หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 414 เยี่ยนเสี่ยวซื่อผยอง
อวี๋หวั่นเองก็ประหลาดใจ อายุครรภ์น้อยเพียงนี้ตามหลักไม่อาจมีการเคลื่อนไหวรุนแรงเช่นนี้ เหตุใดดูท่าทางตกตะลึงตาค้างของบุตรชาย คล้ายกับว่าเท้าเมื่อครู่…จะแรงไม่น้อย?
ไข่ดำทั้งสามมองไปที่ท้องของมารดาตาไม่กะพริบ จากนั้นก็วางมือน้อยๆ ลงไป
ท้องไม่มีการเคลื่อนไหว
พวกเขาร้องหือด้วยความประหลาดใจและแนบใบหน้าลงต่อไป
ท้องขยับเตะๆๆ อีกครั้ง!
ไข่ดำทั้งสามจับแก้มน้อยๆ ที่ถูกเตะจนเจ็บ สีหน้างวยงง
เตะ…เตะหน้าอย่างเดียวเลยหรือ?
อวี๋หวั่นหัวเราะเบาๆ เจ้าตัวน้อยนี้ อยู่ในท้องยังรู้จักแกล้งพี่ชาย ออกมาแล้ว ไม่รู้จะแก่นแก้วเพียงใด
“ในท้องของท่านแม่คืออะไร” เสี่ยวเป่าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เป็นน้องชาย หรืออาจจะเป็นน้องสาว” อวี๋หวั่นพูดพลางลูบหัวน้อยๆ ของเขา
“ว้าว!” เมื่อได้ยินว่ามีน้องชายน้องสาวแล้ว ปากของไข่ดำทั้งสามก็อ้ากว้างเป็นรูปไข่
“เป็นน้องสาว” เอ้อร์เป่าพูด
“น้องชาย” เสี่ยวเป่ากล่าว
ต้าเป่ามองน้องชายทั้งสอง ในฐานะพี่ชายที่รู้ความที่สุด ไม่ว่าเป็นน้องชายหรือน้องสาวย่อมรับได้ทั้งหมด แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าทึ่มเหมือนสองคนนี้!
“ดำขึ้นอีกแล้ว” อวี๋หวั่นไม่พบบุตรชายมานาน เห็นคนตัวเล็กที่ในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างยากลำบาก กลับมาดำอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก และมองดูพวกเขาห้อมล้อมท้องของเธอ โต้เถียงกันไม่เลิกว่าเป็นน้องชายหรือน้องสาว ความอัดอั้นและความเสียใจที่ต้องแยกจากกันพุ่งเข้ามาในหัวใจอย่างท่วมท้น
อวี๋หวั่นจับมือต้าเป่าและเอ้อร์เป่า ต้าเป่าจับมือเสี่ยวเป่าเดินเข้าไปในเรือนด้วยกัน
ท่านแม่กลับมาแล้ว ก็ดื่มนมได้แล้ว ไข่ดำทั้งสามรีบนำขวดนมเย็นชืดไปให้อาจารย์ หลังจากอาจารย์อุ่นนมให้แล้ว ก็อุ้มขวดนมเดินกลับเข้าไปในอ้อมแขนของมารดา
ทั้งสามดื่มนมจนเม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วทั้งหน้า
คนทั้งห้องเห็นว่าในที่สุดพวกเขาก็ยอมดื่มนมแต่โดยดี พลันโล่งใจดั่งยกภูเขาออกจากอก
ในจวนรับคนรับใช้เพิ่มอีกสองสามคน เพราะคาดไว้ว่าอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาจะกลับมา นางหลานขอให้ห้องครัวจัดเตรียมอาหารมาโต๊ะใหญ่
หลังจากถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์ลักพาตัวไปในตอนแรก เยี่ยนจิ่วเฉาและพรรคพวกก็พยายามสอบถามข่าวคราวของจวนซือคง เมื่อทราบว่าเธอถูกกักบริเวณไว้ในเรือนของซือคงอวิ๋น คุณชายตัวจริงอ๋องเผ่าปีศาจตัวปลอมก็บังเกิดแผนการ ให้ซือคงอวิ๋นได้พบกับอิ่งลิ่วโดยบังเอิญและซื้อตัวอิ่งลิ่วผู้ ‘เดิมพันดุจเทพเจ้า’ กลับไปที่จวนซือคง
หลังจากเข้าไปในจวนซือคง อิ่งลิ่วไม่เคยไปพบอวี๋หวั่น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเปิดเผยตัวตน
อิ่งลิ่วพยายามหาทางพาอวี๋หวั่นกลับมาหลายครั้ง แต่ถึงแม้ว่าซือคงอวิ๋นจะชื่นชอบและไว้วางใจเขา แต่ก็ไม่ได้เห็นเขาเป็นคนสำคัญอะไร เขามีอำนาจในมือไม่มากนัก ไม่สามารถเข้าออกจวนซือคงได้อย่างอิสระ
หลังจากนั้นไม่นานสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เคลื่อนไหว จึงใช้แผนซ้อนแผนกับพวกเขา ให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ปลอมตัวเป็นอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาเปลี่ยนเป็นซือคงอวิ๋น
นางหลานและพวกอาม่าคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาทำเช่นนี้เพื่อพาอวี๋หวั่นปะปนออกมาจากงานแต่งงานที่ผู้คนพลุกพล่าน ไหนเลยจะรู้ว่าบุรุษผู้นี้กลับแต่งงานเข้าพิธีกับอวี๋หวั่นในจวนซือคง
หากนับตั้งแต่เผ่าปีศาจ นี่ก็น่าจะเป็นครั้งที่สามแล้ว…
ทุกคนที่ได้ทราบข่าวนั่งอยู่ในห้อง ก็ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี…
“กลับ กลับมาก็ดีแล้ว!” ไข่ดำทั้งสามอิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำ นางหลานดึงมืออาหวั่น “อยู่ที่สกุลซือคง คงทรมานไม่น้อยกระมัง?”
อวี๋หวั่นยิ้มมุมปาก “ข้าไม่เป็นไร ท่านยายรอง ข้าอยู่ในจวนซือคงกินดีอยู่ดี เพียงแต่คิดถึงพวกท่านอยู่บ้าง จริงสิ ท่านสบายดีหรือไม่? พวกท่านน้าละ?”
น้าชายทั้งสองถูกขังในคุกของสกุลหลาน วันนี้เพิ่งถูกอวี๋หวั่นปล่อยตัวออกมา แต่เพื่อเลี่ยงความสงสัย อวี๋หวั่นจึงไม่ขอพบพวกเขา
นางหลานกล่าวด้วยสีหน้าชื่นใจ “สองสามวันนี้ท่านหมอเทวดาชุยได้รักษาข้า ร่างกายของข้าดีขึ้นมาก น้าใหญ่กับน้ารองของเจ้ากลับมาแล้ว แต่เมื่อครู่ผู้อาวุโสในตระกูลอีกสองสามคนมาเรียกพวกเขาไปที่ตระกูล ได้ยินว่า…ต้องการสอบสวนเรื่องราวบางอย่าง อาหวั่น เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
อวี๋หวั่นเล่าถึงกลอุบายที่ตนใช้กับหลานเจียวและนายท่านฉิน เมื่อได้ยินว่า นายท่านฉินจับได้คาเตียงว่าหลานเจียวคบชู้กับชายแปลกหน้า ตัวของนางหลานก็รู้สึกโล่งสบาย “ครานั้นพวกเขากระทำต่อพี่สาวข้าเช่นนั้น บัดนี้ช่างเป็นการแก้แค้นที่สาสมยิ่งนัก!”
อวี๋หวั่นพยักหน้า “แน่นอน คนทำสวรรค์เฝ้ามอง ไม่ช้าก็เร็วคนเหล่านี้จะได้รับผลกรรม”
นางหลานถามด้วยความสงสัย “แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับการสอบสวนน้าของเจ้า?”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “บุรุษผู้นั้นยืนยันว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่บุตรของนายท่านฉิน จากนั้นข้าก็แกล้งถูกวางยา ให้ข้ารับใช้ไปค้นห้องของนายท่านฉิน ผลคือพบยาพิษถุงหนึ่งที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่า เขาถูกหลานเจียวทรยศ จึงคิดกำจัดสตรีศักดิ์สิทธิ์เลือดสกปรกผู้นี้ด้วยความโกรธ”
นางหลานเดาว่าอาหวั่นและจิ่วเฉาบอกใบ้ให้นางปล่อยหลานเจียวไป เพื่อจัดการกับหลานเจียวได้สะดวกยิ่งขึ้น กลับไม่คิดว่าจะจัดการได้อย่างหมดจดเช่นนี้ ช่างน่าเบิกบานสำราญใจยิ่งนัก!
แต่…นางหลานก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุตรชายของนางอย่างไร?
อวี๋หวั่นจับมือนางหลานเข้าไปนั่งในห้อง “วันนี้หลานเจียวเตรียมศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้ วางแผนที่จะเปิดโปงข้าต่อหน้าผู้คน ผลกลับผิดคาด หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องที่นางมีเรื่องอื้อฉาวกับคนอื่น ข้าคิดว่า ผู้อาวุโสน่าจะสงสัยในความภักดีของนางที่มีต่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่านางจะเป็นแม่ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่หากนางเป็นคนสองใจ เช่นนั้นคนในตระกูลก็ไม่อาจเมตตานาง”
ในคราวนั้นเพื่อใส่ร้ายน้าทั้งสอง หลานเจียวกอดสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นทารกล้มลงกับพื้น แขนของสตรีศักดิ์สิทธิ์หัก เป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสโกรธแค้นฝังใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ปฏิเสธที่จะให้อภัยน้าทั้งสอง
หากผู้อาวุโสของตระกูลพบว่าทุกอย่างเป็นเพียงกลอุบายของหลานเจียว นางต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ไม่ลังเลแม้ต้องทำร้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสของตระกูลจะปล่อยนางไปได้หรือ?
สิ่งใดที่เรียกว่าสำเร็จก็สตรีศักดิ์สิทธิ์ ล้มเหลวก็สตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นเช่นนี้แหละ
นางหลานไม่ได้ไปที่นั่น ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยก้อนได้ผลัดกันเปล่งแสงสีรุ้ง และยังคิดว่าอวี๋หวั่นใช้กลอุบายหลอกล่อ “เจ้าทำได้อย่างไร?”
“วางมือไปบนนั้น” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างจริงจัง
นางหลานผงะ
อวี๋หวั่นเผยรอยยิ้มลึกลับ “ท่านยายรอง ที่แท้ข้าก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์! และยังเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังเหนือกว่าหลานจี!”
นางหลานยิ่งตกใจผงะ
เจ้าจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ มีหรือข้าจะไม่รู้?
สร้อยข้อมือที่สามีของนางหลานมอบให้ ฝังด้วยอัญมณี อัญมณีเหล่านั้นก็คือศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ ทว่าผ่านการขัดเงาและทำสี แต่หากเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มันก็จะปรากฏเป็นสีต่างๆ ออกมา
ในวันแรกที่มาถึง อวี๋หวั่นหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมา แต่สร้อยข้อมือไม่ตอบสนอง
นางหลานมองไปที่อวี๋หวั่นด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็มองเยี่ยนจิ่วเฉาที่เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นก็พูดกับอวี๋หวั่นว่า “พวกต้าเป่าน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว เจ้าไปอยู่กับพวกเขาให้มากสักหน่อยดีกว่า”
“อื้ม!” อวี๋หวั่นพยักหน้า เดินไปหาไข่ดำน้อยทั้งสามของเธอ
“อาอี้ มานั่งลงสิ” นางหลานยังคงเรียกเขาด้วยชื่อของอ๋องเผ่าปีศาจ
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปนั่งลง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? อาหวั่นบอกว่า…นางทำให้ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสง เป็นเจ้า…ที่ใช้วิธีอันใดหรือไม่?” แม้ว่านางหลานจะคาดหวังให้มันเป็นจริงกว่าใคร แต่นางก็ได้ทดสอบอาหวั่นแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่เชื่อเด็ดขาด
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดสิ่งที่ตนเองคาดเดาไว้
นางหลานยิ่งตกตะลึง “เจ้าหมายความว่า…ทารกในท้องของอาหวั่นเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์?”
นี่ นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆ ไม่ได้บอกว่าอาหวั่นไม่มีความเป็นไปได้ที่จะตั้งครรภ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรเสียนางก็เป็นคนสกุลหลาน แต่…ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ทารกที่ยังอยู่ในครรภ์จะสามารถปลดปล่อยพลังสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
นี่ยังไม่คลอดออกมา หากคลอดมาแล้ว…
นางหลานไม่กล้าคิดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์น้อยคนนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด?
หลังจากมีเรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น หัวใจของนางหลานก็เต็มไปด้วยความปีติยินดี สวรรค์มีตา ให้เลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ในท้องของอาหวั่นต่อไป
ยิ่งกว่าบรรพชนของพวกเขา ไม่สิ พูดกันอย่างแท้จริงแล้ว ยังแข็งแกร่งกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ในยุครุ่งเรืองเสียอีก
นี่อาจไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นราชาศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าก็ไปอยู่กับลูกเถอะ” นางหลานกล่าว ความจริงน่าตกใจเกินไป นางต้องการเวลาคิดทบทวนและทำความเข้าใจสักหน่อย
“ท่านรีบพักผ่อน” เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้าเล็กน้อย ลุกขึ้นไปหาเด็กๆ
นางหลานนั่งเงียบๆ สักพักและเดินไปที่ห้องของฉิวปิ่ง
ชิงเหยียน อาเว่ย เยว่โกว ชุยเฒ่าและอิ่งลิ่ว อิ่งสือซันก็อยู่ที่นั่น พวกเขาก็หารือเรื่องสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อย และได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับเยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่นไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นคนตัวเล็กในท้องของเธอต่างหาก
“ยายหลาน ท่านมาแล้ว” ชิงเหยียนรีบต้อนรับนางเข้าไปในห้อง เลื่อนเก้าอี้ให้นางนั่ง
หลังจากนางหลานนั่งลง ก็มองทุกคนและพูดว่า “พวกเจ้า…กำลังคุยเรื่องเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ใช่หรือไม่?”
ชิงเหยียนพยักหน้าและกล่าวว่า “จุดประสงค์อย่างหนึ่งที่พวกเรามาหมิงตูเพราะเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีคิดว่าต้องหาจากหลานจี ทว่ายามนี้อาหวั่นมีสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ในท้องแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องใช้หลานจีอีก”
นางหลานถาม “อาการป่วยของจิ่วเฉาจะรอช้าถึงเพียงนั้นได้หรือ? ข้าหมายถึงอายุครรภ์ของอาหวั่นเพียงแค่สี่เดือน เขาจะรอจนกว่าเด็กคลอดออกมาได้หรือ?”
ก่อนที่จะมาถึงหมิงตู เยี่ยนจิ่วเฉามีเวลาเหลือเพียงสามถึงหกเดือน ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว กล่าวคือไม่อาจให้เกิดเรื่องใดได้อีก ไม่เช่นนั้นเขาอาจรอไม่ถึงวันที่เด็กได้ลืมตาดูโลก
อิ่งลิ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “พวกข้าจะปกป้องคุณชายอย่างระมัดระวัง!”
“ข้าเชื่อในความภักดีของพวกเจ้าที่มีต่อจิ่วเฉา” นางหลานกล่าวต่อ “เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป? อยู่ที่หมิงตูต่อ หรือไปตามหายาตัวต่อไป ก่อนที่พวกเจ้าจะตัดสินใจ ข้าอยากบอกกับพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง”
……………………………