หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 466 หลัวช่าน้อยจอมโหด กวาดล้างสกุลซาง!
พวกซิวหลัวโลหิตที่ทำให้คนสกุลซือคงต้องทนทุกข์ยาก ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง กำลังภายในแข็งแกร่งเพียงใดไม่ต้องกล่าวถึง วิชาตัวเบายิ่งเป็นเลิศ เดิมทีพวกเขาไม่เห็นเจ้าหนูตัวจ้อยที่แม้กระทั่งลมหายใจของหลัวช่าโลหิตก็ยังไม่สมบูรณ์อยู่ในสายตา ไม่คาดคิดว่าเจ้าหนูตัวจ้อยนี้จะพุ่งโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว พวกเขาถูกชนจนกระเด็นออกไปทีละคน
นี่มันบุรุษตัวน้อยที่ใดกัน? กระบอกปืนน้อยชัดๆ!!!
บรรดาซิวหลัวโลหิตถูกชนกระเด็นเกลื่อนกลาด ฉากนั้นช่างน่าตื่นเต้นและน่าอนาถยิ่งนัก
ในที่สุดใบหน้าของประมุขซือคงก็เผยรู้สึกความโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก เขารู้ว่าไว้ใจปรมาจารย์ได้ หากเขาทำอย่างที่คิดในตอนแรก ลอบสังหารราชาหลัวช่า ยามนี้คนที่จะถูกเจ้าตัวจ้อยนี่โจมตีก็คงเป็นฝ่ายสกุลซือคงไปแล้ว
เมื่อมีคนสุข ย่อมต้องมีคนทุกข์
ขณะที่ประมุขซือคงแอบดีใจ สีหน้าของประมุขซางก็ยากจะดูได้ยิ่งนัก
หากบอกว่าการปรากฏตัวของเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายแล้ว เช่นนั้นการปรากฏตัวของหลัวช่าน้อยก็น่าประหลาดใจยิ่งกว่ามาก เดิมทีคิดว่าหากไม่มียาโลหิต เจ้าตัวเล็กนี้จะตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่คิดว่าคนของหมิงซานจะช่วยไว้ ไม่เพียงแต่รอดชีวิต ทว่ายังคล้ายกับมีทักษะสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย
หากรู้แต่แรก คงจัดการให้สิ้นซากไปเสียที่แม่น้ำแล้ว!
น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่มีถ้าหาก มีเพียงผลที่ตามมาและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
แต่…ก็มิใช่ว่าไม่มีโอกาสชนะ ไม่ใช่หรือ?
ประมุขซางมองดูการเคลื่อนไหวของหลัวช่าน้อย พบว่าแม้ท่าร่างของมันจะเร็วกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ทว่าลมหายใจหลัวช่าโลหิตที่ส่งผ่านร่างกายออกมากลับอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก หมายความว่ามันไม่ใช่หลัวช่าโลหิตที่สมบูรณ์อีกแล้ว ซิวหลัวโลหิตของเขาประเมินมันต่ำไป จึงไม่ระวังตัวและเข้าทางมัน แต่ขอเพียงพวกเขาตอบโต้กลับไปใหม่อีกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะฆ่ามันไม่ตาย!
“อย่าประมาทศัตรู!”
ประมุขซางตะโกนดุดัน เหล่าซิวหลัวโลหิตลุกขึ้นจากพื้นทันที พวกเขากุมอกที่เจ็บปวด มองเด็กชายร่างเล็กที่ทำให้พวกเขาเสียหน้าต่อหน้าทุกคน และแอบสาบานว่าจะฆ่ามันให้ได้!
ซิวหลัวโลหิตประมาทจริงๆ แต่ต่อจากนี้ไป ไม่มีทาง
ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังสูงสุด จ้องมองหลัวช่าน้อยที่อยู่ตรงกลางอย่างถมึงทึง
หลัวช่าน้อยแยกเขี้ยวขู่อย่างดุดัน พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาต่อ
แต่ทว่าคราวนี้ซิวหลัวโลหิตที่ยกระดับขอบเขตพลังจนถึงขีดสุด ไม่ได้ถูกมันบดขยี้อีกแล้ว พวกเขาใช้เพลงยุทธ์ประมือกับมันอย่างดุเดือด
ในตัวของหลัวช่าน้อยมียาโลหิตเพียงครึ่งเดียว พลังของยาโลหิตครึ่งหนึ่งนี้กระตุ้นไม่ถึงสิบเอ็ด ไม่นานลมหายใจหลัวช่าโลหิตของมันก็ถูกซิวหลัวโลหิตของสกุลซางกดลงไป
“เหตุใด…จึงเป็นเช่นนี้ได้?” เรียวคิ้วของประมุขซือคงที่คลายออกได้ในที่สุดก็ขมวดเป็นปมอีกครั้ง
ซือคงฉางเฟิงครุ่นคิดและกล่าวว่า “มันเป็นเพียงครึ่งหลัวช่าโลหิต ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้น”
สีหน้าของประมุขซือคงเปลี่ยนไป “เช่นนั้น…ทำอย่างไรดี?”
ซือคงฉางเฟิงไม่ตอบ เขาหันชำเลืองมองเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งอยู่ด้านบน เขาใช้มือข้างหนึ่งหนุนหัวนอนตะแคงอยู่บนเกี้ยวอย่างเฉยเมย สีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ราวกับมิได้กังวลในสถานการณ์ที่ยากลำบากของหลัวช่าน้อย
“ไม่ต้องกังวล” ซือคงฉางเฟิงกล่าว
“ไม่กังวล?” ประมุขซือคงมองบุตรชายผู้นี้ด้วยความประหลาดใจ “นี่มันเวลาใดแล้ว หลัวช่าน้อยกำลังจะพ่ายแพ้! และเมื่อแพ้แล้ว ต่อไปก็คือพวกเรา!”
ซือคงฉางเฟิงเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งเป็นเหมือนเชื้อพระวงศ์มากกว่าเขา ไม่รู้ว่ากินน้ำส้มสายชูหรืออะไร จึงกล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “ฟ้าจะร่วงลงมา ยังมีเกราะกำบังอีกหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาทำเหมือนไม่ได้ยินวาจาหยาบคายของซือคงฉางเฟิง ดังนั้นเขาจึงมองไปที่หลัวช่าน้อยที่พยายามหลบหนีจากการถูกไล่ล่าของซิวหลัวโลหิตอย่างสงบนิ่ง
“จีลิกวาลากวาลาจียา!” กำลังภายในหนึ่งเกือบโจมตีถูกหัวของหลัวช่าน้อย หลัวช่าน้อยกรีดร้องด้วยความตกใจ!
มันพุ่งไปหาเยี่ยนจิ่วเฉาและพยายามกระโจนเข้าไปในอ้อมแขน แต่ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่รู้สึกรู้สา เพียงแค่ปัดแขนเสื้อเบาๆ ส่งมันกลับเข้าสู่เงื้อมมือของซิวหลัวโลหิต
“จี จี จี จี จี ยา!” หลัวช่าน้อยหวาดกลัวขนลุกขนพอง!!!
ซิวหลัวโลหิตระเบิดกำลังภายในอันน่าสะพรึงกลัว เป็นกลุ่มก้อนพลังโจมตีหลัวช่าน้อย!
“จี จี จี จี จี จี จี จี!” หลัวช่าน้อยแทบบ้าคลั่ง!
ซิวหลัวโลหิตนับสิบตนใช้กำลังภายในทั้งหมดพุ่งโจมตีหลัวช่าน้อย ถึงฟ้าผ่าหมื่นสายก็ยังไม่เลวร้ายเช่นนี้ หัวใจของประมุขซือคงเต้นขึ้นมาถึงลำคอ แม้แต่ซือคงฉางเฟิง ผู้ที่แสร้งทำเป็นสงบนิ่งมาตลอดก็ไม่อาจทนได้ เขาชักดาบในมือออกมา
เขารู้ดีว่าสำหรับอวี๋หวั่น หลัวช่าน้อยมีความหมายเช่นไร หากทำได้ ถึงต้องใช้ชีวิตของตน เขาก็จะช่วยหลัวช่าน้อยออกมาจากเงื้อมมือซิวหลัวโลหิตกลุ่มนี้
ขณะที่หลัวช่าน้อยกำลังจะถูกรุมสังหาร ร่างของหลัวช่าน้อยก็ปล่อยลมหายใจอันเย็นเยียบออกมา
สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
ดวงตาประมุขซือคงเบิกโพลง “นี่…นี่มัน…”
“วิชาอายุวัฒนะ!” ซือคงฉางเฟิงกล่าวอย่างเหลือเชื่อ
“เขาใช้วิชาอายุวัฒนะได้อย่างไร?” ประมุขซางซวนเซถอยหลัง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ วิชาอายุวัฒนะสยบพลังของหลัวช่าโลหิต แม้ในยามจำเป็นจะสามารถช่วยหล่อเลี้ยงรักษาหลัวช่าโลหิต ทว่าไม่เคยได้ยินว่าในตัวของคนคนหนึ่งจะสามารถปรากฏวิชาทั้งสองพร้อมกันได้ ไม่ว่าราชาหลัวช่าก็ดี หรือปรมาจารย์สกุลซางก็ดี ล้วนไม่อาจทำได้!
“หรือว่า…” ทันใดนั้นประมุขซางก็คล้ายกับเข้าใจอะไรบางอย่าง และมองไปที่หลัวช่าน้อยที่ถูกกลุ่มซิวหลัวโลหิตล้อมไว้ หลังจากวิชาอายุวัฒนะถูกปลุกขึ้นมา ซิวหลัวโลหิตก็ถูกควบคุมไว้ในทันที
“เป็นไปไม่ได้…ซือคงเย่หลงใหลในการต่อสู้ยิ่งกว่าซางชิวหาน เขาจะละทิ้งเน่ยตันครึ่งหนึ่งเพื่อรักษาหลัวช่าน้อยได้อย่างไร? นี่จะไม่เป็นการทำลายพลังทั้งครึ่งชีวิตของเขาไปหรอกหรือ?” ประมุขซางใช้ใจตนวัดใจคนอื่น อย่างไรก็ไม่เชื่อว่าซือคงเย่จะทำสิ่งที่น่าตกใจเช่นนี้ แต่ต่อให้ไม่เชื่ออย่างไร ทุกอย่างก็ปรากฏตรงหน้าแล้ว
ยามที่เยี่ยนจิ่วเฉากระตุ้นพลังของหลัวช่าน้อย สิ่งที่ใช้ก็คือวิชาอายุวัฒนะ แต่วิชาอายุวัฒนะก็ยากที่จะชักนำให้เกิดวิชาอายุวัฒนะได้ สิ่งที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นวิชาอสูรโลหิต ทว่าการต่อสู้กับซิวหลัวโลหิตนั้นแตกต่างกัน
นี่เป็นสัญชาตญาณที่สรรพสิ่งส่งผลกระทบเชื่อมโยงกัน ในการต่อสู้กับวิชาอสูรโลหิต วิชาอายุวัฒนะอดไม่ได้ที่จะสำแดงฤทธิ์ออกมา ในช่วงแรกเริ่มหลัวช่าน้อยทำได้เพียงไม่กี่ครั้ง จนถึงสิบครั้งสุดท้าย มีเจ็ดถึงแปดครั้งที่สามารถใช้วิชาอายุวัฒนะได้สำเร็จ
ความก้าวหน้านี้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
หลังจากใช้ฝ่ามือตบซิวหลัวโลหิตคนหนึ่งกระเด็น หลัวช่าน้อยก็แวบไปอยู่ต่อหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา เอียงศีรษะกะพริบตามองเขา ราวกับว่ากำลังรอคำชม
เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว
วินาทีถัดมา ก็เห็นหลัวช่าน้อยถูกซิวหลัวโลหิตตนหนึ่งลอบจู่โจมจนกระเด็นออกไป
หลัวช่าน้อยตาเหลือกลิ้นห้อย!
หลัวช่าน้อยเหาะขึ้นไป เปลี่ยนจากผู้เสียเปรียบเป็นได้เปรียบ ทุบซิวหลัวโลหิตที่ลอบโจมตีตนกลายเป็นเศษเนื้อ!!!
การเคลื่อนไหวของมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ มันแวบผ่านฝูงยอดฝีมือสกุลซางรวดเร็วดั่งสายฟ้า ทุกครั้งที่เคลื่อนผ่าน จะมีซิวหลัวโลหิตตนหนึ่งที่ล้มลง
เมื่อล้มลงตนหนึ่ง มันก็แวบตนมาโอ้อวดต่อหน้าเยี่ยนจิ่วเฉาครั้งหนึ่ง
สายฟ้าน้อยๆ นี้ทำให้เยี่ยนจิ่วเฉามองจนปวดตา ขณะมันมาปรากฏต่อหน้าเขาไม่รู้ครั้งที่เท่าไร ก็ยกมือเรียวยาวดั่งหยกขึ้นมาคว้าตัวหลัวช่าน้อยอย่างแผ่วเบา
บรรดายอดฝีมือสกุลซางแทบจะคุกเข่า พวกเขาทั้งกลุ่มยังล้อมมันไว้ไม่ได้ เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงจับมันได้เสียดื้อๆ?
ปกหลังเสื้อของหลัวช่าน้อยถูกเยี่ยนจิ่วเฉาดึงขึ้น มันมองเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยแววตาบ้องแบ๊วน่ารัก
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างรังเกียจ “เลิกวิ่งไปมาได้แล้ว ข้าเวียนหัว ตัวการอยู่นั่น เจ้าอย่ามัวแต่ฝึกฝน ปล่อยให้เขาหนีไปละ”
ประมุขซางที่กำลังหลบหนีไปอย่างเงียบๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้สันหลังพลันแข็งทื่อ!
หลัวช่าน้อยแยกเขี้ยวอย่างดุดัน พุ่งเข้าหาเขา!
ประมุขซางถูกกระแทกล้มลงกับพื้น!
เขาใช้ยาอายุวัฒนะจำนวนมากเพิ่มพลัง ขอบเขตพลังจึงสูงกว่าประมุขซือคงไม่น้อย ทว่าหากจะต่อกรหลัวช่าน้อยที่อาฆาตพยาบาทเขา ก็ยังนับว่าด้อยอยู่
หลัวช่าน้อยคว้าคอเสื้อของเขาเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างโหดเหี้ยม!
ได้ยินเสียงดังกร๊อบ กระดูกขาของประมุขซางหัก
แค่นี้ยังไม่พอ หลัวช่าน้อยยังเตะเขาอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี เช่นเดียวกับยามที่เขาเตะตนที่ริมลำธาร
เมื่อเท้านั้นเตะลงไป กระดูกซี่โครงของประมุขซางก็หัก เขากลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด
วิธีที่ไม่ใช้กำลังภายในเช่นนี้ทรมานคนที่สุด ประมุขซือคงเจ็บปวดแทนเขา
หลัวช่าน้อยยกเท้าขึ้นอีกครั้งและเล็งไปที่จุดตันเถียนของเขา——
มันจะบดขยี้เน่ยตันของเขา!
ผู้ใดจะคาดคิดว่า เท้าเล็กๆ ของหลัวช่าน้อยเหยียบอยู่บนท้องของเขาแล้ว ทว่ากลับไม่บดขยี้ หลัวช่าน้อยเหลือบมองท้องของเขาด้วยความประหลาดใจ
ในตอนนี้เอง ซือคงฉางเฟิงก็ตะโกนดังลั่น “แย่แล้ว! หนีไป!”
ประมุขซางที่ตายไปครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ร่างกายก็สั่นระริก วินาทีถัดมา เขาลืมตา นัยน์ตากลายเป็นสีแดงเลือด ร่างกายตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายคาวเลือดรุนแรง กำลังภายในอันทรงพลังระเบิดออกจากจุดตันเถียน ปะทะหลัวช่าน้อยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง!
หลัวช่าน้อยกรีดร้อง หกคะเมนกลางอากาศ กระโดดกลับไปด้านหลังเยี่ยนจิ่วเฉาและโผล่หัวกลมเล็กออกมา มองประมุขซางที่ลมปราณพวยพุ่งออกมาด้วยความหวาดกลัว
……………………