หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 403 งานแต่ง
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ ด้านหน้าก็เป็นวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว โปรดอย่าล่าช้าให้เสียฤกษ์ยาม” หน้าประตูข้างของจวนซือคง ทูตหลีกล่าวเตือนอวี๋หวั่นที่จับบานประตูไม่ยอมปล่อยอย่างเย็นชา “หากท่านยังดึงดัน ข้าคงต้องใช้กำลัง ถึงยามนั้นหากไม่ระวังไปโดนครรภ์ของท่านเข้า…”
ไอ้สารเลว!
ทั้งที่รู้ว่าเธอท้อง ยังยกเรื่องนี้มาขู่เธอ!
อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ แม้สตรีศักดิ์สิทธิ์จะไม่อยากแต่งงานกับซือคงอวิ๋น ก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาแทนมิใช่หรือ? สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่กลัวว่าเธอจะก่อเรื่องทำลายงานแต่งงานของนางหรือ?
หรือนางต้องการส่งตัวเธอไปให้ซือคงอวิ๋นย่ำยี? นางมีแผนใดกัน?
ทูตหลีขู่ว่า “อย่าถ่วงเวลาเลย คุณชายใหญ่ไม่มาช่วยเจ้าหรอก วันนี้เจ้าก็อย่าสร้างปัญหา หากเจ้ากล้าทำลายเรื่องดีของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะบี้เด็กในท้องของเจ้าให้ตายตรงนี้ หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ต้องสู้กับข้าให้ตายไปข้าง!”
อวี๋หวั่นยอมปล่อยมือยอมรับชะตากรรม ทว่าวินาทีที่ก้าวขาข้ามธรณีประตู เธอก็ชนทูตหลีเซไปข้างๆ และวิ่งเผ่นไปที่จวนซือคง
ทูตหลีฮึดฮัดเย็นชา ใช้วิชาตัวเบากระโดดลงตรงหน้าขวางกั้นเส้นทางของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นสะดุ้ง
ทูตหลีหันกลับมา เดินไปหาเธอพลางยิ้มเยาะ “สู้กับข้า…”
เอ่ยได้ครึ่งทาง ดวงตาของนางก็กลอกขึ้น ร่างกายอ่อนแรงร่วงลงกับพื้น
อวี๋หวั่นปากอ้าตาค้างมองซือคงฉางเฟิงที่ปรากฏตัวออกมากะทันหัน…
“สตรีศักดิ์สิทธิ์! ทูตหลี!”
เป็นเสียงของฮวาจือ!
สาวใช้สารเลวผู้นี้กับทูตหลีเป็นพวกเดียวกัน! ล้วนเป็นสมุนที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ใช้มาสอดส่องเธอ!
ข้างกายยังนำยอดฝีมือติดตามมาด้วยสองสามคน
อวี๋หวั่นมองซือคงฉางเฟิงอย่างทึ่มเขลา
ซือคงฉางเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ล่วงเกินแล้ว!”
เอ่ยจบ ฝ่ามือใหญ่ก็คว้าข้อมืออวี๋หวั่น พาอวี๋หวั่นเดินผ่านทางเดินเข้าไปในห้องเก็บของสกุลซือคง
งานแต่งงานในวันนี้ ห้องเก็บของผู้คนพลุกพล่าน ทว่าด้วยเหตุนี้จึงง่ายที่จะปะปนเข้ามา
หลังจากซือคงฉางเฟิงอ้อมไปด้านหลังชั้นเก็บของก็ทำมือให้อวี๋หวั่นเงียบ
พวกฮวาจือก็เข้ามาที่เรือนที่ตั้งห้องเก็บของ
“เห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?” ฮวาจือถาม
ข้ารับใช้คนหนึ่งตอบ “เรียนแม่นางฮวาจือ ข้าไม่เห็นเลย”
ฮวาจือไม่ได้จากไปทันที แต่พาคนเข้าไปในห้องเก็บของที่ซือคงฉางเฟิงและอวี๋หวั่นซ่อนตัวอยู่
ในฐานะคุณชายใหญ่สกุลซือคง ซือคงฉางเฟิงย่อมเปิดโปงเรื่องสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอมได้ ทว่าผลลัพธ์ไม่อาจควบคุม ไม่มีใครเชื่อว่าอวี๋หวั่นถูกบังคับ แต่กลับจะคิดว่าเธอข่มเหงสตรีศักดิ์สิทธิ์ ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ[1] ต้องการแย่งทุกอย่างไปจากสตรีศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือส่งอวี๋หวั่นออกไปอย่างลับๆ
ซือคงฉางเฟิงพาอวี๋หวั่นมาหลบด้านหลังชั้นวางของในห้องเก็บของ แอบยอดฝีมือที่เข้ามาตามหาเงียบๆ
ไม่นานฮวาจือและยอดฝีมือก็ไม่พบสิ่งใด
ฮวาจือกล่าวว่า “ไปหาที่อื่น!”
“ขอรับ!”
คนทั้งกลุ่มรีบสาวเท้าจากไป
ซือคงฉางเฟิงและอวี๋หวั่นสบตากันโดยไม่นัดหมาย
เป็นดังคาด ผ่านไปครึ่งเค่อ พวกฮวาจือก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้ยังคว้าน้ำเหลว จึงยอมเดินจากไปจริงๆ
ทั้งสองถอนหายใจโล่งอก ยังโชคดีที่ไม่ติดกับแผนสตรีผู้นั้น!
ซือคงฉางเฟิงมองหัวน้อยๆ ที่หลุบลง ราวกับยกภูเขาออกจากอก รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรหัวเราะ แต่กลับอดยกมุมปากขึ้นไม่ได้
สตรีอ้วนตัวน้อยนี่ ไยถึงน่ารักเช่นนี้?
“เป็นเจ้า ใช่หรือไม่?” ซือคงฉางเฟิงถาม
หือ? อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ซือคงฉางเฟิงอารมณ์ดีไม่น้อย “ข้าเห็นด้านหลังเจ้าครั้งแรก ก็รู้สึกว่าเป็นเจ้า แต่หลังจากนั้นเจ้าก็หันหน้ามา จึงเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?”
อวี๋หวั่นลูบใบหน้า เขียนกลางฝ่ามือว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นคนทำ!
“ข้าก็ว่า…เจ้าผอมลง” ซือคงฉางเฟิงกล่าวพลางมองร่างเล็กที่ผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ก็รู้สึกคันมือเล็กน้อย เขากระแอม
อวี๋หวั่นถอนหายใจ อยากบอกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้เธออดข้าว เมื่อคำพูดมาถึงปาก นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงเขียนออกมา ยามนี้ไม่ใช่เวลามาถกกันเรื่องนี้แล้วกระมัง? ควรรีบหนีก่อนหรือไม่?
ซือคงฉางเฟิงเก้อเขิน
ซือคงฉางเฟิงกล่าว “มิสู้เจ้าไปหลบที่เรือนข้าก่อนดีกว่าหรือ เรือนของข้าไม่มีผู้ใด อีกครู่หากไม่พบสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่โถงงานแต่ง สกุลซือคงได้โกลาหลเป็นแน่ ข้าค่อยใช้ประโยชน์จากความโกลาหลส่งเจ้าออกไป”
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าวิธีนี้เป็นไปได้ จึงเดินตามซือคงฉางเฟิงออกจากห้องเก็บของอย่างเชื่อฟัง
“เสี่ยวฮวาเป็นหนอนกู่ของเจ้ากระมัง?” ซือคงฉางเฟิงถามอวี๋หวั่นระหว่างทางไปที่เรือน
สัตว์พิษตัวน้อยที่กำลังนั่งอยู่ในขวดหยกขโมยกัดกินอาหารของราชันหมื่นสัตว์พิษตัวแข็งทื่อ ไม่ใช่กู่ของเจ้า จะยังให้กินอาหารของเจ้าอยู่หรือไม่
อวี๋หวั่นสองตามองฟ้า
ซือคงฉางเฟิงตลกท่าทางเสแสร้งแกล้งทำเป็นจริงเป็นจังของเธอ จนหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “เจ้าก็ไม่ใช่สาวใช้ของสกุลซือคงกระมัง? แต่ถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์จับตัวมา”
อวี๋หวั่นชำเลืองมองเขา
ก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ ไยท่านยอมรับเรื่องชั่วของนางง่ายดายเช่นนี้?
คนรักเก่าต่างเกลียดชังอยากฆ่ากันเองจริงๆ หรือ?
ครั้งนี้อวี๋หวั่นไม่ได้เขียนลงบนฝ่ามือ แต่ก็ไม่รู้ว่าอ่านสีหน้าของอวี๋หวั่นออกหรืออย่างไร ซือคงฉางเฟิงหัวเราะกับตัวเองและกล่าวว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีก็ไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว”
ไม่เช่นนั้นคงไม่ถอนหมั้นเขา
เขาถามตัวเองว่า เขายอดเยี่ยมกว่าซือคงอวิ๋นมาก ทั้งในด้านพรสวรรค์ ประสบการณ์ในชีวิตและแม้แต่ศิลปะการต่อสู้ สตรีศักดิ์สิทธิ์แต่งงานกับเขา ก็ได้เป็นนายหญิงสกุลซือคงเช่นเดียวกัน เหตุผลที่ไม่ทำเช่นนั้น ในสายตาคนอื่นนางรักซือคงอวิ๋นอย่างลึกซึ้ง แต่ซือคงฉางเฟิงที่ให้ความสนใจกับคู่หมั้นของเขามาตั้งแต่เด็กจะไม่เข้าใจนิสัยใจคอของนางได้อย่างไร?
“แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดสตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงจับเจ้ามา…” การนินทาลับหลังไม่ดี คำที่ไม่ควรเอ่ย ซือคงฉางเฟิงก็ไม่เอ่ยแม้ประโยคเดียว “ข้าจะส่งเจ้าออกไป”
อวี๋หวั่นพยักหน้า
สิ่งของแยกตามประเภท ผู้คนแยกตามกลุ่ม สตรีศักดิ์สิทธิ์คู่ควรแต่กับไอ้เศษสวะซือคงอวิ๋นนั่น คุณชายใหญ่ผู้นี้แม้จะเป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกับซือคงอวิ๋น กลับจิตใจดีซื่อตรงกว่าซือคงอวิ๋นยิ่งนัก
“เจ้า…” เมื่อคิดขึ้นได้ สายตาของซือคงฉางเฟิงก็ลดลงมองหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของอวี่หวั่น “เมื่อครู่…”
อวี๋หวั่นลูบท้อง ดวงตามีประกายแห่งความอ่อนโยนวาบผ่าน
เมื่อครู่นี้บุตรในครรภ์ขยับแล้ว
บุตรที่รักของเธอ ยังไม่ครบสี่เดือน ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงการมีอยู่เสียแล้ว
รู้ว่ามารดาอยู่ในอันตราย จึงพยายามช่วยชีวิตมารดาหรือ?
หัวใจของซือคงฉางเฟิงเต็มไปด้วยความผิดหวัง สตรีผู้นี้ตั้งครรภ์แล้ว เช่นนี้ก็มีสามีแล้ว
นั่นคือเรือนของท่านหรือไม่? อวี๋หวั่นชี้ไปยังเรือนที่อยู่ห่างไปไม่ไกล ดวงตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งสกุลซือคง แต่กลับอาศัยอยู่ในเรือนที่เอียงเช่นนี้?
ตอนแรกซือคงฉางเฟิงย้ายมาเพื่อหาความสุขสงบ และรำลึกถึงมารดาที่ตายไปให้ดีขึ้น อยู่นานเข้าก็ไม่รู้ว่ามีอะไร ยามนี้อวี๋หวั่นเอ่ยปาก พลันรู้สึกเขินอายขึ้นมา ดูเหมือนจะเอียงอยู่เล็กน้อย
แน่นอนว่าการเอียงก็มีข้อดีของมัน
ซือคงฉางเฟิงกล่าวว่า “ที่นี่ปลอดภัยมาก เจ้าวางใจ จะไม่มีผู้ใดมาที่นี่ หากมาข้าก็จะหยุดพวกเขาไว้ เรือนของข้า ไม่มีผู้ใดกล้าบุกรุก”
อวี๋หวั่นพยักหน้า เดินไปที่เรือน ธรณีประตูสูงเล็กน้อย ซือคงฉางเฟิงยื่นมือไปพยุงเธอ แต่ทันใดนั้น ไอสังหารน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้ามา
แผ่นหลังซือคงฉางเฟิงเย็นวาบ เขาปกป้องอวี๋หวั่นไว้ในอ้อมแขนโดยสัญชาตญาณ แต่ไอสังหารกลับไม่ได้พุ่งใส่เขาตรงๆ แต่กลับอ้อมไปด้านข้างและผลักเขาจนกระเด็นไป!
เมื่ออวี๋หวั่นหันกลับมา ซือคงฉางเฟิงก็กุมหน้าอก และล้มลงกับพื้นอย่างแรง
อวี๋หวั่นรีบมองผู้มาเยือน เมื่อเห็นว่าเป็นใคร อวี๋หวั่นก็อยากชนกำแพง
เป็นใครไม่เป็น เหตุใดต้องเป็นซือคงอวิ๋น?
ไม่รู้เพราะเป็นวันมงคลใหญ่หรือไม่ ซือคงอวิ๋นที่สวมชุดสีแดงสดใสน่าดึงดูดกว่าก่อนมาก หากตอนแรกอวี๋หวั่นยังดูถูกรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ เช่นนั้นยามนี้ อวี๋หวั่นกลับถูกเขาทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด
ชุดสีแดงงามสง่า
ซือคงอวิ๋นไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลัง เดินไปหาอวี๋หวั่นด้วยสีหน้าเย็นชา
ซือคงฉางเฟิงจับพื้นหมายจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกซือคงอวิ๋นใช้หลังมือตบกลับด้วยฝ่ามือลมปราณ
ซือคงอวิ๋นไม่มองเขาตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่จ้องมองอวี๋หวั่นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ซือคงฉางเฟิงไม่เคยรู้มาก่อนว่าวรยุทธ์ของน้องชายเก่งกาจถึงเพียงนี้ หรือหลายปีที่ผ่านมา คนที่ซ่อนความสามารถจริงๆ ไม่ใช่ตน แต่เป็นน้องชายต่างมารดาผู้นี้?
ซือคงฉางเฟิงถูกพลังกดไว้จนไม่อาจขยับได้ พยายามใช้แรงทั้งหมดเค้นเสียงลอดไรฟัน “น้องรอง เจ้าฟังข้า นางไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์! เจ้าอย่าได้จำคนผิด!”
ซือคงอวิ๋นมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาจะจำผิดได้อย่างไร? ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีทาง
ซือคงฉางเฟิงร้อนรนจนเหงื่อผุด “น้องรอง! เจ้า…เจ้าจำผิดแล้ว…นางไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์!”
ซือคงอวิ๋นทำราวกับไม่ได้ยิน สาวเท้าเข้าหาอวี๋หวั่นทีละก้าว
อวี๋หวั่นก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว น่องของเธอสะดุดกับธรณีประตู บั้นท้ายถลำตกลงไป
ซือคงอวิ๋นเหยียดแขนคว้าร่างอวบอ้วนของเธอเข้ามาในอ้อมแขน
อวี๋หวั่นกระแทกเข้ากับอ้อมกอด ลมหายใจของบุรุษที่คุ้นเคยพุ่งแตะจมูก ดวงตาของอวี๋หวั่นพลันเบิกโต
เขาโอบกอดเธออย่างเอาแต่ใจ ดุดันและแข็งกร้าว ใช้น้ำเสียงลุ่มลึกน่าดึงดูดกระซิบข้างหูเธอ “เจ้าสาว จะแต่งงานแล้ว จะหนีไปที่ใด?”
…………………………………………
[1] ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ หนึ่งในกลยุทธ์สามก๊ก หมายถึง การเสียสละส่วนน้อยเพื่อส่วนมาก