หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 492 ความจริงของเผ่าพ่อมด
เมื่ออวี๋หวั่นได้ยินว่าราชินีแม่มด เธอก็ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง แต่จากนั้นเธอเข้าใจได้ทันที บนโลกนี้มีราชาพ่อมด ก็ไม่แปลกที่จะมีราชินีแม่มด ส่วนเรื่องที่ว่าราชินีแม่มดมีฐานะอะไรนั้น ชายหนุ่มผู้นี้ได้แถลงไขให้พวกเขาฟังเรียบร้อยแล้ว
โชคดีที่เขามีหนอนพิษอยู่ในตัว ให้เขาพูดอะไร เขาก็ต้องพูด
จากคำพูดของเขา อวี๋หวั่นจึงได้รู้เรื่องที่ต๋าหว่าไม่เคยสืบมาก่อน
เมื่อพันปีก่อน ในยุคทองของเผ่าพ่อมด ราชาพ่อมดนั้นมีอยู่ทุกที่ ไม่ต่างอะไรกับบุปผาชาติ ในตอนนั้นราชาพ่อมดมิได้นับว่ามีค่า หากกล่าวเช่นนี้ก็อาจคล้ายกับการดูหมิ่นพวกเขา แต่ความจริงเป็นเช่นนั้น ราชาพ่อมดในเวลานั้นเป็นเครื่องชี้วัดตระกูลใหญ่ ตระกูลใดไม่มีราชาพ่อมดสักคนสองคน ก็อาจหลุดจากการจัดอันดับผู้ครองบัลลังก์จักรพรรดิพ่อมดของเผ่า น่าเสียดาย ด้วยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับการสืบทอดบัลลังก์ จึงไม่หลงเหลือจักรพรรดิพ่อมดอีกต่อไป ตราบจนทุกวันนี้ แม้แต่ระดับของราชาพ่อมด ก็ยังมีพ่อมดเพียงหยิบมือเดียวที่ฝึกฝนสำเร็จ
ราชาพ่อมดเป็นสิ่งที่สูงส่งและควรค่าแก่การเคารพในเผ่าพ่อมด จึงได้ครอบครองทั้งเผ่าพ่อมด ตำแหน่งราชาเผ่าพ่อมดนั้นไม่ได้สืบทอดกันทางสายเลือด เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นบุตรชายของราชาพ่อมด ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรัชทายาท เขาจำต้องเป็นราชาพ่อมด ไม่เช่นนั้นก็จะมีราชาพ่อมดคนอื่นมายึดบัลลังก์แทน
ถ้าหากราชาพ่อมดคนก่อนหน้าล่วงลับไป และยังไม่มีราชาพ่อมดคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นในเผ่า ก็จะให้สภาอาวุโสในเผ่ามาปกครองเป็นการชั่วคราว
เมื่อเอ่ยถึงสภาอาวุโส ก็จำเป็นต้องเอ่ยถึงราชินีแม่มดท่านนี้
ท่านปู่ของนางเป็นผู้อาวุโสที่สุดในเผ่าพ่อมด ในระยะเวลายี่สิบปีภายใต้ความดูแลของท่านปู่ของนาง ก็ยังไม่มีราชาพ่อมดปรากฏตัวขึ้นในเผ่า นางเกิดมาเพียบพร้อมทุกประการ กอปรกับตำแหน่งราชาพ่อมดสามารถเปลี่ยนได้ แต่สภาอาวุโสกลับรุ่งเรืองไม่ถดถอย นั่นทำให้นางได้รับการเชิดชูเป็นอย่างมาก ภายหลังราชาพ่อมดปรากฏตัว นางจึงแต่งงานกับราชาพ่อมด ผู้คนต่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่ก็สมเหตุสมผล
พวกเขานับว่าเป็นคู่ฟ้าประทาน ทุกคนล้วนเห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานในครั้งนี้ หลังแต่งงาน ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเมื่อสิบปีก่อนจะมีแม่มดคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเผ่า
ในเผ่าพ่อมด สตรีที่ฝึกวิชาจนสำเร็จเป็นแม่มดได้นั้นมีไม่มาก พวกนางถูกเรียกว่าแม่มด ราชินีแม่มดก็เป็นแม่มดคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นแม่มดที่มีพลังในระดับเทียนเสียด้วย หากไม่เป็นเช่นนั้น ในตอนที่นางแต่งงานกับราชาพ่อมด คงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในเผ่ามากถึงเพียงนี้
แม่มดคนนั้นเป็นคนนอกเผ่า ว่ากันว่าเดินทางมาจากประเทศมรกต ทุกคนล้วนรู้ดีว่าสภาวการณ์ในดินแดนพ่อมดเป็นอย่างไร เหล่าพ่อมดแม่มดล้วนแต่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ผู้ที่มีความสามารถมากพอต่างหลบหนีกันออกมา
หลังจากที่แม่มดเข้ามาในเผ่า ก็ถูกเลือกเข้าไปเป็นนางกำนัลในวังหลวง เดิมทีนางถูกคัดเลือกให้มาอยู่ข้างกายราชินีแม่มด แต่กลับไปเข้าตาราชาพ่อมดเสียก่อน
เรื่องราวต่อจากนั้นก็หนีไม่พ้นบทนิยายน้ำเน่า ราชาพ่อมดและแม่มดผู้นั้นตกหลุมรักกันแต่แรกเห็น ต่างฝ่ายต่างสานสัมพันธ์กัน จนแม่มดตั้งท้องทารกที่เกิดจากความรักของพวกเขา
หากจะถามว่าราชินีแม่มดมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร แน่นอนว่านางย่อมต้องการสังหารสตรีคนนั้น และสวรรค์ก็เข้าข้างราชินีแม่มด เพราะนางไปรู้ความลับของสตรีคนนั้นเข้า ว่านางเป็นสายลับที่เผ่าศักดิ์สิทธิ์ส่งมา!
นางปลอมตัวเข้ามาเป็นแม่มด ทว่าแท้จริงแล้วนางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง!
ในท้องของสตรีศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งมีลูกของราชาพ่อมดอยู่ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าขันเสียยิ่งกระไร!
จากเรื่องเล่าของเผ่าพ่อมด ราชาพ่อมดได้สังหารสตรีคนนั้น พร้อมกับลูกในท้องของนาง กระนั้นจากข้อมูลที่อวี๋หวั่นเข้าใจในตอนนี้ บุตรชายของนางยังไม่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือมีความเป็นไปได้สูงที่โจวจิ่นจะเป็นเด็กคนนั้น
อวี๋หวั่นอยากถามมากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่พิษของหนอนพิษได้สลายไปแล้ว
โชคดีที่เธอถามเรื่องที่สำคัญที่สุดไปแล้ว เรื่องอื่นๆ ค่อยไปสืบความเอาก็ยังไม่สาย
ต๋าหว่ามองไปยังคนเผ่าพ่อมดซึ่งถูกบังคับให้พูดออกมาเสียแทบหมดเปลือก แล้วพึมพำอย่างเหลือเชื่อว่า “เหตุใดตอนนั้นพวกเจ้าไม่ปล่อยหนอนพิษใส่ข้า”
แถมยังถามเขาตรงๆ หรือเขาดูไม่แข็งแกร่งเท่าคนเผ่าพ่อมดผู้นี้
“จะจัดการเขาอย่างไรดี” อิ่งลิ่วเอ่ยถาม
ต๋าหว่าตอบโดยไม่หยุดคิดว่า “ก็ต้องจับเขาไว้ ให้เขาพาไปยังเผ่าพ่อมด เหมือนกับคราวก่อนที่พวกเจ้าจับข้า!”
เยี่ยนจิ่วเฉากลับเอ่ยขึ้นว่า “ฆ่าเสีย ส่วนเจ้า ปลอมเป็นเขา”
ต๋าหว่า “…”
ปรมาจารย์พิษคนนี้น่ากลัวกว่าเขาหรืออย่างไร?! เขาดูไร้พิษสงขนาดนั้นเชียวหรือ?
หา?!
สุดท้ายแล้ว คนผู้นั้นก็ถูกสังหาร ต๋าหว่าซึ่งสาบานว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาก็อาจเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับเขาได้ ต๋าหว่ามองตนเองในกระจก ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าชีวิตคนเราช่างน่าเศร้าเหลือเกิน…
เวลาไม่เคยคอยท่าใคร ทุกคนก็เริ่มเก็บข้าวของ วางแผนว่าจะออกเดินทางในคืนนี้
ตอนที่พวกเขาถามคนเผ่าพ่อมด โจวจิ่นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่มู่ชิงกับโจวอวี่เยี่ยนอยู่ ทั้งสองคนรู้สึกหดหู่กับชีวิตของศิษย์น้องเล็ก ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ออกไป แต่อวี๋หวั่นกลับรู้สึกว่าไม่ควรปิดบังโจวจิ่น
โจวจิ่นไม่ใช่เด็กทั่วไป เขามีสายเลือดของทั้งเผ่าพ่อมดและเผ่าศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นคนพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียว ส่วนเรื่องรักสามเส้าของราชาพ่อมด แม่มด และราชินีแม่มดนั้นล้วนแต่ไม่ใช่ความผิดของโจวจิ่น เขาไม่รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยสักหน่อย เขาไม่ควรถูกทอดทิ้งหรือถูกกำจัด
อวี๋หวั่นไปยังห้องของโจวจิ่น
โจวจิ่นคล้ายกับจะรู้ล่วงหน้าว่าอวี๋หวั่นมาหาตนเพราะเรื่องอะไร เขาเงียบกว่าปกติ ร่างกายอันอ่อนแรงนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง แสงนวลของดวงจันทร์ส่องเข้ามาลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์ สะท้อนดวงตาใสดุจทะเลสาบของเขา
“คนของเผ่าพ่อมดมาที่นี่” อวี๋หวั่นบอก
“อื้ม” โจวจิ่นพยักหน้า
อวี๋หวั่นเข้ามาข้างกายของเขา พร้อมกับยกมือขึ้นมาจับหัวไหล่ของเขา “ท่านพ่อของเจ้าเป็นราชาพ่อมด เรื่องนี้ยืนยันแล้ว”
“อื้ม” โจวจิ่นพยักหน้าอีกครั้ง
“แต่ท่านแม่ของเจ้า ไม่ได้เป็นแม่มด” อวี๋หวั่นพูดตามตรง
“อื้ม” โจวจิ่นพยักหน้าหงึกๆ
คำตอบเช่นนี้นับว่ามีเหตุผล พ่อของโจวจิ่นเป็นราชาพ่อมด ถ้าหากแม่ของเขาเป็นราชินีแม่มด เขาย่อมไม่มีทางกลายเป็นเด็กที่ถูกทิ้งเช่นนี้หรอก
อวี๋หวั่นเห็นปฏิกิริยาของเขาก็เดาได้แต่แรกแล้วว่า เด็กคนนี้ฉลาดเฉลียวจนทำให้เธอรู้สึกปวดใจ
“เช่นนั้นท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” โจวจิ่นถามขึ้น
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ข้าไม่รู้” จากข้อมูลของเผ่าพ่อมด ราชาพ่อมดกำจัดสองแม่ลูกไปแล้ว แต่ในเมื่อโจวจิ่นยังมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านแม่ของเขาจะถูกราชาพ่อมดพาไปซ่อนไว้ที่ใด?
อวี๋หวั่นพูดอีกว่า “ตอนนี้พวกเรามีป้ายคำสั่งของเผ่าพ่อมด และมีวิธีเข้าใกล้ราชาพ่อมดแล้ว เจ้าจะไม่ไปเผ่าพ่อมดกับพวกเราก็ได้”
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาต้องการตัวโจวจิ่น หนึ่งก็เพราะเขาเป็นพ่อมดใหญ่ สามารถพาพวกเขาเข้าไปในเผ่าพ่อมดได้ และโจวจิ่นมีความเกี่ยวข้องกับราชาพ่อมด ก็จะช่วยให้พวกเขาเข้าใกล้ราชาพ่อมดเข้าไปอีก กระนั้นแล้ว ในตอนนี้พวกเขามี ‘ตัวแทน’ สามารถเดินตามแผนการของราชินีแม่มด และไม่จำเป็นต้องให้โจวจิ่นไปเสี่ยงอันตราย
“ข้าจะไปเผ่าพ่อมด”
อวี๋หวั่นจ้องมองเขาครู่หนึ่ง
โจวจิ่นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่ “ในเมื่อราชินีแม่มดต้องการสังหารลูกของเขา แสดงว่าความสัมพันธ์ของเขากับราชินีแม่มดย่อมไม่ได้ดีนัก พวกท่านทำตามแผนของนาง อาจไม่ได้สิ่งที่กำลังตามหา”
“เจ้ารู้หรือว่าพวกข้ากำลังตามหาของอยู่?” อวี๋หวั่นจำไม่ได้ว่าตนเคยเล่าให้เจ้าตัวเล็กนี่ฟังว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่สบาย
“ข้าเดา” โจวจิ่นพูด “พวกท่านรีบร้อนตามหาราชาพ่อมด ไม่ใช่เพื่อแก้แค้น พวกท่านดูไม่เหมือนคนพวกนั้น”
ในเมื่อไม่ได้แก้แค้น เช่นนั้นก็ต้องการบางอย่าง
เด็กคนนี้ มองได้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ
ทุกครั้งที่อวี๋หวั่นมองเขา เธอจะรู้สึกปวดใจเสมอ ความรู้สึกนี้ทำให้เธอนึกถึงหลัวช่าน้อยในหมิงตู พวกเขาล้วนเป็นเด็กที่ทำให้เธอรู้สึกปวดใจ แต่เป็นความปวดใจที่ต่างกัน สำหรับหลัวช่าน้อยนั้นเธอรู้สึกกังวล ทว่าโจวจิ่นนั้นทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจ แม้จะไม่ได้เป็นความรู้สึกที่รุนแรง แต่ก็ทิ่มแทงใจของเธออยู่ตลอด
ทันใดนั้นเอง หน้าท้องของอวี๋หวั่นก็ขยับ
ก่อนหน้านี้โจวจิ่นไม่ได้สนใจหน้าท้องของอวี๋หวั่น แต่ครั้งนี้หน้าท้องของเธอเคลื่อนไหวรุนแรง เขาจะไม่สนใจก็คงยาก สายตาของเขาจึงเบนจากใบหน้าของอวี๋หวั่นไปยังท้องของเธอ
อวี๋หวั่นก้มหน้าลงด้วยความขบขัน เธอลูบหน้าท้องเบาๆ “หกเดือนแล้ว ดื้อน่าดู”
ทันทีที่พูดจบ ท้องของอวี๋หวั่นก็คล้ายกับจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงขยับอีกครั้ง
“หืม” อวี๋หวั่นหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง
ลูกบ้านไหนอายุแค่หกเดือนแต่แรงมากถึงเพียงนี้?
“ข้า…ข้าขอจับได้ไหม?” โจวจิ่นถามด้วยความงงงวย ทันทีที่พูดออกไป เขาก็ตระหนักได้ว่าตนเองถามคำถามไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ว่ากันว่าบุรุษและสตรีหลังจากอายุเจ็ดขวบไม่ควรใกล้ชิดกัน เขาอายุเก้าขวบแล้ว จะไปแตะหน้าท้องสตรีสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น เก้าขวบ ก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง อวี๋หวั่นจับมือเล็กเย็นเฉียบของเขามา แล้ววางไว้บนหน้าท้องของตน
เจ้าตัวเล็กในท้องขยับอีกครั้ง
“โอ้!” โจวจิ่นสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวใต้ฝ่ามือของตน ดวงตาของเขาเบิกกว้าง กะพริบตาปริบๆ ความรู้สึก
มหัศจรรย์แล่นปราดในใจของเขา
โจวจิ่นมีสีหน้าประหลาดใจ
“นางจะออกมาดูโลกอย่างปลอดภัย” ผ่านไปเนิ่นนาน กว่าโจวจิ่นจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่คำมงคลทั่วไป หากแต่เป็นคำอวยพรและคำทำนายของพ่อมด
…………………….