟิงไม่รู้ว่านี่คือสัตว์พิษตัวน้อยที่ดุร้าย สัตว์พิษตัวน้อยที่กล้าหาญ ไร้เดียงสาจนอยากฆ่าราชันหมื่นสัตว์พิษ ฉากเมื่อครู่ตกอยู่ในสายตาของเขา แต่มันเป็นเพียงทารกแรกเกิดที่กัดนิ้วของผู้ใหญ่เท่านั้น
“หิวแล้วสินะ…” ซือคงฉางเฟิงชะงักและกล่าวกับอวี๋หวั่น “เจ้ารอข้าที่นี่สักครู่ อย่าไปไหนละ”
หมิงซานเป็นดินแดนของปรมาจารย์ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะมาเมื่อไหร่ แต่เขาไม่ชอบถูกผู้ใดรบกวน ทันทีที่พบคนแปลกหน้าก็จะบีบคอจนตาย
แน่นอนอวี๋หวั่นจะไม่เดินไปที่ใดเรื่อยเปื่อย
เดินมานานถึงเพียงนี้ เธอก็เหนื่อยมากแล้ว
ซือคงฉางเฟิงจากไปครู่หนึ่ง เมื่อเขากลับมาก็มีราชันพันสัตว์พิษหลายตัวอยู่ในขวดหยก
อวี๋หวั่นเห็นสัตว์พิษตัวน้อยของตนขี่หลังราชันหมื่นสัตว์พิษ ดูดกินราชันพันสัตว์พิษอย่างเอร็ดอร่อย…
พวกนี้คือราชันพันสัตว์พิษที่กำลังจะผ่านไปขั้นสูงสุด ตีจนตายสัตว์พิษตัวน้อยไม่ต้องพูดถึง แต่หากมีราชันหมื่นสัตว์พิษหนุนหลังอยู่ แตกต่างกันสิ้นเชิง
ลมหายใจของราชันหมื่นสัตว์พิษกดราชันพันสัตว์พิษเหล่านั้นจนนิ่งสนิท
สัตว์พิษตัวน้อยอวดดีแทบขึ้นฟ้า
อวี๋หวั่น “…”
ราวกับได้เห็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ…
ทั้งสองเข้าไปในทางเดิน
ซือคงฉางเฟิงตบมือ พลันเกิดเสียงการเสียดสีกันของกำแพงหินในทางเดิน จากนั้นไข่มุกราตรีก็ปรากฏขึ้น
อวี๋หวั่นตกตะลึง ที่แท้ก็ทำงานด้วยเสียง…
สัตว์พิษตัวน้อยกินอย่างมีความสุข เสียงดูดดื่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากขวดหยก
ไร้มารยาทการกิน!
ตอนแรกข้าเลี้ยงเจ้าไม่อิ่มหรือ?!
อวี๋หวั่นปิดตา ไม่มองอีก
“เจ้าเป็นอะไรไป?” ซือคงฉางเฟิงชำเลืองมองเธอ
“ไม่มีอะไร” อวี๋หวั่นเอามือออก มองไปที่ขวดหยกและกล่าวว่า “เป็นสัตว์พิษที่คุณชายเลี้ยงไว้หรือ? ดูเหมือนแข็งแกร่งมากทีเดียว”
“มันเป็นของปรมาจารย์ข้า ข้าแค่ดูแลเขาเท่านั้น” สิ่งที่ซือคงฉางเฟิงไม่ได้กล่าวถึงคือ คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนโปรดของปรมาจารย์ในช่วงหลายปีที่ถูกส่งไปยังเขาหมิงซาน เขาจึงสามารถเข้าออกหมิงซานได้อย่างอิสระ ทว่าความจริงแล้วเขาแค่ดูแลสัตว์พิษให้ปรมาจารย์ดีกว่าคนอื่นๆ เท่านั้น
ระหว่างสนทนา ทั้งสองก็เดินมาถึงประตูหิน ซือคงฉางเฟิงตบมืออีกครั้งแล้วประตูหินก็เปิดออก
อวี๋หวั่น “…”
บ้าจริง!
ควบคุมด้วยเสียงอีกแล้ว!!!
ทั้งสองออกจากภูเขาหินปลอมกลับจวนซือคง
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ อวี๋หวั่นก็ตบหน้าอกและสัญญาว่า “คุณชายวางใจ ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้!”
“ไม่เป็นไร” ซือคงฉางเฟิงกล่าว
“หือ?” อวี๋หวั่นผงะ หมายความว่าอย่างไร? เรื่องนี้พูดกับคนนอกได้หรือ?
ซือคงฉางเฟิงมองไปที่ภูเขาหินปลอม พลางส่ายหัวและกล่าวว่า “เจ้าเพิ่งมาใหม่คงยังไม่รู้ ที่นี่เดิมมีป้ายไม้อยู่”
“ท่านหมายถึง…นี่หรือ” อวี๋หวั่นก้มลงมองป้ายไม้ที่เธอเหยียบโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นั่นละ” ซือคงฉางเฟิงกล่าว
อวี๋หวั่นหยิบป้ายไม้ขึ้นมา มีตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัวที่อยู่บนนั้น ทางลับหมิงซาน!
อวี๋หวั่น “…”
……………………………