หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 452 ราชาหลัวช่ามาแล้ว! โค่นล้มสกุลซาง!
คนแรกที่ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของราชาหลัวช่าคือประมุขซาง ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หลัวช่าโลหิตได้ส่งสัญญาณที่จะทะลวงออกมา เหตุนี้เขาจึงประมาณไว้ไม่น้อย ยามที่เขาหลับตาพักฟื้นในห้องข้างๆ ก็รู้สึกถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือน จากนั้นกลิ่นคาวเลือดที่ชวนให้คนหายใจไม่ออกก็เริ่มก่อตัวขึ้นในอากาศ เขารู้ว่าราชาหลัวช่ากำลังจะออกมาแล้ว
สระโลหิตและตําหนักที่ซางชิวหานหล่อหลอมขึ้นในสมัยนั้น ล้วนสร้างจากเหล็กนิลเหล็กนิลหมื่นปี ที่แข็งแกร่งและสามารถระงับพลังของซิวหลัวโลหิตได้ดีที่สุด เดิมทีมีกำลังมากถึงสิบส่วน แต่เมื่อถูกเหล็กนิลกดพลังไว้ก็เหลือเพียงไม่ถึงห้าส่วน ดังนั้นเพื่อที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของสระโลหิตและตําหนัก เขาจำเป็นต้องครอบครองพลังของราชาหลัวช่า
แต่ราชาหลัวช่าสามารถฝึกและสร้างขึ้นได้ง่ายๆ หรือ?
เพื่อช่วยซางชิวหานอีกแรง สกุลซางพยายามคิดหาหนทาง ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล กระทั่งหล่อเลี้ยงด้วยเลือดมนุษย์ยังไม่เสียดาย ครั้งนี้ได้พัฒนากังฟูหยินหยาง หลังจากพยายามมาหลายปี ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ก็มาเยือน ประมุขซางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเรื่องที่ยังตามหลัวช่าน้อยกลับมาไม่ได้ก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ราชาหลัวช่าหลุดจากโซ่เหล็กนิลที่ผูกติดกับเท้า ทำลายตำหนักเหล็กนิลและสระโลหิต เขตต้องห้ามสกุลซางพังทลาย เมื่อไร้การระงับพลังจากเหล็กนิล ลมหายใจของราชาหลัวช่าระเบิดออก แม้แต่หมิงซานที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบหลี่ก็ยังสัมผัสได้
ประมุขซือคงมองเมฆสีแดงเหนือศีรษะ รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ยิ่งรุนแรงขึ้นรอบตัว เขาขมวดคิ้ว “ฉิบหาย มันกำลังดูดเลือดและลมปราณของหมิงซาน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ยอดฝีมือสกุลซือคงทุกคนต่างประหลาดใจที่พบว่าสหายของตนเริ่มมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ผิวหนังผุดยาเม็ดโลหิตเล็กละเอียด เมื่อคล้ายกับตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง พวกเขาก็มองดูตนเอง จากนั้นเสียงร้องโหยหวนด้วยความตกใจของทุกคนก็ระเบิดออกมา
ประมุขซือคงรู้สึกว่าเลือดของตนกำลังออกจากร่างกายไปทีละน้อย ในขณะนี้ เขาไม่สนใจจะปกป้องตนเอง ใช้ดาบพยุงร่างเดินไปเบื้องหน้าซือคงฉางเฟิง สองนิ้วขยับกดจุดสกัดกั้นหัวใจของเขา และใช้ฝ่ามือตบด้านหลังซือคงฉางเฟิง ส่งกำลังภายในเข้าสู่ร่างกายของเขา
เลือดและลมปราณของซือคงฉางเฟิงที่ถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วค่อยๆ กลับมา แต่ราคาที่จ่ายนั้นมหาศาล ผ่านไปไม่นานประมุขซือคงก็กลายเป็นเสวี่ยเหริน(มนุษย์โลหิต)
ซือคงฉางเฟิงมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านพ่อ…”
“อย่าพูด!” กำลังภายในของประมุขซือคงนับว่าลึกล้ำ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาหลัวช่าผู้ทรงพลังกลับเทียบไม่ติด เขาเกือบใช้แรงสุดกำลัง ถึงสามารถฟื้นชีวิตบุตรชายได้ครึ่งหนึ่ง
ซือคงฉางเฟิงต้องการหยุดบิดา นี่เป็นการเสียสละที่ไร้สติสิ้นดี เขาทำได้เพียงชะลอไว้เท่านั้น แต่บิดาของเขาอาจตายได้
ใบหน้าของประมุขซือคงค่อยๆ ซีดลง “เมื่อก่อน พ่อทำผิดต่อเจ้าไม่น้อย ต่อไป เจ้าต้องดูแลตนเองแล้ว”
นี่เป็นคำกล่าวลาสุดท้ายหรือ? วาจาพร่ำบ่นที่เคยเอ่ยมากกว่านี้ ถึงตอนนี้คล้ายสูญสลายหายสิ้น เขาเป็นบิดา เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดในโลกใบนี้ แม้เขาไม่อาจกระทำอย่างเท่าเทียมระหว่างบุตรชายทั้งสอง ทว่าสุดท้ายเพื่อช่วยตนกลับไม่ลังเลที่จะละทิ้งชีวิตตนเอง ซือคงฉางเฟิงไม่กล่าวโทษ ไม่เกลียดชังเขาอีก
“ท่านพ่อ…”
“ความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล ท่านแม่ของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่ขอให้เจ้าเอาอกเอาใจนาง แต่หลังจากเจ้ารับตำแหน่งประมุขแล้ว โปรดอย่าทำให้นางต้องทุกข์ใจ…”
“ท่านพ่อ ข้า…”
“น้องชายเจ้าไม่เอาไหน แต่สุดท้ายก็เป็นสายเลือดเดียวกับเจ้า เจ้าต้องดูแลเขาแทนข้า อย่าให้เขาทำสิ่งที่ผิดพลาดอีก…”
หลังจากกล่าวคำสุดท้าย กำลังภายในของประมุขซือคงก็หมดลง เขาล้มตึงลงกับพื้น
คนที่ล้มลงพร้อมกับเขายังมียอดฝีมือสกุลซือคงอีกหลายคน และศิษย์ทั้งหมดในวิหารเจาหยาง
หมิงซาน…ถูกศัตรูยึดครอง!
หลัวช่าน้อยเหาะขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าไปยังทิศของจวนสกุลซือคง แยกเขี้ยวกางเล็บ “จีลิกูลู จีลิกวา…” ไม่รู้ว่ามันกำลังพูดอะไร
ที่วิหารเจาหยาง ไข่ดำน้อยทั้งสามถูกกำลังภายในมหาศาลดูดขึ้นมา
หลัวช่าน้อยร้องเรียกอื้อๆๆๆ สองสามครั้ง รีบพุ่งไปคว้าร่างไข่ดำน้อยที่ลอยอยู่กลางอากาศลงมา
“จีลิกูลู จีลิกวายา!” หลัวช่าน้อยกระทืบเท้า!
อวี๋หวั่นก็ถูกดูดขึ้นไปในอากาศเช่นกัน
หลัวช่าน้อยลากอวี๋หวั่นลงมา จากนั้นก็มองไปยังทิศของสกุลซาง สองมือเท้าเอว ปากยังคงพึมพำ ไม่รู้เลยว่ากำลังเอ่ยสิ่งใด แต่ท่าทางไม่สบอารมณ์นัก!
ไม่รู้ว่าหลัวช่าน้อยพึมพำจีลิกูลูนานเพียงใด ในที่สุดร่างราชาหลัวช่าก็ปรากฏออกมา
เมฆโลหิตบนท้องฟ้าคล้ายควบแน่นกลายเป็นหยกสีเลือดเนื้อแท้ แม่น้ำที่เชิงเขาหมิงซานเกือบจะกลายเป็นสีเลือด ราชาหลัวช่าในเสื้อคลุมสีแดงปีศาจ ชายผ้าสะบัดพลิ้วไหวรับสายลมดูคล้ายกับเลือดที่ไหลทะลักออกมา
รูปลักษณ์ของเขาไม่อาจนับว่าดูดี แม้ความแข็งแกร่งทรงพลังจะทำให้ยังคงไว้ซึ่งเส้นผมสีดำในยามสูงวัยเช่นนี้ ทว่าผิวขาวที่ราวกับผี ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นโลหิตสีน้ำเงิน ดวงตาโบ๋ลึกสีแดงราวกับเลือด ต่อให้เห็นยามฟ้าสว่างก็ยังน่าตกใจ
คนเดียวที่คุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของเขาคงเป็นหลัวช่าน้อย
ทันทีที่หลัวช่าน้อยเห็นเขา ก็รีบโผเข้าไปหาในทันที!
ฝ่ามือเล็บสีดำชี้ไปกลางอากาศ กลิ่นอายเลือดรอบตัวควบแน่นกลายเป็นถนนโลหิตกว้างสามฉื่อ หลัวช่าน้อยวิ่งเร็วเกินไป จนล้มกลิ้งสองสามตลบบนเส้นทางนั้น และมาหยุดลงตรงหน้าเขา
หลังจากนั้น หลัวช่าน้อยก็เริ่มการแสดงของมัน
มันชี้ไปยังเหล่ายอดฝีมือสกุลซาง ทำท่าทางดึงลูกธนูและคันศร มันล้มลงกับพื้น แล้วทำท่าดึงตะขอออก มันล้มลงกับพื้นอีกครั้ง เอียงคอเหลือกตาแลบลิ้นอย่างบ้าคลั่ง!
ยอดฝีมือสกุลซางสะดุ้งเฮือก!
พวกเขายังไม่ทันอธิบาย เมื่อปลายนิ้วมือของราชาหลัวช่าเคลื่อนไปที่พวกเขา โลหิตในกายก็ถูกสูบออกมาจนแห้งเหือด
ราชาหลัวช่ากลั่นเลือดของพวกเขาเป็นเม็ดสีแดงดำ แล้วใส่ลงในมือของหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยถือยาเม็ดโลหิตและเล่นกับมันด้วยความพึงพอใจ
สกุลซือคงและคนของวิหารเจาหยางทอดถอนใจด้วยความโล่งอก ต่อให้พวกเขาโง่เขลาก็ยังดูออกว่าหลัวช่าน้อยอยู่ข้างพวกเขาแล้ว ราชาหลัวช่าเป็นของสกุลซาง แต่เพื่อแก้แค้นให้หลัวช่าน้อยกลับไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา กำจัดยอดฝีมือพวกตนจนหมดสิ้น เห็นได้ว่าเขาห่วงใยหลัวช่าน้อยมากเพียงใด หลัวช่าน้อยเป็นเพื่อนของพวกเขา ราชาหลัวช่าคงไว้หน้าไม่ทำร้าย
แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ ยังไม่ทันที่พวกเขาปล่อยลมหายใจจนสุด ราชาหลัวช่าก็โจมตีหมิงซาน
หลัวช่าน้อยกระโดดขึ้นไป กางแขนเล็กออกมาบังหมิงซาน ไม่ให้ราชาหลัวช่าโจมตี ทว่าคราวนี้ราชาหลัวช่าไม่ได้ทำในสิ่งที่มันต้องการ
หลัวช่าน้อยแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างดุดัน! หากคิดจะทำอะไรหมิงซาน ก็ข้ามศพมันไปก่อน!
ราชาหลัวช่ากลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย โบกฝ่ามือใหญ่พัดหลัวช่าน้อยกระเด็นหายไป
ปกติแล้วเขาไม่มีทางทำร้ายหลัวช่าน้อย แต่ก็ไม่อาจยอมให้หลัวช่าน้อยเข้ามาขัดขวางเช่นกัน
ณ วิหารเจาหยาง ชิงเหยียนที่กำลังอพยพศิษย์ออกจากเขาหมิงซาน สัมผัสถึงจิตสังหารของราชาหลัวช่า พลันก่นด่าด้วยความโกรธเกรี้ยว “โอ๊ยเจ้าบ้านี่! เขา เขา เขา…เขาลงมืออีกแล้ว!”
ซุยเฒ่าซ่อนตัวอยู่บนโต๊ะ “ละ ละ ละ ละ…เหล็กนิล! พวกเจ้ามิใช่มีเหล็กนิลอะไรนั่นอยู่หรอกหรือ?”
“ใช่แล้ว เหล็กนิล!” ชิงเหยียนเดินกลับไปที่ห้อง หมายจะหยิบอาวุธเหล็กนิลที่เตรียมไว้ในตอนเช้าออกมา แต่ไหนเลยจะรู้ว่ายังไม่ทันลงมือ อาวุธทั้งหมดก็แตกสลายกลายเป็นผุยผงเสียแล้ว
นี่เป็นถึงเหล็กนิลหมื่นปีเชียวนะ แค่กำลังภายในเพียงน้อยนิดก็สามารถบดขยี้มันจนเป็นเช่นนี้ ราชาหลัวช่า…เป็นตัวประหลาดเช่นไรกันแน่?
ยังไม่ทันได้คำตอบ ชิงเหยียนก็ลอยออกไปด้วยแรงดูดครั้งใหญ่
“ชิงเหยียน!”
ขณะที่ลอยผ่านอวี๋หวั่นไป อวี๋หวั่นมือไวรีบคว้าแขนของเขาไว้
ไม่เหนือความคาดหมาย กำลังภายในนั้นก็ตกลงบนร่างของอวี๋หวั่นเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะถูกดูดเลือดในกายออกไป ท้องของอวี๋หวั่นก็ขยับ พลังกดดันของราชาศักดิ์สิทธิ์ถูกปล่อยออกมา ผลักกำลังภายในนั้นกลับไป
ราชาหลัวช่าผงะไป
“ราชา…ศักดิ์สิทธิ์”
น้ำเสียงแหบพร่าไม่น่าฟัง โทนเสียงประหลาดคล้ายกับปีศาจกำลังกระซิบ
ดวงตากระหายของราชาหลัวช่าจ้องมองท้องของอวี๋หวั่นโดยไม่ปกปิด
ราชาศักดิ์สิทธิ์เป็นยาชูกำลังชั้นดีของหลัวช่าโลหิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเป็นราชาหลัวช่า โลหิตมนุษย์ทั่วไปไม่เพียงพอที่จะเสริมพลังของเขาได้อีกต่อไป ไม่ว่าเลือดหยินบริสุทธิ์ของอวี๋หวั่นก็ดี หรือเลือดของราชาศักดิ์สิทธิ์ในท้อง อย่างน้อยก็ล้วนแต่สามารถยกระดับพลังของเขาขึ้นไปหนึ่งระดับเท่านั้น
ราชาหลัวช่าพักเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างปรมาจารย์ซือคงอย่างเด็ดขาด เอื้อมมือไปคว้าร่างสตรีตัวน้อยอวบอ้วนมา!
ทว่าทันทีที่เขาคว้า เงาร่างเล็กก็แวบเข้ามา!
เขาคว้าได้ตัวหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยก้มหน้า ชูคอมองเขาอย่างออดอ้อนจากใต้เป้ากางเกง
คิ้วราชาหลัวช่าขมวดปม โยนหลัวช่าน้อยลอยหายไปอีกครั้ง
แต่เมื่อเขาคว้าตัวอวี๋หวั่นในครั้งที่สอง หลัวช่าน้อยก็ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว
เขามองหลัวช่าน้อยที่ตนคว้าไว้ในมืออีกครั้ง แล้วโทสะก็ปะทุระเบิดออกมาในที่สุด
…………………………