หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 436.1 พี่จิ่วพลิกฟ้า (1)
อาการของซือคงฉางเฟิงสามารถควบคุมได้ ปราณพิษในร่างกายของเขาถูกขับออกไป แม้แต่อาการบาดเจ็บซึ่งเกิดขึ้นจากพลังภายในของราชาซิวหลัวก็ได้รับการฟื้นฟูแล้ว ทุกคนล้วนแต่รู้สึกเหลือเชื่อ มีเพียงประมุขซือคงเท่านั้นที่กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งหมดล้วนเป็นผลจากวิชาอายุวัฒนะที่สืบทอดมาครั้นบรรพบุรุษ สกุลซือคงเป็นลูกหลานเผ่าพ่อมด ได้รับพลังที่สืบทอดกันมาในเผ่าพ่อมด วิชาอายุวัฒนะนับเป็นวิชาดั้งเดิมของเผ่าพ่อมด สามารถใช้ขับไล่พลังหยินร้ายและปราณพิษได้ แน่นอนว่าวิชาอายุวัฒนะของอีกฝ่ายก็ต้องอยู่ในระดับสูงด้วย มิเช่นนั้นก็คงไม่อาจรักษาซือคงฉางเฟิงซึ่งอาการเข้าขั้นวิกฤตได้
“ท่านประมุข คุณชายท่านนั้นเป็นใครหรือขอรับ หน้าตาเหมือนกับคุณชายรอง แต่กลิ่นอายเหมือนกับท่านปรมาจารย์ไม่มีผิด…” องครักษ์สกุลซือคงคนหนึ่งทนต่อความสงสัยของตนเองไม่ไหว
ประมุขซือคงส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของเขา รู้เพียงว่าเขาเป็นเขยของสกุลซือคงของพวกเรา”
“หา? เขย?” องครักษ์ตื่นตะลึง “ไฉนสกุลซือคงของพวกเราถึงมีเขยอายุน้อยเช่นนี้ได้ละขอรับ?”
ไม่น่าแปลกใจที่องครักษ์ตกใจมากถึงเพียงนี้ อันที่จริงประมุขซือคงไม่มีพี่สาวและน้องสาว รุ่นลูกของเขาก็มีเพียงบุตรชายสองคน ซึ่งก็คือซือคงฉางเฟิงและซือคงอวิ๋น เครือญาติของสกุลซือคงมีคุณหนูอยู่บ้าง แต่ก็อายุสามสิบสี่สิบกันแล้ว ไหนเลยจะมีเขยหนุ่มอายุเพียงยี่สิบต้นๆ เช่นนี้ได้
ประมุขซือคงไม่ได้อธิบายต่อ พวกเขาเป็นลูกหลานของท่านปรมาจารย์ ท่านปรมาจารย์จะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเปิดเผยตัวตนของพวกเขาหรือไม่
ประมุขซือคงจึงสั่งว่า “เรื่องทั้งหมดควรรอให้ท่านปรมาจารย์ตัดสินใจ พวกเจ้าอย่าได้วิพากษ์วิจารณ์ไปก่อน”
องครักษ์ยกมือขึ้นมาประสานกัน “ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉารักษาซือคงฉางเฟิงจนหายแล้ว เขาก็เก็บตัวอยู่ในห้องโดยลำพังด้วยความรู้สึกอับอาย หลังจากที่จัดการกับความรู้สึกและสีหน้าของตนเองแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังห้องของอิ่งสือซัน
อิ่งลิ่วตื่นนอนและกลับห้องมาแล้ว เขากำลังล้างหน้าล้างตาให้อิ่งสือซัน เมื่อเห็นเยี่ยนจิ่วเฉา เขาก็รีบลุกขึ้นคำนับ “คุณชาย”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังอิ่งสือซันซึ่งยังคงไม่ได้สติ จากนั้นก็มองไปยังอิ่งลิ่วซึ่งมีสีหน้ามึนงง ทันใดนั้นความทรงจำก็แล่นปราดเข้ามาในสมองของเขา
‘ทำไม? ยังคิดถึงเจ้านั่นอยู่รึ? เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว เจ้าไม่มีโอกาสได้พบเขาไปชั่วชีวิต! ทำตามที่ข้าบอก ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าลูกน้องสองคนของเจ้าเสีย!’
‘ลูกน้องสองคนไหน?’
‘เจ้าคนที่ชื่ออิ่งลิ่วกับอิ่งสือซันอย่างไรเล่า!’
เยี่ยนจิ่วเฉาหลับตาลง กำปั้นซึ่งซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกว้างเค้นแน่นด้วยความอดสู
อิ่งลิ่วเรียกคุณชายบ้านตนครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อเห็นว่าคุณชายยืนนิ่งไม่ขยับ เขากะพริบตาปริบๆ และเมื่อเอะใจได้ ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณชาย…เอ่อ ไม่สิ ท่านอ๋องขอรับ ข้าลืมไปว่าในที่ส่วนตัวไม่ต้องเรียกท่านว่าคุณชาย ท่านอ๋องเพียงแต่ปลอมตัวเป็นคุณชายแห่งเมืองเยี่ยน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนในหมิงตู ท่านอ๋องวางใจเถิด ข้ากับอิ่งสือซันจำได้ขึ้นใจ! จะไม่เรียกผิดอีกแล้วขอรับ!”
เยี่ยนจิ่วเฉาอยากจะบ้าตายยิ่งกว่าเดิม…
……
หลังจากที่ใช้วิชาอายุวัฒนะกำจัดพลังหยินร้ายที่ยอดฝีมือสกุลซางทิ้งไว้ในร่างของอิ่งสือซัน เยี่ยนจิ่วเฉาก็พยายามห้ามใจไม่ให้โขกศีรษะตนเองให้รู้แล้วรู้รอด เขาเดินกลับห้องไปอย่างเงียบเชียบ ในห้อง เด็กทั้งสามทยอยกันตื่นขึ้น ก้อนอ้วนกลมลุกขึ้นนั่งบนเตียง สองมือขยี้ตา พร้อมกับอ้าปากหาววอด
“ท่านพ่อ!” เอ้อร์เป่าเห็นเยี่ยนจิ่วเฉา เขาปีนลงจากเตียงโดยไม่ใส่กางเกง วิ่งเตาะแตะเข้าไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา
ต้าเป่าและเสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามาเช่นกัน
เด็กทั้งสามเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมของพวกเขาจับจ้องไปยังท่านพ่อ
‘ผู้อาวุโสอิ่น เจ้ามีลูกกี่คน?’
‘เรียนท่านอ๋อง ข้าไม่มีลูกขอรับ’
อ๋องแห่งเผ่าปีศาจยกยิ้มมุมปาก ‘แต่ข้ามี’
ผู้อาวุโสอิ่นซึ่งถูกพูดแทงใจดำ ‘…’
‘ผู้อาวุโสโม่ เจ้ามีลูกหรือไม่?’
‘เรียนท่านอ๋อง ข้ามีสองคน’
อ๋องแห่งเผ่าปีศาจยกยิ้มกว้างกว่าเดิม ‘ข้ามีสามคน!’
‘ท่านอ๋อง ท่านอ๋องขอรับ!’ ผู้อาวุโสจินกระแอมพร้อมยกมือขึ้น ‘ข้ามีห้าคน!’
อ๋องแห่งเผ่าปีศาจหน้าตาถมึงทึงในทันใด ‘…เจ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสของเผ่าปีศาจอีกต่อไป! นำตัวออกไป!’
ผู้อาวุโสจินอ้าปากค้าง ‘ท่านอ๋องขอรับ! ท่านอ๋อง! ข้าทำอะไรผิด?!’
เยี่ยนจิ่วเฉามุมปกกระตุก มือกำเชือกเส้นหนึ่งแน่น
เอ้อร์เป่าถามว่า “ท่านพ่อ ท่านจะทำอะไรหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉา: ผูกคอตาย!
……
อวี๋หวั่นเดินวนรอบวิหารเจาหยางรอบหนึ่ง เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานโดยละเอียด สกุลซางส่งยอดฝีมือมาโจมตีที่นี่จริงๆ สกุลซางกล้าทำถึงเพียงนี้ คงจะเดาได้ว่าท่านปรมาจารย์และเยี่ยนจิ่วเฉามีจุดอ่อน จึงฉวยโอกาสลงมือสังหารพวกเขาในคืนพระจันทร์เต็มดวง
คนที่รู้เรื่องจุดอ่อนนั้นมีไม่มาก นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว ก็ยังมีสตรีศักดิ์สิทธิ์และตัวเธอเอง ตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินของเขาหมิงซาน ไม่มีทางติดต่อกับคนนอกได้ นอกเสียจากว่า…สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้เปิดเผยเรื่องนี้ไปตั้งแต่แรก
ส่วนคนที่แพร่งพรายเรื่องนี้น่ะหรือ? ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าเป็นซือคงอวิ๋น
แต่ซือคงอวิ๋นก็ถูกคนสกุลซาง ‘รับ’ ไปแล้ว ด้วยนิสัยอ่อนปวกเปียกดุจกระสอบฟางของเขานั้น ประมุขซางคงสืบความจากเขาได้ราวกับพลิกฝ่ามือ
“เป็นคนที่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ ดีแต่สร้างเรื่อง ถูกขายไปแล้วยังไม่รู้ตัว กลับไปช่วยเขานับเงินอีก”
ส่วนเรื่องที่ราชาซิวหลัวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงหันไปตามล่าราชาศักดิ์สิทธิ์แทน ไม่ถูกประมุขซือคงและลูกศิษย์วิหารเจาหยางรับรู้นั้น เป็นเพราะคิดกันว่าพวกเขาต้องการตามหาเยี่ยนจิ่วเฉา ด้วยเหตุนี้อวี๋หวั่นจึงไม่รู้ว่าตนเองเกือบจะกลายเป็นเหยื่อของสกุลซางไปเสียแล้ว
เมื่ออวี๋หวั่นกลับห้องไป เด็กทั้งสามก็สวมเสื้อผ้าและกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว พวกเขากำลังวิ่งออกไปเล่นข้างนอก เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
อวี๋หวั่นยิ้มพลางเดินเข้าไป มือข้างหนึ่งจับเก้าอี้ของเขา แล้วพูดว่า “แต่งงานกันสามรอบแล้ว สนุกไหม คุณชายเยี่ยน?”
“ข้าไม่ใช่…” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็ชะงักไปทันใด
“ไม่ใช่อะไร?” อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว พยักเพยิดให้พูดต่อ
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับเบือนหน้าหนี
อวี๋หวั่นยังคงไม่เลิกรา เธอโน้มตัวเข้าไป “ไม่ใช่คุณชายเยี่ยน หรือไม่ใช่ท่านอ๋อง? หืม?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองใบหน้าของอวี๋หวั่นที่ขยับเข้ามาใกล้ตนมากขึ้นเรื่อยๆ เขากะพริบตาปริบๆ มองไปด้านหน้า สีหน้าเย็นเยียบ ดวงตาจ้องเขม็ง และพูดว่า “กลางวันแสกๆ! หน้าไม่อายเป็นที่สุด!”
อวี๋หวั่นแค่นเสียง ‘ชิ’ แล้วหรี่ตามองเขา
“อวี๋อาหวั่น!” เยี่ยนจิ่วเฉาใบหูแดงก่ำ
อวี๋หวั่นเย้าหยอกว่า “พาข้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น…บอกข้าว่าถ้าหากหนีไปแม้แต่ก้าวเดียว…”
เยี่ยนจิ่วเฉาอดทนไว้!
อวี๋หวั่นโน้มตัวลง แขนของเธอเท้าโต๊ะ มือสองข้างประคองใบหน้า “เยี่ยนจิ่วเฉา ท่านรักข้ามากใช่ไหม?”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่มองเธอ ใบหน้าของเขายังคงแลดูไร้อารมณ์ “ข้ารักเจียงป้าเทียนต่างหาก!”
อวี๋หวั่นเบ้ปาก “ปากไม่ตรงกับใจ”
เยี่ยนจิ่วเฉามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้าเปล่า!”
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! คุกใต้ดินเกิดเรื่องแล้ว!”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ลูกศิษย์ซึ่งลาดตระเวนในคุกก็วิ่งมาอย่างหน้าตาตื่น
ทั้งสองสงบสติอารมณ์พร้อมกัน แล้วรีบรุดไปข้างนอก
ประมุขซือคงออกมาจากห้องของซือคงฉางเฟิง ทั้งสามคนมองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปยังลูกศิษย์คนนั้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ประมุขซือคงถาม
ลูกศิษย์ตอบว่า “แม่นางที่ถูกขังไว้ในคุกทำร้ายศิษย์พี่และหนีออกไปแล้วขอรับ!”
“หนีไปที่ใด? วิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือ?” อวี๋หวั่นถาม
ลูกศิษย์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ขอรับ นางไม่ได้ไปวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์พี่ไล่ตามนางไป แต่ก็ตามไม่ทัน แต่ศิษย์พี่บอกว่านางคล้ายกับว่าจะวิ่งไปทางบ้านสกุลซางขอรับ”
“สกุลซาง?” อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “นางนับว่ามีไหวพริบ ยังรู้ว่าควรหนีไปยังสกุลซาง ด้วยความผิดที่นางทำไว้ สกุลซือคงและวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์คงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ สกุลหลานไม่ช้าก็เร็วก็คงจะทอดทิ้งนางกับหลานเจียว ในตอนนี้เห็นทีคงมีเพียงสกุลซางที่สามารถปกป้องนางได้”
นัยน์ตาของประมุขซือคงเย็นวาบขึ้นทันใด “ข้าจะส่งคนไปตามนาง!”
“ไม่จำเป็น”
ประมุขซือคงและอวี๋หวั่นมองเขาด้วยความฉงนใจ
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังทิศทางของคฤหาสน์สกุลซือคง “ปล่อยนางไป”
……