หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 461 ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุด
“ไม่เช่นนั้น…เราไปนำยาโลหิตของหลัวช่าน้อยคืนจากสกุลซางดีหรือไม่?” อิ่งลิ่วกล่าว
“ผู้ใดจะไปขโมยมา เจ้าหรือข้า?” ชิงเหยียนเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉาและซือคงเย่ที่กำลังใช้วิชาอายุวัฒนะให้ความอบอุ่นแก่หลัวช่าใหญ่ หากไม่ใช่เพราะหลัวช่าทั้งสองขาดพวกเขาไปไม่ได้ พวกเขาคงไปสังหารสกุลซางนานแล้ว คิดว่าบุรุษสองคนนี้จิตใจดีจริงๆ หรือ?
ชิงเหยียนกล่าวต่อ “วิธีที่เจ้าคิดได้ มีหรือพวกเขาจะคิดไม่ได้? นี่ไม่มีทางเลือกอื่นหรอกหรือ? แม้ว่าสกุลซางจะไม่มีหลัวช่าโลหิตแล้ว แต่ก็ยังมีราชาซิวหลัวระดับสูงอยู่มากมาย นอกจากเยี่ยนจิ่วเฉาและปรมาจารย์แล้วก็ไม่มีผู้ใดที่ต่อกรกับพวกมันได้”
นี่หาใช่การดูถูกตนเอง ทว่าสกุลซางวางแผนการในวันนี้มาเนิ่นนาน แอบฝึกฝนยอดฝีมือไว้มากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาอาจเอาชนะได้คนหรือสองคน แต่หากมาเป็นกลุ่มหรือสองกลุ่ม นั่นมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือไหว
อื้อ เป็นเช่นนี้แน่!
จิ่วเฉาน้อยของพวกเขาไม่ยอมให้พวกเขาไปชิงยาโลหิตของหลัวช่าน้อยมา เพราะเห็นแก่ความปลอดภัยของพวกเขา!
อวี๋หวั่นรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าไม่เป็นเช่นนั้น เยี่ยนจิ่วเฉาไปนำยาโลหิตกลับมาได้ แต่… เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
เยี่ยนจิ่วเฉากำลังบีบบังคับให้ราชาหลัวช่าใช้ยาโลหิตของตนเอง
แม้แต่ท่านตาทวดก็คิดเช่นนั้น
หลัวช่าน้อยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่…ราชาหลัวช่าจำเป็นต้องตาย!
เมื่อเห็นการเสียสละของราชาหลัวช่าแล้ว ทั้งสองไม่หวั่นไหวบ้างหรือ?
แต่หากทำตามใจ ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนเป็นการนองเลือดหมิงซานของราชาหลัวช่าก็เป็นได้ ไม่ใช่ราชาหลัวช่าเลวร้ายน้อยลง แต่มันคือสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา
หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว อวี๋หวั่นก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบคนที่ใจอ่อนคือตนเพียงผู้เดียว บุรุษทั้งสองช่างสงบเยือกเย็นและมีเหตุผลจนน่ากลัว
อิ่งสือซันเข้าใจเจตนาของคุณชายได้อย่างรวดเร็ว พลันเอ่ยอย่างแผ่วเบา “สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คืออาการบาดเจ็บของพวกเขา อาม่า หมอชุย มีสิ่งใดที่พวกเราทำได้บ้าง?”
“มี” ชุยเฒ่าพยักหน้า ทำรายการ วาดภาพสมุนไพรมาสองสามชนิด “วัตถุดิบยาเหล่านี้ไม่สามารถหาซื้อได้ พวกเจ้าต้องขึ้นไปเก็บที่เขาหมิงซาน และจำไว้ว่า เจ้าต้องเก็บมันก่อนมืด”
“เยอะถึงเพียงนี้” อิ่งลิ่วดูรายชื่อบนใบรายการร่ายยาวเป็นหางว่าว น่าปวดหัว!
อาม่าชะงักนิ่ง จากนั้นก็เขียนใบสั่งอีกเช่นกัน “พวกเจ้านำราชันหมื่นสัตว์พิษติดตัวไป แล้วตามหาหนอนกู่เหล่านี้มา”
การใช้เลือดมนุษย์มาทำยา พวกเขาทำไม่ลง จึงทำได้เพียงใช้หนอนกู่แทนเท่านั้น
ชิงเหยียนและเยว่โกวไปที่หมิงซานเพื่อตามหาวัตถุดิบยา อิ่งลิ่วและซือคงฉางเฟิงผู้ซึ่งทราบข่าวจึงรีบมา นำราชันหมื่นสัตว์พิษไปค้นหาหนอนกู่ อิ่งสือซันอยู่ปกป้องวิหารเจาหยาง
ประมุขซางก่อเรื่องใหญ่ ตามหลักแล้วไม่มีทางหันกลับมาทำร้าย จะกุมเรือหมื่นปี ต้องมีความละเอียดอ่อน สุขุมรอบคอบ
ความเคลื่อนไหวในหมิงซานประจักษ์โจ่งแจ้ง แม้แต่ประมุขซือคงก็ได้รับข่าวเช่นกัน หลัวช่าน้อยล้มยังพอว่า เมื่อได้ยินว่าซือคงเย่กำลังจะช่วยราชาหลัวช่าแห่งสกุลซาง เขาก็เผยสีหน้าสลับซับซ้อนยากเข้าใจ “ข่าวเชื่อถือได้หรือไม่? ปรมาจารย์…ต้องการช่วยซางชิวหานจริงๆ หรือ?”
ทหารองครักษ์ยกมือคำนับ และกล่าวว่า “ขอรับนายท่าน ทั้งวิหารเจาหยางต่างก็รู้ดีว่า คนของเยี่ยนซื่อจื่อ และศิษย์แห่งวิหารเจาหยางเข้าไปค้นหาหนอนกู่และยารักษาในหมิงซานแล้ว”
ประมุขซือคงไออย่างหนักสองสามครั้ง เขาได้รับบาดเจ็บจากราชาหลัวช่า และไม่เหลือกำลังภายในจากการช่วยชีวิตซือคงฉางเฟิง ชั่วชีวิตนี้เกรงว่ายากจะฟื้นตัวได้ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเขาเกลียดชังราชาหลัวช่ามากเพียงใด
“นายท่าน…” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของประมุขซือคงไม่ปกติ องครักษ์จึงถามอย่างกล้าหาญว่า “ต้องการให้ข้าน้อย…”
คำหลังเขาไม่ได้กล่าว เพียงแต่ทำท่าทาง
ในดวงตาของประมุขซือคงเต็มไปด้วยความสับสน
“คุณชายใหญ่ละ?” เขาถาม
องครักษ์กล่าวว่า “คุณชายใหญ่ก็ไปช่วยตามหาหนอนกู่และยารักษาโรคเช่นกันขอรับ”
“เขาเกือบตายในเงื้อมมือของราชาหลัวช่า ยามนี้ก็ยังไปช่วยมันอีก? ถึงไม่สนใจตนเอง แต่ลืมไปหรือไม่ว่าบิดาผู้นี้ถูกราชาหลัวช่าทำร้ายจนกลายเป็นคนไร้ความสามารถ?!” ประมุขซือคงเดือดดาลแทบคลั่ง ไอโขลกๆ พักหนึ่ง รู้สึกราวกับปอดจะกระเด็นออกมา
“นายท่าน!” องครักษ์รีบนำชาร้อนมาให้ดื่ม “โปรดระงับโทสะ”
ประมุขซือคงผลักถ้วยชาออก พลางกัดฟันแล้วกล่าว “บุรุษเมื่อถึงวัยแล้วก็ควรออกเรือน!”
“เช่นนั้น…นายท่าน…” องครักษ์เผยดวงตาที่แฝงด้วยเลศนัยเป็นครั้งที่สอง
ตอนนี้วิหารเจาหยางอยู่ในความโกลาหล ไม่รู้ว่าราชาหลัวช่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร การฆ่าเขาง่ายดายเสียยิ่งกว่าบี้มด
องครักษ์คุกเข่าลงข้างหนึ่ง “นายท่าน ขอเพียงท่านพยักหน้า ข้าน้อยจะจัดการทันที! หลังจากฆ่าราชาหลัวช่าแล้วจะดื่มยาพิษฆ่าตัวตายทันที ไม่มีทางสาวมาถึงตัวนายท่าน!”
ประมุขซือคงนิ่งเงียบ
องครักษ์กล่าวต่อ “ราชาหลัวช่าช่างชั่วร้าย หากไม่กำจัดเขาเสียวันนี้ วันหน้าเขาหายดี หมิงตูทั้งหมดจะจมดิ่งสู่หายนะไม่รู้จบ! สกุลซือคงเป็นผู้ปกครองแห่งหมิงตู การปกป้องความปลอดภัยของผู้คนในหมิงตูเป็นหน้าที่ของข้า ต่อให้นายท่านมิได้ทำเพื่อล้างแค้น แต่ก็ควรขจัดอันตรายแทนชาวบ้านในหมิงตู! นายท่าน! ออกคำสั่งเถอะขอรับ!”
ประมุขซือคงบีบถ้วยชาแน่น
เมื่อองครักษ์เห็นว่าประมุขไม่พูดสิ่งใด ก็คิดว่าเขากังวลว่าตนจะทำไม่สำเร็จ จึงให้คำสัตย์ว่า “ข้าน้อยจะไม่ทำพลาด! ยามนี้วิหารเจาหยางไว้วางใจสกุลซือคงยิ่งนัก ที่นั่นก็มีองครักษ์ของเราอยู่ไม่น้อย เพียงข้าน้อยบอกว่านำยามามอบแก่ราชาหลัวช่า ก็ทางสะดวก!”
ทุกอย่างเป็นเพราะราชาหลัวช่า ประมุขซือคงสูญเสียวรยุทธ์ ยอดฝีมือสกุลซือคงต้องล้มตายไปไม่น้อย ถึงจะไม่ใช่เจ้าเมืองแห่งหมิงตู เขาก็ไม่ควรจะปล่อยไป
ประมุขซือคงสูดหายใจแล้วหลับตา “เจ้าออกไปเถอะ”
องครักษ์ผงะ “นายท่าน?”
ประมุขซือคงวางมือลงอย่างห่อเหี่ยว “หากข้าทำเช่นนั้น จะต่างอะไรกับซางฉงหวา? เขาเป็นคนที่ปรมาจารย์ต้องการช่วยชีวิต ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ วันหน้าหากเขาคิดจะทำลายหมิงตูอีก พวกเราสกุลซือคงค่อยหาทางจัดการกับเขา!”
องครักษ์ลังเล “แต่…”
ประมุขซือคงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ปกป้องหมิงตูเป็นความรับผิดชอบของสกุลซือคงของเรา ปรมาจารย์ก็เป็นคนของตระกูลซือคง วันนี้กล้าช่วยเขา วันหน้าคงไม่ต้องกลัวว่าจะฆ่าเขาไม่ลง ข้าเชื่อมั่นในท่านปรมาจารย์”
เวลาย่ำค่ำ กองกำลังสองฝ่ายที่ออกตามหายารักษาและหนอนกู่กลับมาถึงวิหารเจาหยาง
ชุยเฒ่านำยารักษาไปที่ห้องทำยา ขณะที่อาม่าก็นำหนอนกู่กลับไปที่ห้องของตนเอง
ราชาหลัวช่าและหลัวช่าน้อยถูกซือคงเย่และเยี่ยนจิ่วเฉานำตัวไปที่ห้องลับ ผ่านมาหนึ่งวันเต็ม ทั้งสองใช้วิชาอายุวัฒนะส่งกำลังภายในให้พวกเขาไม่หยุด
อวี๋หวั่นให้ห้องครัวต้มน้ำแกงโสมสองชาม เพื่อจะนำไปให้พวกเขา แต่เมื่อออกจากห้องครัวเล็ก เธอก็พบกับไข่ดำน้อยทั้งสามที่รออยู่หน้าประตู
“น้องชายละ?” เสี่ยวเป่าถาม
พวกเขาเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาพาหลัวช่าน้อยกลับไปที่เรือน แต่เมื่อพวกเขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ตามไปที่ห้องของชุยเฒ่า ท่านพ่อกับน้องชายก็หายไปแล้ว
“น้องชาย…หลับไปแล้ว” อวี๋หวั่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นน้องชายตื่นได้หรือไม่?” เอ้อร์เป่าถาม
คนที่หลับไปย่อมตื่นขึ้นได้ แต่ที่ถามเช่นนี้ เกรงว่าในใจของพวกเขารู้สึกแล้วว่าน้องชายไม่ได้หลับไปเพียงเท่านั้น
อวี๋หวั่นมือข้างหนึ่งถือถาด อีกข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหัวท้ังสาม “พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เสี่ยวเป่ากล่าวอย่างจริงจัง “ได้สิ ต้องได้แน่ๆ! น้องชายต้องตื่นได้แน่นอน! เรา เรา เรา…เรายังเหลือของอร่อยๆ ไว้ให้น้องชายด้วย!”
เอ้อร์เป่าและต้าเป่าเปิดกระเป๋าเล็กๆ เผยให้เห็นก้อนน้ำตาลที่ถูกซ่อนไว้เป็นเวลาหลายวัน
“แอบกินขนมอีกแล้ว” อวี๋หวั่นโอบกอดพวกเขา
อวี๋หวั่นนำน้ำแกงโสมไปที่ห้องลับ เรื่องราวหลังจากนั้นเธอไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ชุยเฒ่าไม่ยอมให้เธอทำอะไร ทำได้แค่รออยู่ในห้องเท่านั้น
เธอมองดูอ่างเลือดที่ถูกยกออกมา แล้วก็ดูชามยาที่ถูกยกเข้าไป
เธอพิงโต๊ะงีบหลับไป เมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็ฟ้าสางแล้ว
แสงสว่างยามเช้าบนขอบฟ้า เป็นประกายทองอร่ามเลือนราง เธอเปิดประตูยกมือป้องบังตามสัญชาตญาณของร่างกาย เมื่อปรับตัวได้แล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องลับ
พวกชิงเหยียนยุ่งตลอดทั้งคืน พวกเขาเฝ้าอยู่นอกห้องลับด้วยใบหน้าซีดเผือด
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี๋หวั่นถาม
“ข้าไม่รู้” ชิงเหยียนทอดถอนใจ “ข้า เยว่โกวและลูกศิษย์ของวิหารเจาหยางถูกไล่ออกมากันหมด อิ่งลิ่วอยู่ข้างใน”
ทันทีที่สิ้นเสียง อิ่งลิ่วก็ออกมาพร้อมกับดวงตาสีดำกลมโตเบิกโพลงคู่หนึ่ง
“เป็นอย่างไรบ้าง?” กลายเป็นชิงเหยียนที่รอเอ่ยปากถามไม่ไหว
“พวกเจ้าไปดูเองเถอะ” อิ่งลิ่วกล่าว
ชิงเหยียนคว้าแขนของเขาไว้แน่น “เจ้า…ไยทำหน้าเช่นนี้? หรือว่าช่วยเอาไว้ไม่ได้?”
อิ่งลิ่วส่ายหัวสะอึกสะอื้น ไม่โต้ตอบชิงเหยียนและเดินกลับห้องไปอย่างหมองหม่น
อวี๋หวั่นและชิงเหยียนเข้าไปในห้องลับ
กลิ่นคาวเลือดหนาแน่นลอยคละคลุ้งอยู่ภายในห้องลับ ราชาหลัวช่าและหลัวช่าน้อยนอนแน่นิ่งอยู่บนแท่นหิน ซือคงเย่ที่นั่งอยู่ด้านข้างใบหน้าซีดเผือด
เยี่ยนจิ่วเฉาสวมเสื้อผ้าให้หลัวช่าน้อยอย่างละเอียดรอบคอบ
ชุยเฒ่าและอาม่าต่างเหนื่อยอ่อน ทรุดลงนั่งกับพื้น จะลุกก็ยังลุกไม่ไหว
อวี๋หวั่นกวาดตามองทุกคน “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? ดวงตาของอิ่งลิ่วแดงเช่นนั้น เพราะช่วยชีวิตไว้ไม่ได้หรือ?”
ราชาซิวหลัวบนแท่นหินค่อยๆ ลืมตาขึ้น
อวี๋หวั่นพลันหันไปจ้องมอง
ชิงเหยียนก็ถลึงตากว้าง “เขา…เขายังมีชีวิตอยู่…เช่นนั้นเจ้าตัวเล็ก…”
เขาไม่ได้ช่วยหลัวช่าน้อยด้วยยาโลหิตหรือ? อิ่งลิ่วร้องไห้ เพราะหลัวช่าน้อยตายแล้วหรือ?
เขาก็อยากร้องไห้แล้ว!!!
ปฏิกิริยาของราชาหลัวช่าไม่ได้ดีไปกว่าชิงเหยียนมากนัก หลังจากที่เขาแน่ใจว่าตนยังมีชีวิตอยู่ ก็มองไปที่หลัวช่าน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างตื่นตระหนก ขณะที่เขากำลังจะปล่อยโฮร้องไห้คร่ำครวญด้วยความสิ้นหวังและโศกเศร้าเสียใจ ชุยเฒ่าก็เอ่ยขึ้นอย่างหมดเรี่ยวแรง “อย่าร้อง ยาโลหิตของเจ้า…ให้เขาแล้ว…”
ตอนแรกราชาหลัวช่าตกตะลึง และเมื่อสัมผัสตันเถียนของตน ก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
ชุยเฒ่ากล่าวว่า “อื้ม ไม่ผิด เจ้าก็ยังมียาโลหิตอยู่เช่นกัน”
อวี๋หวั่นเกิดความสงสัย “ชุยเฒ่า นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ชุยเฒ่าพ่นลมหายใจ “ถามทวดของเจ้าสิ คิดว่าจะใจร้ายได้สักเท่าใด พอถึงเวลา ก็ทำแค่เอายาโลหิตของเขาออกมาครึ่งหนึ่ง”
“ในร่างกายของหลัวช่าน้อยมียาโลหิตเพียงครึ่งหนึ่งหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
“แน่นอนว่าไม่ใช่” ชุยเฒ่ากล่าว และเหลือบมองซือคงเย่ที่ใบหน้าซีดขาว “ตาทวดของเจ้า เอาเน่ยตันครึ่งหนึ่งของตนให้กับหลัวช่าน้อย”
…………………………