หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 464 ปรมาจารย์แย่งชิงความโปรดปราน
หลัวช่าน้อยเป็นปีศาจ เขาถูกหลัวช่าโลหิตใช้เลือดของตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด หากกล่าวถึงวรยุทธ์ก็พอได้ ทว่าวิชาอสูรโลหิตเส็งเคร็งกลับทำได้เพียงเล็กน้อย ร่างกายของมันจะปล่อยกลิ่นอายของวิชาอายุวัฒนะได้อย่างไร?
คนธรรมดาแยกไม่ออกว่าเป็นวิชาอายุวัฒนะ แต่อวี๋หวั่นอยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉามานาน และเธอกำลังตั้งท้อง แม้ว่าเธอเองจะไม่รู้ ทว่านับตั้งแต่เธอตั้งครรภ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าอย่างไร เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เช่น ลมหายใจของหลัวช่าโลหิตและวิชาอายุวัฒนะ
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋หวั่นสงสัยว่าตนเองสัมผัสคลาดเคลื่อนไป
แต่ในไม่ช้า เยี่ยนจิ่วเฉาก็พิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอสัมผัสได้นั้นไม่ได้ผิดพลาด
เยี่ยนจิ่วเฉาขยับปลายนิ้วอีกครั้ง และกำลังภายในที่แข็งแกร่งกว่าเดิมก็พุ่งไปหาหลัวช่าน้อย
ในทันใดหลัวช่าน้อยก็กระโดดออกจากหลุม กำลังภายในพุ่งปะทะเข้ากับหลุมตื้น จากหลุมตื้นก็กลายเป็นหลุมลึกในทันที ไม่กล้าคิดว่าหากเมื่อครู่หลัวช่าน้อยช้าไปเพียงก้าวเดียว ผลจะเป็นเช่นไร
แต่ถึงเป็นเช่นนี้ การโจมตีของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ดูไม่มีทีท่าจะลดละ กำลังภายในของวิชาอายุวัฒนะพุ่งใส่หลัวช่าน้อย ไม่ใช่ทุกครั้งหลัวช่าน้อยจะสามารถใช้วิชาตัวเบาหลบได้ เมื่อหลบไม่ทันก็ทำได้เพียงตั้งรับ
มันใช้พลังของหลัวช่าโลหิตตั้งรับไปครั้งหนึ่ง ผลคือถูกสับด้านในเกรียมด้านนอกนุ่ม จากนั้นก็ถูกเพลงยุทธ์อีกหลายครั้ง มันดูเหมือนค่อยๆ เข้าใจว่ามีเพียงลมหายใจแปลกๆ นั่นเท่านั้น ที่สามารถช่วยชีวิตมันได้ แต่ลมหายใจแปลกประหลาดนั้นก็ไม่ได้ฟังคำสั่งของมันทุกครั้งไป
วิชาอายุวัฒนะบางคราวก็เป็นผล บางคราวก็ไม่เป็นผล ทำเอาหลัวช่าน้อยสะบักสะบอม
หลังจากถูกโจมตีอีกครั้ง หลัวช่าน้อยก็หมดแรงแทบจะนอนแผ่ไปกับพื้น แม้แต่ขยับนิ้วก็ยังไร้เรี่ยวแรง
เยี่ยนจิ่วเฉาค่อยๆ ลดมือลง ก้มมองมันและกล่าวว่า “พรุ่งนี้ค่อยต่อ”
อวี๋หวั่น “…”
อวี๋หวั่นเหลือบมองหลัวช่าน้อยอย่างเห็นอกเห็นใจและกล่าวว่า “ยัง…ยังต้องต่ออีกหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเสียงอืม ไม่อธิบายอะไรมากต่อหน้าหลัวช่าน้อย ก็จากไปด้วยสีหน้าเย็นชา
อวี๋หวั่นอุ้มหลัวช่าน้อยที่นอนแผ่อยู่บนพื้นขึ้นมา
“อ้อ” เยี่ยนจิ่วเฉาที่เดินไปถึงทางเดินนึกบางอย่างได้ พลันหยุดชะงักและกล่าวกับอวี๋หวั่นว่า “ช่วงนี้อย่าออกไปจากหมิงซานจะดีที่สุด”
อวี๋หวั่นกำลังจะเอ่ยปาก แต่หลัวช่าน้อยในอ้อมแขนกลับดึงแขนเสื้อ
หลัวช่าน้อยทำหน้าหงอย ราวกับกำลังบอกว่า เขารังแกข้า อย่าไปคุยกับเขา!
อวี๋หวั่นตลกขบขัน จิ้มปลายจมูกเล็กๆ ของมันแล้วกล่าวว่า “เขาเป็นคนดี ไม่มีทางทำร้ายเจ้า”
หลัวช่าน้อยจับมือของอวี๋หวั่นขึ้นมา ลูบแขนเล็กๆ ของตนเอง ราวกับกำลังฟ้องความผิดที่เยี่ยนจิ่วเฉากระทำ ดูสิเจ็บหมดแล้ว!
เจ้าเด็กคนนี้รู้จักออดอ้อนแล้วหรือ?
อวี๋หวั่นหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แม้เธอจะไม่รู้ว่า เหตุใดจู่ๆ เยี่ยนจิ่วเฉาถึงโจมตีหลัวช่าน้อย แต่เธอเชื่อว่าเขาต้องมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น อวี๋หวั่นปลอบโยนคนตัวเล็กในอ้อมแขน และยิ้มน้อยๆ ให้เยี่ยนจิ่วเฉา “ท่านไปเถอะ ข้ารู้แล้ว สองสามวันนี้ข้าจะไม่ออกจากวิหารเจาหยาง”
เช่นนี้เยี่ยนจิ่วเฉาถึงได้วางใจ ไปจำศีลทำสมาธิ
อีกด้านหนึ่ง ไข่ดำน้อยทั้งสามที่อยู่หลังพุ่มไม้เห็นฉากที่หลัวช่าน้อยถูกบิดา ‘ทำลายล้าง’ ก็อดน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหลัวช่าน้อยไม่ได้
“น้องชายแค่กินขนมของเราหมดเท่านั้น ท่านพ่อถึงกับทำร้ายมัน โหดร้ายเกินไปแล้ว!” เสี่ยวเป่ากอดแขนเล็กๆ กล่าวอย่างหมดความอดทนและเกินจริง
เอ้อร์เป่าก็กอดแขนเล็กๆ ของตนเช่นกัน ทำท่าทางราวกับความเจ็บปวดนั้นอยู่บนร่างกายของตน “น้องชายช่างน่าสงสาร พวกเราจะเลิกไม่สนใจน้องชายแล้ว!”
ต้าเป่าพยักหน้า สื่อความหมายว่าน้องชายถูกทำร้ายอย่างหนัก จะให้น้องชายกินอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
ด้วยเหตุนี้ เหล่าเด็กน้อยที่คิดเข้าข้างตัวเองจึงนำขนมกุ้ยฮวาที่พวกเขาเก็บไว้ออกไปตามหาหลัวช่าน้อยด้วยน้ำใจและเมตตา
ไม่เกินความคาดหมาย หลัวช่าน้อยที่ใช้กำลังภายในไปมากมายกินขนมกุ้ยฮวาจนหมดอีกครั้ง
เรือแห่งมิตรภาพพลิกล่มทันใด!
ปากเล็กของเอ้อร์เป่าเบะมุ่ย
เสี่ยวเป่ากล่าวว่า “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ท่านพ่อจะจัดการเขาอีก!”
วันรุ่งขึ้น เยี่ยนจิ่วเฉาก็มา ‘จัดการ’ หลัวช่าน้อยจริงๆ
หลัวช่าน้อยหวาดกลัวเยี่ยนจิ่วเฉาหัวหด สองมือจับแขนเสื้ออวี๋หวั่นแน่น ไม่ให้อวี๋หวั่นจากไปไหน
ตั้งแต่อวี๋หวั่นเป็นมารดา เธอก็ไม่อาจต้านทานเด็กตัวเล็กๆ เช่นนี้ เธอมองเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยสายตารักใคร่
“ไม่มีประโยชน์ที่จะอ้อนวอน” เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ให้โอกาสอวี๋หวั่นโปรยเสน่ห์ ยกมือปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักของอวี๋หวั่น และดึงตัวหลัวช่าน้อยในอ้อมแขนออกมาด้วยมืออีกข้าง
หลัวช่าน้อยโอดครวญ ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาโยนขึ้นฟ้า
วันนี้ เป็นวันแห่งการถูกข่มเหงรังแกอีกวัน!
แต่อวี๋หวั่นก็ต้องประหลาดใจ ที่พบว่าเมื่อเทียบกับเมื่อวานจำนวนครั้งที่หลัวช่าน้อยพลาดมีน้อยลง เมื่อวานในช่วงเวลาวิกฤติ มันใช้วิชาอายุวัฒนะสำเร็จสองครั้ง ทว่าวันนี้ทำได้ถึงสี่ครั้ง ท่าร่างก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นก่อนที่มันจะบาดเจ็บแล้ว
ขณะที่ราชาหลัวช่าผู้มีพลังฟื้นฟูแข็งแกร่งกว่า ยังคงนอนบนเตียงราวกับปลาแห้ง
ทว่าทักษะเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา หลัวช่าน้อยถูกทารุณอย่างน่าสังเวช
ยามที่อวี๋หวั่นอุ้มมันซึ่งเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวขึ้นมาในอ้อมแขน มันน้อยอกน้อยใจจนแทบจะร่ำไห้
มันไม่เพียงแต่เอาแขนเล็กๆ ให้อวี๋หวั่นดู ยังยื่นขาและหัวเล็กๆ ให้อวี๋หวั่นด้วย กระทั่งเปิดเสื้อของตนและชี้ไปที่ท้องซึ่งมีรอยแผล
“ข้ารู้ๆ เจ้ายังมีแผล เจ้าเจ็บมาก รังแกเจ้าเช่นนี้ เขาผิด” อวี๋หวั่นปลอบโยนมันด้วยความอดทน
หลัวช่าน้อยพยักหน้าน้อยอกน้อยใจ ยื่นก้นให้เยี่ยนจิ่วเฉา นอนถูอยู่ในอ้อมกอดของอวี๋หวั่น
ครึ่งหนึ่งของร่างกายหลัวช่าน้อยคือยาโลหิตของราชาหลัวช่า อีกครึ่งหนึ่งเป็นเน่ยตันของซือคงเย่ เดิมทีมันคือหลัวช่า มีพลังวิชาอสูรโลหิต ยาโลหิตของราชาหลัวช่าจะอยู่รอดและแข็งแกร่งง่ายขึ้นเมื่ออยู่ในร่างกายของมัน ตรงกันข้าม เน่ยตันครึ่งหนึ่งของซือคงเย่จะไม่ผสานกันรวดเร็วเช่นนั้น ในระยะสั้นอาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก ทว่าเมื่อผ่านวันเวลาไป มันยังไม่สามารถใช้เน่ยตันครึ่งหนึ่งนั้นได้ เน่ยตันก็จะกลายเป็นสื่อตันอีกดวง แม้ว่าจะไม่ถึงชีวิต ทว่าอาจทำให้ขอบเขตพลังของมันอยู่ในขั้นที่ไม่มีวันเลื่อนขึ้นได้อีกตลอดไป
แต่ซือคงเย่ให้เน่ยตันครึ่งหนึ่งไปแล้ว ไม่ควรเสียเปล่า
ความลำบากทั้งหมดในตอนนี้ วันหนึ่งในภายภาคหน้า จะรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว
แน่นอน เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำได้ยากยิ่ง หากแรงน้อยไปก็ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นศักยภาพของเน่ยตันครึ่งหนึ่งนั้นได้ แต่หากแรงมากไปก็อาจไปทำร้ายยาโลหิตอีกครึ่งหนึ่ง
เยี่ยนจิ่วเฉาดูเหมือนไม่ร้อนใจ แต่ความจริงทุกครั้งที่เขาออกแรงก็ใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
ถึงเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่เคยพูดออกมา
ตอนกลางวัน เยี่ยนจิ่วเฉาฝึกฝนหลัวช่าน้อย ตอนกลางคืน จำศีลฝีกฝนวิชาอายุวัฒนะ อวี๋หวั่นตั้งใจดูแลเด็กๆ นอกจากครรภ์ที่เคลื่อนไหวบ่อยขึ้น เธอก็ไม่มีเรื่องใดต้องกังวลอีกแล้ว
“ฮูหยิน ยามนี้ท่านสะดวกคุยหรือไม่?” อวี๋หวั่นกำลังจะอาบน้ำให้เด็กๆ เสียงรายงานที่น่าตกใจก็ดังขึ้นจากนอกประตู
อวี๋หวั่นมองเด็กๆ ที่กำลังรออาบน้ำ และพูดในใจ ดึกดื่นเช่นนี้ จิงหงมาหาเธอถึงห้องต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ แต่หากไม่อาบตอนนี้น้ำก็จะเย็น ขณะที่กำลังคิด ลูกศิษย์วิหารเจาหยางอีกคนก็มารายงานหน้าประตูว่า “ฮูหยิน ท่านปรมาจารย์บอกว่าหากท่านมีธุระก็ไปทำเถิด เขาจะดูแลเด็กๆ เอง แล้วก็ยังมีพวกเราด้วย ฮูหยินโปรดวางใจ”
ท่านตาทวดยังลุกจากเตียงไม่ไหว ให้เขาดูแลจะไม่ลำบากหรือ? แต่มีศิษย์ที่ชาญฉลาดเหล่านี้ก็ไม่เป็นปัญหา
“เข้าใจแล้ว” อวี๋หวั่นตอบตกลง และให้เหล่าศิษย์พาหลัวช่าน้อยและไข่ดำน้อยไปที่ห้องของซือคงเย่ ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ วันนี้ไม่เห็นว่าด้านหลังของหลัวช่าน้อยดูผอมบางอีกแล้ว?
อวี๋หวั่นไปหาจิงหงที่เรือน หลัวช่าน้อยและไข่ดำน้อยถูกเหล่าศิษย์พาไปที่ห้องของซืงคงเย่
ซือคงเย่และราชาหลัวช่ายังคง ‘นอน’ อยู่บนเตียง ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากเตียง
เมื่อเห็นเด็กๆ ของพวกเขา ทั้งคู่ก็ดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“สวัสดีท่านปรมาจารย์สกุลซือคง ท่านปรมาจารย์สกุลซาง” เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าเป็นตัวแทนกล่าวทักทายอย่างนุ่มนวล
ปรมาจารย์ทั้งสองกลอกตาใส่กันด้วยความรังเกียจ!
“จะอาบน้ำ” เอ้อร์เป่าจับหนังศีรษะที่เริ่มคัน วันนี้เล่นทรายมา เลอะเต็มหัว
ซือคงเย่รีบให้เหล่าศิษย์นำอ่างอาบน้ำมาใส่น้ำร้อน และพาเด็กน้อยทั้งสี่ลงไปในอ่าง
เด็กน้อยทั้งสี่อาบน้ำอย่างมีความสุข ศิษย์ที่รออยู่ด้านข้างหมายจะเดินไปเช็ดหยดน้ำบนร่างกายของพวกเขา แต่ซือคงเย่กลับโบกมือ “อุ้มมา!”
ศิษย์ตกตะลึงและตอบกลับว่า “…ขอรับ!”
ศิษย์อุ้มหลัวช่าน้อยและไข่ดำน้อยไปที่เตียงทีละคน จากนั้นซือคงเย่ก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดไข่ดำทั้งสามคน ทั้งสามมีหน้าตาเหมือนกัน ทันทีที่สติหลุดก็เช็ดตัวต้าเป่าสามรอบแล้ว
เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าจ้องมองเขาด้วยตัวที่เปียกปอน
“เอ่อ…อะแฮ่ม!” ซือคงเย่ตระหนักได้ก็กระแอมเบาๆ และจับเอ้อร์เป่ามาเช็ดสองรอบ
เสี่ยวเป่า “…”
แต่แม้ว่าจะเช็ดต้าเป่าสามครั้งและเอ้อร์เป่าสองครั้ง ตัวของพวกเขาก็ยังไม่แห้ง
“ก้นยังเปียกอยู่เลย!” เอ้อร์เป่ากล่าวทุกข์
ซือคงเย่มือไม้ลนลาน ยุ่งจนหัวหมุน ทว่าราชาหลัวช่ากลับสงบนิ่งกว่ามาก เขาไม่เพียงเช็ดตัวหลัวช่าน้อยจนแห้ง ยังสวมใส่เสื้อผ้าให้หลัวช่าน้อยด้วย แม้แต่หัวโล้นก็ถูกทายาจนเงาวาวเป็นประกาย!
ความสามารถในการเลี้ยงเด็กของราชาหลัวช่าดีขึ้นตั้งแต่เขามาที่หมิงตู แต่เพียงเท่านี้ซือคงเย่ก็ยังไล่ตามไม่ทัน
หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีการทำร้ายกัน ไข่ดำน้อยทั้งสามละทิ้งปรมาจารย์ของพวกเขาอย่างเด็ดขาด กำเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวไปพึ่งพาราชาหลัวช่า!
……………………