หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 498 ความจริงของราชาศักดิ์สิทธิ์!
อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาลอบออกมาจากตำหนักของราชินีแม่มด แล้วลอบเข้าไปยังตำหนักของราชาพ่อมดทางประตูด้านข้าง
ตำหนักราชาพ่อมดอบอวลไปด้วยกลิ่นของยา บ่าวในตำหนักไม่มีอำนาจในการสั่งยา เพราะฉะนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นผู้ควบคุมอาการป่วยของราชาพ่อมด
ทั้งสองเดินไปตามกลิ่นของยา พวกเขาหาห้องนอนของราชาพ่อมดอย่างมิได้ลำบากเท่าไรนัก
ราชินีแม่มดพาต๋าหว่าและโจวจิ่นออกไปแล้ว โดยรอบห้องนอนมียอดฝีมืออยู่เพียงไม่กี่คน แต่เยี่ยนจิ่วเฉาก็หลบหลีกมาได้ทั้งหมด
ประตูใหญ่ของห้องนอนไม่ได้ลงกลอน อวี๋หวั่นยื่นหน้าเข้าไปมอง เมื่อเห็นว่าในห้องนั้นว่างเปล่า จึงจะผลักประตูเดินเข้าไป แต่กลับถูกเยี่ยนจิ่วเฉาหยุดไว้เสียก่อน
เยี่ยนจิ่วเฉาส่งสายตาให้เธอ
อวี๋หวั่นเข้าใจในทันใด เธอจึงดึงมือกลับมา ส่วนตนเองถอยไปอยู่ด้านหลังของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาขยับปลายนิ้วเล็กน้อย พลังภายในเย็นเฉียบสายหนึ่งก็พุ่งผ่านม่านไป และตรงสะกดจุดของสาวกหญิง
ภาพตรงหน้าของสาวกหญิงดับวูบ แล้วล้มลงบนพื้น
ในตอนนั้นเยี่ยนจิ่วเฉาจึงค่อยพาอวี๋หวั่นเดินเข้าไป
ในห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีบ่าวคนอื่นๆ และปราศจากการประดับประดา มีเพียงเสาสูงต้นหนึ่ง และโต๊ะสำหรับตั้งเชิงเทียนเพียงไม่กี่ตัว ทั้งหมดล้วนแต่สลักสัญลักษณ์โบราณ แสงสลัวดูลึกลับ ทำให้อดรู้สึกกลัวไม่ได้
พื้นและคานของห้องนอนล้วนทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง พันปีไม่ผุพัง
อวี๋หวั่นย่องเขาไปโดยอัตโนมัติ
“ราชาพ่อมดอยู่ด้านหลังหรือ?” อวี๋หวั่นจูงมือเยี่ยนจิ่นเฉา หยุดอยู่ที่ด้านหน้าม่าน
สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาจับจ้องไปยังผ้าม่าน เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่สะบัดแขนเสื้อ ผ้าม่านตรงหน้าก็หล่นลงมา เผยให้เห็นสาวกหญิงซึ่งล้มหมดสติอยู่บนพื้น รวมไปถึงราชาพ่อมดซึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียง
อวี๋หวั่นตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น และแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะสาวกหญิงที่นอนอยู่
เตียงกว้างใหญ่ แต่สภาพกลับโกโรโกโสกว่าปกติ มีโซ่ห้อยลงมาจากเสาทั้งสี่ด้าน ล่ามอยู่กับขาของบุรุษ
ผู้อ่อนแอ
บุรุษคนนั้นผมสีขาวโพลน ใบหน้าซีดเผือด ใบหน้าตอบ ร่างกายผ่ายผอม มือข้างหนึ่งที่โผล่มาจากผ้าห่มนั้นเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ เรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือใบหน้า ลำคอ และมือของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลจากยาพิษ เขาดูคล้ายกับกำลังหลับ ไม่ได้เอ่ยปากพูด กระนั้นอวี๋หวั่นเพียงมองเช่นนี้ ก็สัมผัสได้ว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอยูตลอด
อวี๋หวั่นเค้นกำปั้นแน่น
เยี่ยนจิ่วเฉาเสียใจที่ปล่อยให้อวี๋หวั่นเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า หากรู้แต่แรกว่าราชาพ่อมดจะมีสภาพอเนจอนาถเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ปล่อยม่านลงมา
เยี่ยนจิ่วเฉาคิดจะแขวนม่านกลับที่เดิม แต่ในครั้งนี้ อวี๋หวั่นดึงมือของเขาไว้
“ไม่จำเป็น” อวี๋หวั่นพูด เธอสูดหายใจลึก ลำคอของเธอขยับเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ข้าเป็นหมอ ข้าไม่เป็นไร”
คำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อปลอบตนเองหรือปลอบเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาจึงสะบัดแขนเสื้อ แขวนม่านกลับขึ้นที่เดิม
อวี๋หวั่นเสแสร้งไม่ไหวอีกต่อไป เธอก้มหน้า จับมือของเยี่ยนจิ่วเฉาไว้ แล้วเอ่ยถามเสียงค่อยว่า “นี่คือราชาพ่อมดหรือ? โจวจิ่นเห็นสภาพเช่นนี้ของเขาแล้วหรือ?”
ในเมื่อราชินีแม่มดพาโจวจิ่นมา เช่นนั้นเขาก็คงได้เห็นแล้ว แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่ได้พูดออกไป แต่สายตาของเขานั้นเป็นคำตอบเรียบร้อยแล้ว
อวี๋หวั่นกดหน้าอกไว้ “ทำไมเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้”
“พลังย้อนกลับ” เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองม่านผืนตรงหน้า
“พลังย้อนกลับอะไรหรือ?” อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
“พลังเวทย้อนกลับ” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
อวี๋หวั่นเงียบไปชั่วขณะ เธอคล้ายกับจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามว่า “เขาทำอะไร ทำไมถึงพลังเวทย้อนกลับ”
นัยน์ตาของเยี่ยนจิ่วเฉายังคงนิ่งอยู่เช่นนั้น “เรื่องนี้ต้องถามเขาเอง”
ระดับพลังเวทของพ่อมดยิ่งสูง พลังที่สามารถใช้ได้ก็จะยิ่งมาก และยิ่งใช้พลังมาก ก็จะต้องรับพลังย้อนกลับที่มากตามไปด้วย นั่นคือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดร่างกายของพวกเขาจึงอ่อนแอกว่าคนทั่วไป
พ่อมดดำบางคนถ่ายทอดพลังเวทย้อนกลับให้ผู้อื่น เพื่อป้องกันร่างกายตนเองอ่อนแอ แต่พ่อมดขาวกลับทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นไม่ได้
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับพลังย้อนกลับจะมีอาการหนักเช่นนี้ พลังย้อนกลับส่วนใหญ่จะไม่มีผลกระทบต่อร่างกายเท่าไรนัก พักฟื้นสองสามวันร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมา กระนั้นแล้วเมื่อดูจากอาการของราชาพ่อมด ก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ
“เรื่องผิดธรรมชาติ?” อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “เป็นเรื่องผิดธรรมชาติอะไร? หรือว่า…”
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า “โจวจิ่น”
อวี๋หวั่นพูดไม่ออก
เป็นเพราะโจวจิ่น ที่ราชาพ่อมดมีสภาพเช่นนี้ก็เพราะโจวจิ่น…
เพราะอะไร
“เจ้าคงจำได้ใช่ไหมว่าแม่ของโจวจิ่นเป็นใคร?” เยี่ยนจิ่วเฉามองออกว่าอวี๋หวั่นกำลังสับสน
อวี๋หวั่นพึมพำว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์”
เยี่ยนจิ่วเฉามองออกไปยังลานด้านหน้าตำหนัก “เจ้าเห็นดอกไม้สีม่วงหน้าตำหนักหรือไม่?” เยี่ยนจิ่วเฉา
อวี๋หวั่นตอบ ‘อืม’ แล้วถามว่า “เห็นแล้ว ดอกไม้เหล่านั้นคือดอกอะไรหรือ”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า “ดอกเซียนศักดิ์สิทธิ์ ดอกไม้ชนิดนี้จะผลิบานในสถานที่ที่ฝังกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น”
“กะ…กระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์ฝังที่นี่หรือ?” อวี๋หวั่นหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “มีศพของราชาศักดิ์สิทธิ์ฝังอยู่ใต้ตำหนักนี้หรือ? ราชาศักดิ์สิทธิ์คนนั้น…คงไม่ใช่ท่านแม่ของโจวจิ่นหรอกกระมัง?”
แม้ว่าปากจะถามคำถาม แต่ในใจของเธอกลับได้คำตอบแล้ว นอกจากท่านแม่ของโจวจิ่นแล้ว ที่นี่จะใช้ฝังศพของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์คนอื่นได้อีกหรือ?
เพียงแต่ไม่รู้ว่าราชาพ่อมดเป็นคนฝัง หรือว่าราชินีแม่มดเป็นคนฝัง
ถ้าหากเป็นราชินีแม่มดจริง เช่นนั้นจิตใจของผู้หญิงคนนี้ก็โหดเหี้ยมมากอย่างแน่นอน
ไม่เพียงทำให้ราชาพ่อมดบอบช้ำจากการสูญเสียคนรักไป ยังให้เขาต้องทนเห็นสุสานของคนรักทุกวัน แต่กลับก้าวออกจากห้องนอนไม่ได้
อวี๋หวั่นรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เธอรู้สึกว่าความตกใจที่ถาโถมเข้ามาในใจนั้นยากที่จะกดเอาไว้ เดิมทีคิดว่าท่านแม่ของโจวจิ่นเป็นเพียงสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไหนเลยจะรู้ว่านางเป็นถึงราชาศักดิ์สิทธิ์
เด็กคนนี้ ไม่เพียงมีพ่อเป็นราชาพ่อมด แต่ยังมีแม่เป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ?
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดว่า “เดิมทีเลือดของเผ่าศักสิทธิ์และเผ่าพ่อมดไม่อาจหลอมรวมกันได้ ไม่เช่นนั้นสกุลซือคงคงไม่แต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ตั้งไม่รู้เท่าไร แต่กลับไร้ซึ่งทายาทสืบสายเลือดเช่นนั้นหรอก ลูกของพวกเขาล้วนแต่เผชิญกับพลังย้อนกลับ”
อวี๋หวั่นพยักหน้า ไม่นานก็ส่ายหน้าด้วยความประหลาดใจ “แต่ท่านยายของข้าก็ลืมตาดูโลกอย่างอยู่รอดปลอดภัยไม่ใช่หรือ? ท่านยายของข้าเป็นทั้งทายาทของเผ่าพ่อมดและเผ่าศักดิ์สิทธิ์”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังมุมมืดของห้อง “นั่นเพราะมีคนรับพลังย้อนกลับแทนนาง”
อวี๋หวั่นชะงักไป สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี!
เธอว่าแล้วเชียว วิชาแพทย์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ออกจะสูงส่งถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่สามารถรักษาตนเองได้ ที่แท้ ไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของนางนั้นไร้หนทางเยียวยา แต่เพราะไม่อาจต่อต้านพลังย้อนกลับที่เกิดขึ้นจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง
หลังจากมาถึงเผ่าพ่อมด เยี่ยนจิ่วเฉาถึงเดาเรื่องราวเหล่านี้ได้
สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีอาจบังเอิญล่วงรู้เรื่องนี้เข้า จึงเลือกที่จะหนีไปไกล ทั้งยังหาวิธีถ่ายพลังย้อนกลับมายังตนเอง ทำให้นางจากไปเร็วนัก
สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีเป็นเพียงสตรีศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา ไม่ได้เป็นถึงราชาศักดิ์สิทธิ์ และซือคงเย่ก็เป็นเพียงลูกหลานของเผ่าพ่อมด ไม่ได้เป็นราชาพ่อมด หรือไม่ได้เป็นแม้แต่พ่อมด
แม้จะเป็นเช่นนี้ สายเลือดของทั้งสองรวมกัน ก็ยังทำให้เกิดพลังย้อนกลับที่น่ากลัวยิ่งนัก จุดจบของทายาทของราชาพ่อมดและราชาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอย่างไรนั้นย่อมรู้ได้
ชีวิตของโจวจิ่น ไม่อาจรักษาไว้ตั้งแต่แรก
ราชาศักดิ์สิทธิ์ยอมตาย ก็เพื่อรักษาพลังชีวิตของโจวจิ่น
ราชาพ่อมดใช้พลังเวททั้งหมดที่มี เพื่อปกป้องโจวจิ่น
ไม่มีใครบังคับพวกเขา แต่พวกเขายินยอม เพื่อลูกที่พวกเขารัก ราชาศักดิ์สิทธิ์ยอมตาย และไม่กลับไปบ้านเกิดของตนเองอีก ราชาพ่อมดถูกพันธนาการไว้ ไม่อาจก้าวออกจากกรงขังของราชินีแม่มดได้อีก
ความรู้สึกในใจของอวี๋หวั่นในตอนนี้ซับซ้อนเหลือเกิน “ราชินีแม่มด…รู้เรื่องนี้ไหม?”
“นางย่อมต้องรู้” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
ราชาพ่อมดรักราชาศักดิ์สิทธิ์และโจวจิ่นหมดใจ จนไม่เหลือที่ว่างให้นาง เขายอมสละชีวิต ยอมสละพลังเวท ยอมทนทุกข์ทรมานนับแรมปี มีสภาพเป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง เพื่อให้โจวจิ่นมีชีวิตรอด
ราชินีแม่มดจะไม่เกลียดได้อย่างไร?
ราชาพ่อมดไม่ได้ปรารถนาจะปกป้องโจวจิ่นหรอกหรือ? นางก็จะทำลายโจวจิ่น บดขยี้หัวใจของราชาพ่อมด ทำให้ราชาพ่อมดชอกช้ำเจียนตาย ทำให้วิญญาณของราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินไม่มีวันสงบไปตลอดกาล!
อวี๋หวั่นอยู่มาสองชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับความโหดเหี้ยมของใจมนุษย์
เมื่อนึกเรื่องหนึ่งออก สีหน้าของอวี๋หวั่นก็เปลี่ยนไป “โจวจิ่นฉลาดเฉลียวถึงเพียงนั้น เมื่อเขาเห็นราชาพ่อมด คงจะ…เดาออกว่าที่ราชาพ่อมดมีสภาพเป็นเช่นนี้ก็เพื่อช่วยเขา เขาอาจรู้สึกทุกข์ใจ…ถ้าหากราชินีแม่มดขู่เขา เขาคงจะไม่…”
……………
“ว่าอย่างไร คิดดีแล้วหรือยัง? ขอเพียงเจ้าไม่มีพลังเวท ความทรมานของคนคนนั้นก็จะสิ้นสุดลง” ในสวนดอกไม้ ราชินีแม่มดกำลังพูดหว่านล้อมโจวจิ่น
“จะสิ้นสุด…จริงๆ หรือ?” โจวจิ่นถาม
ราชินีแม่มดยิ้ม ลูบปลายนิ้วซึ่งมีเล็บสีดำไปบนใบหน้าเล็ก “แน่นอน ข้าสัญญากับเจ้า ว่าเขาจะหายดีอย่างแน่นอน ว่าอย่างไร? เจ้ายอมมอบพลังเวทให้ข้าหรือไม่?”
โจวจิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้น จ้องเข้าไปในดวงตาของราชินีแม่มด “ตกลง ข้าจะให้ท่าน”
……………………………………..