หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 412 หวั่นอ้วนละเลงเละ
“ท่านแม่ มานานเช่นนี้แล้ว ท่านไม่เหนื่อย ผู้อาวุโสทั้งหลายก็คงเหนื่อยแล้ว อีกอย่าง…คุณชายรองก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราไปเสวนากันด้านในจวนดีหรือไม่?” อวี๋หวั่นพูดกับหลานเจียวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
หากไม่รู้ ก็ยังคิดว่าบุตรสาวผู้นี้กตัญญูมากสินะ
สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นคนสันโดษเย็นชา ผู้อาวุโสไม่มีโอกาสได้สนทนาทักทายกับนางมากนัก ในบางครั้งที่พบหน้ากัน สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็จะนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสูงส่ง แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ในยามนี้คล้ายกับว่าลงมาคลุกคลีกับมนุษย์มากขึ้นเล็กน้อย
ผู้อาวุโสของตระกูลต่างยินดีไม่น้อย ในที่สุดก็เติบโต แต่งงานแล้ว มีเหตุมีผลรู้ความมากขึ้น
หลานเจียวไม่คิดเช่นนั้น เด็กหญิงนี่เห็นได้ชัดว่าตีหน้าแสร้งทำตัวใสซื่อ นางจะกตัญญูต่อนางหรือ? ไม่ทำร้ายนางให้ตายก็ดีมากแล้ว!
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? อยากให้ลูกเชิญท่านหมอมาหรือไม่?” อวี๋หวั่นถามด้วยสีหน้าห่วงใย
“ไม่จำเป็นแล้ว!” ผีเท่านั้นที่รู้ว่าหมอของนางเด็กผู้นี้จะมาเอาชีวิตนางหรือไม่?
หลานเจียวลอบถลึงตาใส่อวี๋หวั่น เชิญอวี๋หวั่นกับ ‘คุณชายรองสกุลซือคง’ และคนอื่นๆ เข้าจวนสกุลหลานอย่างไม่เต็มใจ
อวี๋หวั่นจับแขนของหลานเจียวไว้ตลอดทาง
หลานเจียวกล่าวเย้ยหยัน “โตถึงเพียงนี้ เป็นสตรีแต่งงานแล้ว เหตุใดยังทำตัวเฉกเช่นเด็กน้อย? ให้คนหัวเราะเยาะ! แล้วก็ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้เส้นทางในจวน ใช่หรือไม่ละ?”
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นไม่รู้ทางในจวน สกุลหลานกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ เธอเคยมาเพียงครั้งเดียว แต่หากนางคิดจะใช้เหตุผลนี้มาเปิดเผยข้อบกพร่องของเธอ ก็ดูถูกเธอมากเกินไปแล้ว
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ท่านแม่กล่าวสิ่งใด? ต่อให้ลูกโตแล้ว อย่างไรก็ยังเป็นเลือดเนื้อของท่าน วันหน้าไม่อาจมารับใช้ท่านพ่อท่านแม่ได้บ่อยๆ ย่อมหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับท่านให้มาก อ๊ะ จริงสิ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้ายังไม่ได้พบท่านพ่อเลย”
ความจริงมาที่หมิงตูนานถึงเพียงนี้ เธอยังไม่เคยพบท่านตาใหญ่ในข่าวลือเลย ยามนั้นเขาทรยศท่านยายใหญ่ ให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์กับน้องสะใภ้ของตน อวี๋หวั่นอยากจะเห็นด้วยตาตนเองว่าเขาเป็นบุรุษเช่นไร
ขณะที่หลานเจียวลังเลว่าจะปฏิเสธอวี๋หวั่นอย่างไร ก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากหลังต้นหม่อน นั่นก็คือนายท่านฉินบิดาผู้ให้กำเนิดหลานจี
นายท่านฉินอายุมากกว่าหลานเจียวมาก ทั้งยังไม่อาจรักษาความอ่อนเยาว์ได้ดีเท่าหลานเจียว จึงดูชราเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ยากที่จะจินตนาการถึงความหล่อเหลาน่าดึงดูดในวัยหนุ่ม ไม่แปลกใจที่สามารถทำให้ท่านยายใหญ่หลงใหล และทำให้หลานเจียวหวั่นไหว
หากสิ่งที่อวี๋หวั่นเข้าใจจากยายรองไม่ผิด หลานเจียวผู้นี้มีอายุมากกว่ามารดาของตนไม่เกินสองสามปีกระมัง หากกล่าวเช่นนี้ ยามที่นางอายุไม่ถึงสิบขวบก็รู้จักอวดฉลาดต่อหน้าพี่เขยเสียแล้ว
แต่คบหากันอยู่ด้วยกันจริงๆ เมื่อใดกันแน่?
ยายรองบอกว่าไม่นาน แต่มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเป็นการกล่าวเกินจริง อาจเป็นหนึ่งปี หรือสามปีห้าปี
อวี๋หวั่นไม่มีคำตอบ แต่คล้ายกับไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว
“ท่านพ่อ” อวี๋หวั่นแย้มยิ้มสดใสให้นายท่านฉิน
นายท่านฉินถึงกับผงะ หลังจากบุตรสาวจำความได้ ก็ไม่เคยยิ้มให้ตนอีก เขาเกรงว่าไม่ได้ตาฝาด…
หลานเจียวมองท่าทางตกตะลึงของสามี อดไม่ได้ที่จะแอบกังวล นางไม่ได้บอกคนอื่นเกี่ยวกับแผนการของนางกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สามีของนางก็ไม่รู้ด้วยว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง
หลานเจียวกลัวว่าอวี๋หวั่นจะทำสิ่งไม่ดีต่อสามีของนาง รีบร้อนดึงมือของอวี๋หวั่นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กล่าวมากเช่นนี้ คงกระหายน้ำแล้ว ไม่สู้ไปนั่งเล่นในห้องของแม่ดีกว่าหรือ เราจะได้คุยกันตามประสาแม่ลูกพอดี”
คุยกันตามประสาแม่ลูก?
ได้สิ…
อวี๋หวั่นไปที่เรือนของหลานเจียวด้วยความยินดี กลุ่มเยี่ยนจิ่วเฉาและผู้อาวุโสไปที่โถงบุปผาของจวนสกุลหลาน
ทันทีที่เข้าไปในห้องของหลานเจียว อวี๋หวั่นก็ปล่อยมือที่จับแขนนาง พลางมองไปรอบๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ห้องนี้กว้างใหญ่เสียจริง ผู้นำตระกูลหลานคงอยู่อย่างสะดวกสบายเลยกระมัง?”
หลานเจียวกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ากำลังเล่นอันใดอยู่กันแน่! ที่นี่ไม่มีใครแล้ว! ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง!”
อวี๋หวั่นไม่ถูกนางจูงจมูก “เป็นอย่างไรละ? ในช่วงสองสามวันในเรือนเฉิงตง คำทักทายของยายรองครอบคลุมดีหรือไม่?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หลานเจียวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ วรยุทธ์ของนางถูกทำลาย ทำได้เพียงปล่อยให้คนเลวอย่างหลานชิ่นเยาะเย้ยถากถาง ทั้งยังถูกไอ้สารเลวผู้นั้นทุบตีอยู่บ่อยๆ หากไม่ใช่เพราะนางเฉลียวฉลาด ใช้โอกาสที่คนผู้นั้นงีบหลับหลบหนีออกมา ยามนี้ก็คงยังถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนอันมืดมิดไร้แสงตะวัน!
ช้าก่อน…สตรีผู้นี้กล่าวว่าอย่างไรนะ?
ผู้ใดทักทายนาง?
“ยายรอง?” คิ้วของหลานเจียวขมวดชิด ที่เรือนหลังนั้น คนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยายมีเพียงแค่หลานชิ่น เด็กนี่เรียกหลานชิ่นว่ายายรอง…เช่นนี้ นางก็เป็นหลานของพี่สาวคนโต?
ไม่สิ พี่สาวคนโตทั้งชีวิตไร้บุตร ตั้งครรภ์สองครั้ง ทว่าครั้งหนึ่งกลับดูแลนายท่านฉินเหนื่อยล้าจนแท้งไป อีกครั้งหนึ่งโกรธเรื่องนางกับนายท่านฉินจนแท้ง
เช่นนั้นแล้วเด็กผู้นี้มาจากที่ใดละ?
“ไม่ต้องเดา เจ้าเดาไม่ออกหรอก” อวี๋หวั่นไม่ได้ตั้งใจจะบอกสตรีผู้นี้เรื่องที่อวิ๋นเฟยมีชีวิตอยู่ ทว่าหาใช่เพราะกังวลว่านางจะไปหนานจ้าวเพื่อตามสังหารอวิ๋นเฟย ศัตรูผู้พ่ายแพ้ในกำมือ ตนจำเป็นต้องแนะนำตัวต่อนางด้วยหรือ?
หลานเจียวระงับความสงสัย มองนางอย่างเย็นชา “เจ้า…เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”
“ได้ยินมาว่ายามนั้น พี่สาวของเจ้าออกไปตามหาผู้นำตระกูลหลานคนก่อน ผลคือเจ้ากลับยั่วยวนสามีของนาง เจ้าและพี่เขยของเจ้ามีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ และให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเจ้าก็เสกสรรปั้นแต่งโยนความผิด ขับไล่สายเลือดโดยตรงของสกุลหลานออกไป”
ขณะที่อวี๋หวั่นกล่าวก็เดินไปหานางอย่างช้าๆ “เจ้าถามว่าข้าทำอะไร เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรละ?”
“เจ้า…”
“ย่อมเป็น…ทำสิ่งนี้” อวี๋หวั่นพูดจบก็ปลดเข็มขัดออก มืออีกข้างหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบยาสลบมาปิดปากและจมูกของหลานเจียวด้วยความเร็วดั่งแสง
หลานเจียวพยายามดิ้นรน
ทว่านางสูญเสียวรยุทธ์ไปนานแล้ว ทั้งยังถูกนางหลานทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปสองสามวัน อ่อนระโหยโรยแรง มิใช่คู่ต่อสู้ของอวี๋หวั่นเลยแม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นมัดมือของนางด้วยเข็มขัดอย่างรวดเร็ว ผลักนางกลับไปบนเก้าอี้และกล่าวอย่างไม่ใยดี “เจ้าก็ไม่คิดสักหน่อย บ้านยายรองมียอดฝีมือมากมายเช่นนั้น แล้วเจ้าก็ถูกทำลายวรยุทธ์ไปแล้ว หากไม่มีคนจงใจปล่อยน้ำ เจ้าจะหนีออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้หรือ? เจ้าคิดว่าตนเองฉลาดสามารถ? แล้วคนอื่นล้วนโง่เขลาอย่างนั้นหรือ?”
จิตใจของหลานเจียวตื่นตระหนกยิ่ง นางก็คิดอยู่ว่าเหตุใดตนถึงหนีออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้? ยามนั้นด้วยความตื่นเต้น จึงไม่ทันใส่ใจความแปลกประหลาดเหล่านี้? หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องที่สามีภรรยาสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกคนขโมยตัวตนขึ้นตามมาทันที ไหนเลยนางจะมีความคิดอื่นได้?
มันคือกับดัก!
คือกับดักขนาดใหญ่มาตั้งแต่แรก!
“คิดตกแล้วหรือ?” อวี๋หวั่นมองสีหน้าที่ยากจะคาดเดาของนาง พลันยกมุมปาก “น่าเสียดาย มันสายไปแล้ว คราแรกเจ้าใช้อุบายจัดการสกุลพวกเราเช่นไร ครานี้ ก็คืนให้เจ้าเช่นนั้น”
“อื้อ…อื้ออ…” หลานเจียวดิ้นรนทั้งกลัวทั้งโกรธ แต่ก็ขัดขืนได้ไม่นาน เมื่อยาออกฤทธิ์ นางก็หมดสติไป
…..
หนึ่งวันนี้ ที่จวนสกุลหลานมีเรื่องราวน่าสนใจเกิดขึ้นไม่น้อย เริ่มจากสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกผู้คนตั้งคำถามกลางสาธารณะหน้าประตูจวน จากนั้นก็เปล่งแสงจ้าแยงตาผู้คนกลางสาธารณะ แล้วซือคงอวิ๋นก็เล่นหมากล้อมกับนายท่านฉิน นายท่านฉินสามารถทำให้บุตรีสกุลหลานทั้งสองต่างหลงใหลได้ รูปลักษณ์หล่อเหลาไม่ต้องเอ่ยถึง ยังเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ โดยเฉพาะทักษะการเล่นหมากล้อมที่จัดว่ายอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับตำแหน่งราชาหมากล้อมแห่งหมิงตู ผลคือราชาแห่งหมากล้อมนี้ ทำลายฉายาบุตรเขยกระเป๋าฟางในข่าวลือไปจนหมดสิ้น
แน่นอน เรื่องน่าสนใจทั้งสองนี้เทียบกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แทบไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
“ท่านพ่อ ท่านแม่ไปที่ใดหรือ?” อวี๋หวั่นมาที่โถงบุปผา เอ่ยถามนายท่านฉินที่ถูกบุตรเขยชิงชัยอย่างไม่ไว้หน้า
นายท่านฉินเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากและถามว่า “แม่ของเจ้าไม่ได้อยู่กับเจ้าหรอกหรือ?”
อวี๋หวั่นส่ายศีรษะด้วยท่าทางไร้เดียงสา “ไม่ เมื่อครู่ข้าคุยกับท่านแม่ คุยไปได้ครึ่งหนึ่ง ท่านแม่ก็บอกข้าว่า นางนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างต้องไปจัดการ ให้ข้ามาที่นี่ก่อน แล้วอีกสักพักนางก็จะตามมา”
นายท่านฉินถูกบุตรเขยทำให้เสียหน้าอับอาย กำลังกังวลว่าจะไม่มีโอกาสได้ถอนตัว จึงรีบร้อนกล่าวกับอวี๋หวั่น “ข้าจะไปตามหาให้”
นายท่านฉินไปที่เรือนของหลานเจียว
ที่ทางเดิน เขาพบกับข้ารับใช้สองสามคน สีหน้าท่าทางของพวกเขาดูไม่ปกติอย่างยิ่ง
เขาขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไรหรือ?”
“ไม่ ไม่มีอะไรขอรับ” ข้ารับใช้คนหนึ่งพูดตะกุกตะกัก
เห็นได้ชัดว่ามีอะไรแน่ แต่นี่เป็นเรือนของหลานเจียว เขาไม่เคยก้าวก่ายกิจส่วนตัวของนาง จึงถามว่า “ผู้นำตระกูลเล่า?”
ข้ารับใช้ผู้นี้รีบหลบตายิ่งกว่าเดิม “อยู่ อยู่ในห้อง”
นายท่านฉินมองพวกเขาอย่างไม่พอใจ เขาเป็นบุตรเขยที่แต่งเข้ามา สถานะของเขาในสกุลหลานย่อมด้อยกว่าหลานเจียว ความลับสำคัญบางอย่าง หลานเจียวก็สามารถปิดบังเขา ไม่ว่ามากหรือน้อยก็ทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก แต่ก็เพียงเพราะกฎของตระกูลจึงทำเช่นนี้ ยามไม่มีคนนอก หลานเจียวก็เป็นเพียงภรรยาผู้อ่อนโยนและมีคุณธรรมคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีมาดของผู้นำตระกูลแม้แต่น้อย
หากเป็นเมื่อก่อน นายท่านฉินก็คงจะจากไปอย่างรู้ความ ทว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่บุตรสาวกลับจวน บุตรสาวก็กำลังตามหานาง ไม่ว่าเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ต้องรอให้บุตรสาวและบุตรเขยจากไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นายท่านฉินก็สาวเท้าไปที่ห้องของหลานเจียว
บรรดาข้ารับใช้ตื่นตระหนกร้อนรน
“พวกเจ้าว่า เมื่อครู่พวกเราหูฝาดไปหรือไม่?”
“ไม่รู้สิ…พวกเจ้าได้ยินแล้วหรือ?”
“ได้ยินก็ได้ยินอยู่ แต่…”
ข้ารับใช้กล่าวสิ่งใด นายท่านฉินไม่ได้ยินอีกแล้ว เขาผลักประตูเข้าไป เห็นสตรีที่กำลังลุกลี้ลุกลนสวมเสื้อผ้า
สตรีผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลานเจียวที่เพิ่งตื่นขึ้นมาพอดี
ในห้องมิได้มีเพียงนางผู้เดียว แต่ยังมีอีกหนึ่งคนที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มแข็งแรงกำยำที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอับแปลกประหลาด ในฐานะผู้ที่ผ่านมาก่อน เป็นเรื่องธรรมดาที่นายท่านฉินจะเดาได้ไม่ยากว่ากลิ่นอับนี้คือสิ่งใด
สีหน้าของเขาหมองหม่น!
หลานเจียวหน้าซีด “ท่านพี่ ฟังข้าอธิบายก่อน! ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็น! ข้า…ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น…”
คำพูดนี้ กล่าวโดยที่นางเองก็ไม่มีความมั่นใจ หลังนางถูกสตรีผู้นั้นทำให้สลบไปก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว ลืมตาขึ้นมาก็เป็นเมื่อครู่ นางพบว่าตนเองนอนอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษ ร่างกายทั้งคู่เปลือยเปล่า ความคิดแรกคือสามีของนางมาแล้ว ความคิดต่อจากนั้น จึงนึกขึ้นได้ว่า มิใช่ตนเองถูกทำให้สลบไปหรอกหรือ?
จากนั้น นางก็มองบุรุษผู้นั้น เขาเป็นคนแปลกหน้า!
นางไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นจริงๆ หรือไม่ อย่างไรเสียนางก็จำอะไรไม่ได้เลย
นางรู้เพียงว่าไม่อาจให้ถูกใครพบ จึงรีบร้อนใส่เสื้อผ้า สวมไปได้ครึ่งหนึ่ง สามีของนางก็มา…
“ท่านพ่อ ท่านแม่อยู่หรือไม่? อ๊า——”
เสียงร้องด้วยความตกใจของอวี๋หวั่นดังออกมานอกประตู
นายท่านฉินและหลานเจียวหันไปตามเสียงพร้อมกัน ก็เห็นอวี๋หวั่นยืนหันหน้าหนีอยู่ตรงนั้น ด้านหลังอวี๋หวั่นเป็นบุตรเขยคนใหม่ของสกุลหลาน คุณชายรองแห่งสกุลซือคง ‘ซือคงอวิ๋น’
อวี๋หวั่นอยากพาผู้อาวุโสของตระกูลมา ‘จับชู้’ แต่น่าเสียดายที่การกระทำเช่นนั้นสะดุดตาเกินไป อาจถูกสงสัยได้
“เป็นเจ้า…เป็นเจ้า!” หลานเจียวมองไปที่อวี๋หวั่นที่ปรากฏตัวขึ้นทันเวลา นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว บุรุษผู้นี้เป็นคนที่สตรีตัวเหม็นปล่อยให้เข้ามาในห้องของนาง จุดประสงค์เพื่อให้สามีของนางมาจับชู้ด้วยตนเอง!
อวี๋หวั่นมองนางอย่างสงบนิ่ง ในยามแรกท่านยายใหญ่ของเธอกำลังตั้งครรภ์ แต่เพื่อทำให้นางแท้งบุตร หลานเจียวจึงจงใจให้นางจับชู้ได้คาเตียง ในเมื่อนางชอบให้คนจับชู้ได้มากนัก เช่นนั้นตนก็จะทำในสิ่งที่นางต้องการ
นายท่านฉินรู้สึกเพียงว่าฉากนี้ดูคุ้นเคยยิ่งนัก สิ่งที่แตกต่างคือเขาเปลี่ยนไป จากคนที่ถูกจับได้ เป็นคนที่จับได้ เขาเคยเป็นเหมือนบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ยังหนุ่มและแข็งแรง ทว่ายามนี้เขาแก่ชราแล้ว
หลานเจียวยังน่าเย้ายวน นางรังเกียจที่เขาทำไม่ไหว จึงหาบุรุษรูปร่างหน้าตาธรรมดา ทว่าแข็งแกร่งดั่งวัวเพื่อตอบสนองเติมเต็มตนเอง
นายท่านฉินรู้สึกว่าความภาคภูมิใจในตนเองของเขาถูกบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี
“นายท่าน โปรดฟังข้า——”
“นายท่านโปรดไว้ชีวิต——”
หลานเจียวกำลังจะอธิบาย ชายที่นอนอยู่บนเตียงก็ยกผ้าห่ม ลงมาคุกเข่ากับพื้น “เป็นท่านผู้นำตระกูลที่บังคับข้า ผู้นำตระกูลบอกว่า หากข้าไม่ทำตามนาง นางจะฆ่าภรรยาและลูกของข้า ข้าไม่มีทางเลือก! หากนายท่านไม่เชื่อข้า ไปถามที่บ้านข้าได้! ภรรยาของข้าเพิ่งคลอดบุตร อายุยังไม่ถึงเดือน…”
“เหลวไหล!”
เพียะ!
ฝ่ามือหวดลงบนใบหน้าของหลานเจียว
หลานเจียวเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านตบข้า?”
นายท่านฉินหงุดหงิดกับเยี่ยนจิ่วเฉาที่โถงบุปผามาแล้วคราหนึ่ง เดิมทีก็ไม่มีทางให้ระบายออกอยู่แล้ว แต่ยังมาพบว่าหลานเจียวเป็นชู้กับชายหนุ่ม สองเหตุการณ์เติมเชื้อไฟโทสะ หากเขาทนได้ก็แปลกแล้ว
อวี๋หวั่นสาวเท้าเข้าไปในห้อง ชักดาบที่แขวนบนผนังออกมา “ไอ้สารเลว กล้ามาเอาเปรียบแม่ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ความลับอันใด?” นายท่านฉินถาม
บุรุษผู้นั้นตั้งสติ มองไปที่อวี๋หวั่นด้วยสีหน้าซับซ้อน “มัน…มันเกี่ยวข้องกับสตรีศักดิ์สิทธิ์”
…………………………