หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 415 ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด
คืนมืดลมหวน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ปลอมตัวเป็นสาวใช้จวนสกุลหลาน แอบเข้าไปในเรือนของหลานเจียว ผลพบว่าหลานเจียวไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว นางจับสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังกวาดพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้นำตระกูลไปที่ใด?”
สาวใช้พูดอย่างหวาดกลัว “ท่าน…ผู้นำตระกูลไปแล้ว”
“ไปแล้ว?” สตรีศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว
สาวใช้พูดอย่างหวาดระแวง “อื้ม น่าจะกลับไปที่สกุลซือคงแล้ว”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “หมายความว่าอย่างไร? ไยผู้นำตระกูลต้องกลับไปที่สกุลซือคง?”
สาวใช้กล่าวว่า “ผู้นำตระกูลแต่งงานกับคุณชายรองสกุลซือคง ย่อมต้องกลับไปที่สกุลซือคง”
เมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ยินดังนั้น ก็เข้าใจทุกอย่าง
แผนการเปิดโปงสตรีผู้นั้นในวันนี้ล้มเหลว ไม่เพียงเท่านั้น สตรีผู้นั้นยังบีบให้มารดาของนางมอบตำแหน่งเจ้าบ้าน
สตรีศักดิ์สิทธิ์ใช้ฝ่ามือสับไปที่ต้นคอของสาวใช้จนสลบ และเดินไปยังที่อาศัยเดิมของบ้านสาม ตามที่คาดไว้ มารดาของนางถูกบังคับให้ย้ายกลับไปที่เรือนเดิม ที่นี่ถูกซ่อมแซมไม่เหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อเทียบกับเรือนของผู้นำตระกูลก็ยังแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
หลานเจียวนั่งเศร้าสลดหดหู่อยู่หน้ากระจกทองเหลือง
สตรีศักดิ์สิทธิ์แวบกายเข้ามา
“ใครน่ะ?” หลานเจียวตกใจ
“ข้าเอง” สตรีศักดิ์สิทธิ์เดินเข้ามา
เมื่อหลานเจียวเห็นบุตรสาว ในที่สุดดวงตาที่มืดมนก็กลับมาสดใสอีกครั้ง แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ ก็เดินไปที่ประตู โผล่หัวออกไปมองทั้งสองฝั่ง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นจึงปิดประตูลงสลัก
เมื่อเห็นนางระมัดระวังเช่นนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างไม่ตั้งใจ
หลานเจียวเห็นความสงสัยของบุตรสาว พลันทอดถอนใจและอธิบายว่า “สกุลหลานไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ล้วนแล้วแต่เป็นสายตาของหลานชิ่นกับสตรีผู้นั้น เจ้าอย่ามาที่นี่อีก หากมีเรื่องอะไรให้คนนำข่าวมา ข้าจะไปหาเจ้าเอง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความสงสัย “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” สตรีผู้นั้นเพิ่งกลับมาที่จวนได้วันเดียว สถานการณ์ในจวนสกุลหลานก็รุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เมื่อพูดถึงอวี๋หวั่น หลานเจียวก็ปวดหัวไม่มีสิ้นสุด หลานเจียวกดหน้าผากนั่งลงบนเก้าอี้ “ถึงยามนี้ ข้ายังไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างเป็นความจริง…เรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน…กลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาข้า”
“ท่านแม่หมายความว่าอย่างไร?” สตรีศักดิ์สิทธิ์ถาม
หลานเจียวไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหน
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างงงงวย “สตรีผู้นั้นใช้อุบายกับศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจทดสอบว่านางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม…หรือว่า…เพราะมี ‘ซือคงอวิ๋น’ ปกป้อง ท่านแม่จึงไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะพิสูจน์นาง?”
“ไม่ใช่ทั้งสอง” หลานเจียวส่ายหัวอย่างเจ็บปวด “คุณชายรองตัวปลอมผู้นั้นไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าทดสอบแล้ว ทั้งยังใช้ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยก้อน…”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยก้อน? ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็น่าจะเพียงพอที่จะกระชากหน้ากากสตรีผู้นั้นออกมาสิ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่…สตรีผู้นั้นเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์! สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังเหนือกว่าเจ้า!” หลานเจียวบอกสตรีศักดิ์สิทธิ์เรื่องที่ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยก้อนส่องแสง ย้อนนึกถึงอดีตยากจะทานทน เมื่อนึกถึงฉากอัน ‘น่าขนหัวลุก’ น่องของหลานเจียวก็อ่อนแรง “ไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำให้ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงได้มากถึงเพียงนั้น? หรือว่าสีที่แตกต่างกัน…นี่แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยนางก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเป็นระดับสุดยอดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่หลานเจียวใช้คำว่า ‘อย่างน้อย’
“ไม่มีสตรีศักดิ์สิทธิ์คนใดสามารถทำเช่นนี้ได้…สตรีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงก็ไม่สามารถ…นาง…นางเป็น…” หลานเจียวหลับตาลง แม้ไม่เต็มใจก็จำต้องบอกสิ่งที่นางคาดเดา “ราชาศักดิ์สิทธิ์!”
ครึน!
เกิดฟ้าแลบฟ้าร้องอย่างฉับพลันขึ้นในใจของสตรีศักดิ์สิทธิ์!
ราชาศักดิ์สิทธิ์…
สตรีผู้นั้นเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์?
หลายพันปีก่อน ยามที่ราชวงศ์ยังไม่มีการก่อตั้ง สองตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์และแม่มดร่วมกันปกครองโลก เหนือกว่าราชวงศ์ทั้งปวง หากในสายตาของผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นทูตสวรรค์แล้วละก็ เช่นนั้นราชาศักดิ์สิทธิ์และราชาแม่มดก็คือเทพเจ้ากลับชาติมาเกิด
คนหนึ่งเป็นบ่าว คนหนึ่งเป็นนาย ต่างกรรมต่างวาระ จะนำมาเปรียบเทียบไม่ได้
สตรีศักดิ์สิทธิ์จะมีความเก่งกาจมากเพียงใดก็เป็นเพียงข้ารับใช้ของราชาศักดิ์สิทธิ์ สตรีศักดิ์สิทธิ์รับใช้ราชาศักดิ์สิทธิ์เป็นความรับผิดชอบ ทว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ร่วงหล่นไปนานแล้ว หลังจากไร้ซึ่งราชาศักดิ์สิทธิ์ มรดกของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์
ด้วยการลดลงของสายเลือด อาณาจักรของสตรีศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เหมือนเดิม แต่ถึงเป็นเช่นนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงเป็นผู้ส่งสารที่ใกล้ชิดกับเทพเจ้ามากที่สุดในสายตาของชาวโลก
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ก็คือหลังจากราชาศักดิ์สิทธิ์ได้สิ้นไป
หากผู้คนในหมิงตูรู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์มีตัวตนอยู่…
สตรีศักดิ์สิทธิ์รู้สึกหน้ามืดตาลายไปชั่วขณะอย่างฉับพลัน
เดิมคิดว่าสตรีผู้นั้นไม่มีอะไรนอกจากใบหน้าที่สวยงาม กลับนึกไม่ถึงว่านางจะเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์…นายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลก!
นางจะให้สตรีผู้นั้นเป็นนายได้อย่างไร?!
“ไม่ใช่” เมื่อคิดบางอย่างได้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เงยหน้าขึ้น
“สิ่งใดไม่ใช่?” หลานเจียวถาม
“ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยู่กับสตรีผู้นั้นนานถึงเพียงนี้ กลับไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ทำให้ข้าเกรงกลัว นางไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่!”
“แม่จะโกหกเจ้าหรือ? แม่รู้ เจ้าต้องอยากบอกว่าสตรีผู้นั้นใช้ลูกไม้แน่…แม่บอกเจ้าได้อย่างชัดเจนว่า ที่นั่นไม่ได้มีแม่เพียงคนเดียว ทุกคนต่างก็เห็น นางเด็กนั่นไม่มีโอกาสใช้ลูกไม้กับศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์มากกว่าร้อยก้อนในเวลาเดียวกัน นางเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!”
“นางไม่ใช่!” สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างเย็นชา
“ลูกแม่…”
“…ก้อนเนื้อนั่นในท้องของนางต่างหาก!”
หลานเจียวตกใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เพราะยังไม่ออกมาดูโลก กลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์จึงยังไม่คงที่ ภายใต้สถานการณ์ปกติจึงไม่อาจรับรู้ได้ วันนี้…คงเพราะสตรีผู้นั้นถูกกระตุ้น กระทบไปถึงทารกในครรภ์ ทำให้ลมหายใจของราชาศักดิ์สิทธิ์เอ่อล้นออกมา”
หลานเจียวสูดหายใจอย่างอ่อนแรง “กล่าวเช่นนี้ ข้าก็นึกได้ว่าศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสงอยู่พักหนึ่ง แต่ทันใดนั้นมันก็ดับลง”
ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์นั้นเย็นชาและกล่าวว่า “หากสตรีผู้นั้นเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ควรจะส่องสว่างไม่ดับแสง”
ทันใดนั้นหลานเจียวก็นึกขึ้นได้ “ดูเหมือนที่เจ้าพูดจะเป็นจริง ในท้องของนางถึงเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง”
พ่ายแพ้ให้สตรีนั่นก็อัปยศมากพอแล้ว ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กที่ยังไม่เกิดมาดูโลก นึกถึงหลังจากเด็กนั่นเกิดมา ตนต้องคุกเข่ากราบลงต่อหน้ามัน ปรนนิบัติมันราวกับเป็นข้ารับใช้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกร่างกายทรมานเหลือทน!
เล็บของสตรีศักดิ์สิทธิ์จิกลึกลงในเนื้อ “สตรีนั่น…จะโชคดีกระไรถึงเพียงนี้?!”
มีบุตรชายแสนน่ารักสามคน สามีที่สมบูรณ์แบบ บัดนี้ก็กำลังจะกลายเป็นมารดาของราชาศักดิ์สิทธิ์ สตรีศักดิ์สิทธิ์คิดเสมอว่าชีวิตของนางวิเศษยิ่ง แต่เมื่อมองสตรีผู้นั้น ถึงรู้เกิดมาเพื่อชนะเป็นอย่างไร
“ข้าไม่ชอบ…” สตรีศักดิ์สิทธิ์กัดฟัน “ต้องกำจัดเด็กนั่นทิ้ง!”
หากไม่มีราชาศักดิ์สิทธิ์ นางก็จะยังคงเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งที่สุด!
หลานเจียวรีบร้อนกล่าว “ลูกแม่ เจ้าอย่าหุนหันพลันแล่น ข้าเดาออก หลานชิ่นสารเลวนั่นก็ต้องเดาออก นางต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นแน่ ด้วยกำลังของเราในยามนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย!”
“ซือคงอวิ๋นเจ้าคนงี่เง่านั่น หากไม่ใช่เพราะเขาตัดสินใจฝ่ายเดียว ถูกคนวางหมาก ด้วยสถานะของเขา เรียกใช้ยอดฝีมือของสกุลซือคง ก็สามารถรื้อเรือนของพวกเขาจนราบเป็นหน้ากลองได้ทันที!” สตรีศักดิ์สิทธิ์เอาแต่กล่าวโทษซือคงอวิ๋น จนลืมไปว่านางเองก็เป็นคนที่พาหมาป่าเข้าบ้าน
ในขณะที่กำลังคิดสับสนกับวิธีจัดการกับอวี๋หวั่น หญิงรับใช้วัยกลางคนผิวหยาบกร้านก็นำกล่องขนาดใหญ่เข้ามา และรายงานนอกประตู “ฮูหยิน ของของท่านเก็บเสร็จแล้ว กล่องนี้ท่านเคยสั่งให้นำมาให้ท่านที่ห้อง”
หลานเจียวส่งสายตาให้สตรีศักดิ์สิทธิ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น
หลานเจียวเปิดประตูให้หญิงรับใช้และพูดอย่างเฉยเมย “วางไว้บนโต๊ะ”
“เจ้าค่ะ” หลังจากวางกล่องลงบนโต๊ะแล้วสาวใช้ก็คำนับเดินจากไป
หลานเจียวใส่สลัก สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ออกมาจากด้านหลังฉากกั้น
หลานเจียวเปิดกล่อง ถอนหายใจอย่างไม่อดทน “ข้ารับใช้พวกนี้ทำงานกันอย่างไร? ที่ข้าบอกไม่ใช่กล่องนี้…”
ขณะกล่าว ก็พลิกมือเปิดไปมา ทำม้วนหนังสือหนึ่งหล่นลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นี่คือสิ่งใด?” นางหยิบมันขึ้นมาเปิดดู พบว่ามันคือภาพเสมือน สายตาของนางจับจ้องไปที่ภาพนั้น หลังจากหยุดนิ่งไปชั่วครู่ นางก็มองใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง “เจ้า…”
“มีอะไรหรือ?” สตรีศักดิ์สิทธิ์ถาม
หลานเจียวส่งรูปภาพให้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ เปรียบเทียบรูปลักษณ์ของทั้งสองอย่างละเอียด และถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่คิดว่าใบหน้าของเจ้าดูคล้ายกับภาพเสมือนนี้หรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์จ้องมองอย่างตั้งใจ “คล้ายกันอยู่บ้าง คนในภาพนี้เป็นใคร? เหตุใดถึงมีส่วนดูคล้ายคลึงกับสตรีผู้นั้น?”
บัดนี้นางมีใบหน้าของอวี๋หวั่น
หลานเจียวทรุดตัวลงบนเก้าอี้ “มิน่าละข้าเห็นนางครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นตา ราวกับว่าเคยเห็นนางที่ใดสักแห่ง ข้าเคยพบที่ใดกันนะ…นี่ไม่ใช่มารดาของพี่ใหญ่กับหลานชิ่น…สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีหรือ? สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีถูกคนตามล่า บีบให้ออกจากหมิงตู หลังจากนั้นก็ไม่กลับมา ไยข้าไม่คิดว่านางอาจมีลูกหลานอยู่ในจงหยวนนะ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “ท่านแม่หมายความว่า…สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีแต่งงานกับคนจงหยวน?”
หลานเจียวกล่าวอย่างมั่นใจ “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายได้อย่างไร ว่าใบหน้าของนางนั้นคล้ายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีมากถึงเพียงนี้ จะอธิบายว่าอย่างไร เรื่องที่นางเรียกหลานชิ่นว่ายายรอง?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ชะงัก ผ่านไปครู่หนึ่งก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เด็กเกิดในจงหยวน แต่บิดาก็อาจไม่ใช่คนจงหยวน”
“หือ?” ตอนนี้หลานเจียวรู้สึกงงงวย
สตรีศักดิ์สิทธิ์ลูบใบหน้าบนภาพเสมือน “ท่านจำข่าวลือเกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีได้หรือไม่?”
หลานเจียวกล่าวว่า “มีข่าวลือเกี่ยวกับนางมากมาย เจ้าหมายถึงเรื่องใด?”
ปลายนิ้วของสตรีศักดิ์สิทธิ์ข่วนบนใบหน้าของคนในภาพ “เกี่ยวกับปรมาจารย์ซือคง”
“อ๊ะ!” หลานเจียวรีบปิดปาก ไม่ให้ช้าเกินไปกว่าที่ตนเองจะกรีดร้องออกมา นางตั้งสติ เอามือออกและกระซิบเบาๆ “เรื่องเช่นนี้ เจ้าก็กล้าพูด! ไม่กลัวถูกตัดหัวรึ?”
บรรดาผู้ที่กล้าเผยแพร่ข่าวลือนี้ในยามนั้น ถูกสกุลซือคงจัดการสิ้น สกุลซือคงเก็บความลับเกี่ยวกับข่าวลือของปรมาจารย์ นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจพูดสามหาวไร้สาระง่ายๆ
“เรื่องนี้ ข้าบอกให้ท่านแม่ฟังผู้เดียว จะต้องกลัวอันใด? ทว่าข่าวลือหนึ่งในยามนั้น ท่านแม่ทราบเพียงอย่างเดียว คงไม่ทราบเรื่องอื่นกระมัง? หลังจากข้ามีคุณสมบัติเข้าไปยังเขาหมิงซาน ก็ได้รับรู้เรื่องราวภายในโดยบังเอิญ สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีถูกตามล่าในสมัยนั้น ฆาตกรคือผู้นำตระกูลของสกุลซือคง ผู้นำตระกูลบีบให้สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีแต่งงาน แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีไม่ยินยอม เขาจึงใช้แผนการ เริ่มแรกลอบทำร้ายสามีของสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี จากนั้นก็ทำร้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีจนบาดเจ็บสาหัส เดิมที สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีถูกนำตัวไปที่สกุลซือคง แต่ท่านแม่รู้หรือไม่ว่าผู้ใดปล่อยนางหนีไป?”
“ปรมาจารย์ซือคง?” หลานเจียวกล่าวโดยไม่รู้ตัว
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเฉยเมย “ใช่ เป็นปรมาจารย์ ปรมาจารย์เป็นน้องชายของผู้นำตระกูล ท่านแม่คิดว่า เหตุใดปรมาจารย์ถึงยอมเสี่ยงทำให้พี่ชายขุ่นเคือง ปล่อยให้สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีหนีไปเล่า?”
หลานเจียวเบิกตาโพลงอย่างน่าเหลือเชื่อ “หรือ…หรือเพราะ…”
“เพราะนางกำลังตั้งครรภ์เลือดเนื้อของปรมาจารย์ซือคง หากเป็นเช่นนั้น สตรีผู้นั้นก็คือเหลนของปรมาจารย์ซือคง” สตรีศักดิ์สิทธิ์สัมผัสใบหน้าของตน “เหอะ ในที่สุดก็มีวิธีจัดการกับสตรีผู้นั้นแล้ว!”
…
“หา! ฮูหยินน้อยเป็นเหลนของปรมาจารย์ซือคง?” อิ่งลิ่วลุกจากเก้าอี้ด้วยความตกใจหลังจากได้ยินคำพูดของนางหลาน
“ยามแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่ข้าได้จัดของต่างหน้าของมารดาข้าใหม่เมื่อไม่นานมานี้และพบสิ่งนี้อยู่ในนั้น” นางหลานกล่าวพร้อมกับหยิบถุงผ้าออกมาจากแขนเสื้อ มองครั้งแรกถุงผ้านั้นว่างเปล่า แต่เมื่อมองดีๆ กลับมีอีกชั้นหนึ่ง นางหลานดึงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากช่องนั้น “นี่เป็นจดหมายที่แม่ของข้าเขียนถึงปรมาจารย์ ที่แท้…ท่านแม่ในยามนั้นชอบพอกับปรมาจารย์ แต่ท่านแม่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สกุลหลาน นางไม่อาจละเมิดคำสอนของบรรพบุรุษ ทำได้เพียงเก็บซ่อนความรักที่มีต่อปรมาจารย์ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจเท่านั้น”
“ทว่า…มิได้บอกว่าสายเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์และสกุลซือคง ไม่มีทางรวมกันได้หรอกหรือ?” อิ่งลิ่วถาม
นางหลานพยักหน้า “ใช่แล้ว ก่อนที่ข้าจะพบพวกเจ้า ข้ายังคิดว่าไม่มีทางรวมกันได้ แต่เมื่อรวมกันแล้ว จะเกิดลูกหลานที่ทรงพลังไร้เทียมทาน”
อิ่งลิ่ว อิ่งสือซัน ชิงเหยียนและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน สนมอวิ๋นเฟย ยอดฝีมือที่เสียเวลาไปเพราะการต่อสู้ในวังหลวง!
นางหลานชะงักและกล่าวว่า “แต่นี่เป็นเพียงความคิดของข้า เป็นเหลนของปรมาจารย์หรือไม่ ก็ต้องถามปรมาจารย์เอง”
เมื่อนึกขึ้นได้ อิ่งลิ่วก็ตบหัวตนเอง “โอ้! แย่แล้ว! ข้าลืมไปว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังมีใบหน้าของอาหวั่นอยู่! หากนางเดาเรื่องนี้ออก เดินทางไปหาปรมาจารย์ก่อน…”
อิ่งสือซันลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปรายงานคุณชาย!”
………………………