หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 445 เสี่ยวเป่าและหลัวช่าน้อย
ทั้งสามเดินไปได้ครึ่งทาง ชิงเหยียนก็ถูกอาม่าเรียก พวกเขาเดินไปยังหอตำราของสกุลซือคงด้วยกัน เพื่อค้นหาว่ามีวิธีต่อกรกับหลัวช่าโลหิตอีกหรือไม่
“เช่นนั้นพวกเรายังต้องลองอีกไหม?” อิ่งลิ่วมองไปยังยาพิษและเครื่องทรมานที่ชิงเหยียนทิ้งไว้ เขาสงสัยว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
อิ่งสือซันใจแข็งกว่าเขามาก จึงเอ่ยขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องทดลอง ยิ่งมีคนช่วยคิดมากขึ้นอีกหนึ่งคน ก็จะยิ่งมีโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้น”
อิ่งลิ่วกระซิบว่า “ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง? จะปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?”
อิ่งสือซันไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไร อิ่งลิ่วเป็นหน่วยกล้าตาย หน่วยกล้าตายทั่วไปจิตใจหยาบกระด้าง แต่อิ่งลิ่วไม่ได้เป็นเช่นนั้น
อิ่งสือซันยกยาพิษและเครื่องทรมานขึ้นมา เขาเดินไปที่เรือนซึ่งหลัวช่าน้อยถูกขังไว้
อิ่งลิ่วถอนหายใจยาวๆ เมื่อเขานึกบางอย่างออก ก็เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า “เอ้อ แล้วปรมาจารย์ซางมีลูกเล็กเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“บุรุษจะอายุเท่าไรก็มีลูกได้ทั้งนั้น” อิ่งสือซันตอบ
“โอ้” อิ่งลิ่วคล้ายจะเข้าใจ กระนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจ ก็เขาไม่เคยมีลูกนี่นา
อิ่งสือซันกระแอมเบาๆ “แต่ก็ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกแท้ๆ ของตน”
อิ่งลิ่วตวัดสายตามาหาเขาทันใด “เก็บมาหรือ?”
อิ่งสือซันเดินข้ามธรณีประตู “เรื่องนี้ข้าไม่รู้ สรุปแล้วเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นก็เป็นหลัวช่าโลหิตเช่นกัน พวกเราสนใจเพียงจุดอ่อนของมันก็พอ เรื่องอื่นไม่ได้สำหลักสำคัญอะไร”
“อ้อ” อิ่งลิ่วเดินตามเขา ฝีเท้าของเขาเชื่องช้า
อิ่งสือซันเข้าใจดีว่าอิ่งลิ่วไม่กล้าลงมือ จึงมิได้บีบบังคับ และบอกกับอิ่งลิ่วว่า “เจ้ากลับห้องไปพักก่อน ข้าไปเอง”
อิ่งลิ่วรู้ว่าอิ่งสือซันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในใจของเขา จึงรีบยกมือขึ้นเท้าเอว แล้วสาวเท้าเข้าไป “ได้ที่ไหนกัน ข้าจะไปกับเจ้า ข้ายังไม่เคยเห็นหลัวช่าน้อยเลย!”
นั่นเป็นความจริง คืนก่อนที่ถูกหลัวช่าน้อยไล่ตาม อีกฝ่ายเคลื่อนไหวว่องไวจนพวกเขามองไม่เห็นแม้แต่เงา ไหนเลยจะรู้ว่าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งก็เท่านั้น
หลัวช่าน้อยซึ่ง ‘กินข้าว’ อยู่ในห้องของอวี๋หวั่นได้ยินเสียงจากด้านนอก มันก็วางช้อนลง แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว!
เมื่ออิ่งลิ่วและอิ่งสือซันเข้าไปในห้อง หลัวช่าน้อยก็มัดตนเองด้วยโซ่เรียบร้อยแล้ว มันนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างว่าง่าย มันสวมอาภรณ์สตรีมอซอขาดวิ่นตอนที่มันมาที่นี่ หลังจากที่เข้ามาในเรือน อวี๋หวั่นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มัน มันสวมเสื้อผ้าของเสี่ยวเป่า ส่วนสูงของทั้งสองใกล้เคียงกัน เพียงแต่มันผอมแห้งราวกับกิ่งไม้ เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าของเสี่ยวเป่าก็ยังนับว่าใหญ่เกินไป ดูหลวมโพรกไม่พอดีตัว
ผมเผ้าของมันยุ่งเหยิง กระเซอะกระเซิงราวกับเพิ่งถูกสุนัขกัดมา
ยามที่ผมยาวลงมาปิดตา มันก็จะกัดทิ้งด้วยตนเอง
ร่างกายของมันผ่ายผอม ใบหน้าซูบซีด มีเพียงดวงตากลมโตเบิกกว้างจนน่าตกใจ
อิ่งสือซันใจแข็ง เขามิได้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากนัก ส่วนอิ่งลิ่วซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกลับตะลึงงันไปแล้ว แม้จะได้ยินมาก่อนแล้วว่าหลัวช่าโลหิตที่จับมาได้เป็นเด็ก ระหว่างทางเขาก็จินตนาการมาตลอดว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อได้มาเห็นตัวจริง ก็ยังอดตกใจไม่ได้
ยะ…ยังเด็กอยู่เลย…
แต่ว่า ดวงตากลมโตคู่นั้นออกจะดูน่าสะพรึงกลัวไปสักหน่อย แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่บ้าง
อิ่งลิ่วดึงอิ่งสือซันไปด้านข้าง แล้วกระซิบว่า “มัน…มันคือหลัวช่าโลหิตจริงหรือ? ไม่ยักเหมือน…”
“เจ้าไม่เชื่อในสิ่งที่คุณชายบอกหรือ?” อิ่งสือซันถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เปล่า ข้าเปล่า!” อิ่งลิ่วรีบส่ายหน้าด้วยความร้อนรน
“เจ้าไปห้องข้างๆ เทยามาให้หน่อย” อิ่งสือซันคิดหาวิธีกีดกันอิ่งลิ่วออกไป
อิ่งลิ่วเดินออกไปอย่างไม่ยินดีเท่าไรนัก พร้อมทั้งหันหลังมามองหลัวช่าน้อยอย่างละล้าละลัง สายตาของหลัวช่าน้อยก็จับจ้องเขาอยู่ตลอด ตราบจนอิ่งสือซันปิดประตูลงดัง ‘ปัง’
ทันทีที่ประตูปิดลง อิ่งสือซันก็ปลดปล่อยจิตสังหารรุนแรงออกมา เมื่อหลัวช่าน้อยสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเขา นัยน์ตาของมันก็ปรากฏความดุร้ายขึ้นมาทันใด
อิ่งสือซันหยิบโซ่เหล็กนิลเย็นเฉียบขึ้นมา แล้วเหวี่ยงไปยังร่างผอมกะหร่องของหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยถูกโซ่เหล็กนิลมัดไว้อยู่แล้ว ทว่ายามที่โซ่เข้ามาใกล้ศีรษะของมัน มีเสียงดัง ‘เคร้ง’ จากนั้นโซ่เหล็กนิลก็หล่นลงบนพื้น
อิ่งสือซันตวัดสายตามอง แล้วลงมือโจมตีหลัวช่าน้อยอีกครั้ง
พลังของหลัวช่าน้อยถูกเยี่ยนจิ่วเฉาใช้วิชาอายุวัฒนะกดไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังสามารถหลบหลีกการโจมตีของอิ่งสือซันได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังพังหน้าต่างแล้วกระโดดออกไป
อิ่งสือซันรีบตามไป ทว่าภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว หลัวช่าน้อยก็หายไปแล้ว!
หลัวช่าน้อยยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ คงไม่ต้องพูดถึงหลัวช่าใหญ่ในเขตหวงห้ามแล้วกระมัง
อิงสือซันกำหมัดแน่น เขาจะต้อง…จะต้องหาจุดอ่อนของหลัวช่าน้อยให้ได้โดยเร็วที่สุด!
เพราะมีเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ หลัวช่าน้อยจึงไม่กล้าหนีเข้าไปในเรือนของอวี๋หวั่น มันไม่รู้ว่าตนเข้าไปที่ใด แต่ที่นี่เสียงดังอึกทึก ทั้งยังมีกลิ่นแปลกๆ อีกด้วย
ที่นี่คือห้องครัวของวิหารเจาหยาง เหล่าพ่อครัวกำลังเตรียมอาหารเย็นให้กับทุกคน
หลัวช่าน้อยยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน มันยื่นศีรษะออกไปมองพ่อครัวซึ่งกำลังง่วนอยู่หน้าเตา
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงใสดังขึ้นด้านหลัง “น้องชาย!”
หลัวช่าน้อยสะดุ้งโหยง มันกระโดดขึ้นไปบนคานตามสัญชาตญาณ
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมองตาม แล้วร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ว้าว!”
หลัวช่าน้อยมองเสี่ยวเป่าอย่างระแวดระวัง
เสี่ยวเป่ายังเด็ก ไม่เข้าใจความหวาดระแวงในสายตาของมัน เขาคิดเพียงว่าน้องชายเก่งกาจเหลือเกิน วิชาตัวเบาเก่งกาจไม่ต่างจากอาจารย์อาเว่ยเลย!
“น้องชาย! เจ้าเก่งเหลือเกิน!” เสี่ยวเป่าปรบมือ!
หลัวช่าโลหิตไม่ได้ลืมว่าตนเองมีประสบการณ์ถูกรมควันด้วยกลิ่นผายลมของเสี่ยวเป่า มันแยกเขี้ยวยิงฟัน ใบหน้าดุดัน เพื่อขู่ให้เสี่ยวเป่าถอยไป
แต่ใครจะคาดคิดว่าเสี่ยวเป่าไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังแยกเขี้ยวยิงฟันกลับ ทำหน้าทะเล้นใส่
หลัวช่าน้อยชะงักไป
เสี่ยวเป่าล้วงกระเป๋า หยิบลูกกวาดออกมา พร้อมกับกวักมือเรียกมัน “น้องชายมานี่เร็ว! ข้าให้ลูกกวาด!”
หลัวช่าน้อยมองไปยังลูกกวาดในมือของเสี่ยวเป่าด้วยความสงสัย แล้วกระโดดลงมา
เสี่ยวเป่าแบ่งครึ่งลูกกวาด ครึ่งหนึ่งให้ตนเอง อีกครึ่งหนึ่งให้น้องชาย
หลัวช่าน้อยมองไปยังมือที่ยื่นมาหาตนเอง แล้วถอยหลังหลบตามสัญชาตญาณ
เสี่ยวเป่ารีบบอกว่า “ข้าไม่ได้จะรังแกเจ้า เจ้าไม่ต้องกลัว!”
หลัวช่าน้อยมองไปยังลูกกวาด จากนั้นก็มองเสี่ยวเป่า ในที่สุดเขาก็ยื่นมือออกมารับลูกกวาดไปหนึ่งก้อน
เสี่ยวเป่าจูงเขามานั่งที่ขั้นบันได กินลูกกวาดไปพลางพูดว่า “ขนมนี่อร่อยมาก ท่านแม่ไม่ให้กิน เป็นท่านลุงฉาง
เฟิงที่แอบให้มา เจ้าอย่าพูดออกไปนะ”
หลัวช่าน้อยอ้าปาก มองไปยังลูกกวาดของเสี่ยวเป่า
“เจ้าอย่าเอาแต่มองข้ากิน เจ้าก็กินด้วยสิ” เสี่ยวเป่าบอกเขา จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “เจ้ามาจากไหนหรือ? ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าเป็นใคร”
หลัวช่าน้อยมองเสี่ยวเป่าอย่างฉงนใจ
ในตอนนั้นเอง อวี๋หวั่นเดินถือยาสมุนไพรที่ตากแห้งแล้วผ่านห้องครัวพอดี
เสี่ยวเป่าจึงชี้ไปยังอวี๋หวั่น “นั่นคือท่านแม่ข้า!”
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินมาทางอวี๋หวั่น
เสี่ยวเป่าจึงพูดต่อว่า “นั่นคือท่านพ่อข้า!”
ทันทีที่หลัวช่าน้อยเห็นเยี่ยนจิ่วเฉา มันก็หายวับไป!
“น้องชายเจ้า…” เสี่ยวเป่าพูด พลางหันมามอง “เอ๋? น้องชายไปไหนแล้วละ”
……
หลัวช่าน้อยวิ่งหนีจากห้องครัวไปไม่ได้ไกล ก็พบกับอิ่งสือซัน อิ่งสือซันตวัดโซ่ฟาดลงไป เขาฟาดไม่โดนหลัวช่าน้อย แต่กลับโดนก้อนลูกกวาดที่เสี่ยวเป่าให้หลัวช่าน้อย
ลูกกวาดกลิ้งหล่นลงบนพื้น หลัวช่าน้อยจึงรีบกระโจนลงไปเก็บ และถูกโซ่เหล็กนิลฟาดเข้าเต็มๆ
หลัวช่าน้อยเจ็บปวดเหลือเกิน
อิ่งสือซันขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าฟาดโดนจุดตายของมันแล้ว แต่มันกลับรู้สึกเจ็บปวดแค่นั้นน่ะหรือ?
เจ้าสัตว์ประหลาดชนิดนี้มีจุดอ่อนจริงหรือ?
อิ่งสือซันและหลัวช่าน้อยเปิดฉากปะทะกันอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของหลัวช่าน้อยคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ พลังของวิชาอายุวัฒนะก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน หลัวช่าน้อยได้รับบาดเจ็บ เหงื่อกาฬโทรมกาย สุดท้ายแล้วมันก็เหนื่อยล้าจนกอดโซ่เหล็กนิลของอิ่งสือซันหลับไป
หลัวช่าน้อยตื่นขึ้นหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม
มันถูกขังไว้ในห้องมืดสนิท เท้าถูกพันไว้ด้วยโซ่เหล็กนิล
โครกคราก~
มันหิวแล้ว
ในกระเป๋ายังมีลูกกวาดที่เสี่ยวเป่าให้มา
มันหยิบลูกกวาดออกมาเลีย จากนั้นก็กลอกตาด้วยความขยะแขยง
บนพื้นมียาโลหิตที่ราชาซิวหลัวทิ้งไว้
มันกระโดดลงจากเก้าอี้ ค้อมตัวลงไปเก็บยาโลหิตขึ้นมาทีละเม็ดๆ ขณะที่กำลังจะหยิบใส่ปากนั้นเอง หูก็แอบได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของอวี๋หวั่น
“วัว…แพะ…ม้า…” อวี๋หวั่นกำลังสอนต้าเป่าพูด
ต้าเป่านั่งอยู่บนตักของอวี๋หวั่นอย่างว่าง่าย
อวี๋หวั่นสอนเขาพูดทีละคำอย่างใจเย็น “วัว…แพะ…ม้า…”
หลัวช่าน้อยกระโดดขึ้นไปบนหน้าต่าง มือเล็กของมันทาบอยู่บนฉลุ คางของมันอยู่ระหว่างช่องของฉลุหน้าต่าง อ้าปากพะงาบ “มา…มา…”
……
สำหรับสกุลซางแล้ว ชะตากรรมของพวกเขาในคืนนี้นั้นไม่อาจเอาแน่เอานอนได้ ไม่รู้ว่าหลัวช่าโลหิตเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา สังหารราชาซิวหลัวไปสามคน ทั้งยังทำลายเขตหวงห้ามจนราบเป็นหน้ากลองไปกว่าครึ่ง ประมุขซางโทสะพลุ่งพล่าน แต่ก็ทำอะไรไมได้
ขณะที่ประมุขซางกำลังขบคิดจนสมองแทบระเบิดอยู่นั้นเอง กลิ่นอายทรงพลังก็พลันปรากฏขึ้นในเขตหวงห้าม หมู่เมฆโดยรอบได้รับแรงจนกระเพื่อมไปมาไม่หยุด
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงคละคลุ้งไปในอากาศ
ประมุขซางลุกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อประสาทสัมผัสของตน “นี่มัน…นี่มันคือการบรรลุระดับใช่ไหม? หลัวช่าโลหิต…กลายเป็นราชาหลัวช่าแล้วหรือ!”
…………………….