หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 501 ศึกหนัก! พี่จิ่วออกโรง!
หลังจากที่อิ่งสือซันออกจากวังหลวง ก็รีบตาหาโจวจิ่น เยี่ยยางถูกสัตว์พิษตัวน้อยใช้พิษอ่อนๆ ทำให้สลบไปแล้ว อิ่งสือซันจึงพาเขาและโจวจิ่นไปหลบยังเรือนร้างหลังหนึ่งใกล้วังหลวง จากนั้นจึงตรงไปยังสกุลโจวเพื่อพาอวี๋เซ่าชิงและคนอื่นๆ ออกมา
พวกเขาเป็นแขกของ ‘เวินซวี่’ ไม่ได้ถูกจับตามองตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจะไปไหนก็ไปได้
กว่าองครักษ์ของราชินีแม่มดจะมาถึง คนสกุลเวินจึงได้รู้ว่าพวกเขาทำความผิดใหญ่หลวงเอาไว้ น่าเสียดายที่พวกเขาหนีไปแล้ว
“พวกเขาอยู่ที่ไหน”
หลังออกมาจากวัง อวี๋หวั่นก็กระซิบถามเยี่ยนจิ่วเฉา
พวกเขาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นไม่ใช่องครักษ์หนุ่มและสตรีท้องโย้อีกต่อไป พวกเขาเป็นสามีภรรยาอายุมากคู่หนึ่ง ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาถูกอวี๋หวั่นแปะหนวดปลอมจนดูดุดันขึ้นมาก
อวี๋หวั่นสวมผ้าคลุม เพื่ออำพรางท้องของเธอ
ทั้งสองเดินไปตามถนน และไม่ถูกองครักษ์จับได้
องครักษ์คนหนึ่งถือรูปวาดเข้ามาหาเยี่ยนจิ่วเฉา “เจ้า! เจ้านั่นแหละ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักฝีเท้า “มีอะไร”
องครักษ์เดินเข้ามา “เห็นสองคนนี้บ้างไหม?”
“ไม่เห็น” คุณชายเยี่ยนตอบไปด้วยสีหน้าจริงจัง
องครักษ์โบกมืออย่างหมดความอดทน เพื่อบอกให้เยี่ยนจิ่วเฉาไปได้ เยี่ยนจิ่วเฉาจูงมือของอวี๋หวั่น เดินยืดอกออกมาจากองครักษ์กลุ่มนั้น
เหล่าองครักษ์เดินหน้าค้นหาต่อไป
เยี่ยนจิ่วเฉามุ่งหน้าไปตามสัญลักษณ์ที่อิ่งสือซันทำไว้ไปยังเรือนซอมซ่อหลังหนึ่ง
บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนยากจนในเผ่าพ่อมด ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้ต้องคำสาปของเทพเจ้า ผู้ที่อาศัยอยู่บนถนนเส้นนี้ล้วนแต่เกิดเรื่องอย่างไม่คาดฝัน หากจะใช้คำพูดของชาวจงหยวน ก็คงเรียกว่าฮวงจุ้ยไม่ดี ผู้ที่ย้ายออกไปได้ก็ย้ายออกไปแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ยังอาศัยอยู่ที่นี่
เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาและอวี๋หวั่นเดินมา พวกเขาก็ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด รีบเดินเข้าเรือนหลังนั้นไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาให้ผิงเอ๋อร์มาทำความสะอาดเรือนหลังนี้แล้ว สามารถเข้าไปได้ไม่มีปัญหา
แต่หากจะเข้าไปอาศัยอยู่ คงต้องเก็บกวาดอีกยกใหญ่
ผิงเอ๋อร์เป็นสาวใช้ที่เห็นโลกมามาก นางไม่ได้ถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดอยู่จวนสกุลเวินดีๆ ไม่ว่าดี ต้องย้ายมาอยู่ในเรือนโกโรโกโสแห่งนี้ นางเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาด
“อาหวั่น!” อวี๋เซ่าชิงกระวนกระวายใจมาตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้พบลูกสาว ความหนักอึ้งในใจก็พลันมลายหายไป เขาเดินเข้าไปจูงมือลูกสาว โดยเลือกที่จะเมินลูกเขย “เหตุใดอยู่ๆ ก็เปลี่ยนแผนกะทันหันเสียเล่า? ไม่ได้บอกหรือว่าหลังจากที่ได้น้ำตาราชาพ่อมดมาแล้ว จะให้โจวจิ่นแกล้งตาย แล้วจึงให้ต๋าหว่าพาโจวจิ่นออกมา?”
“มีเรื่องเกิดขึ้น ทำให้ผิดแผน ราชาพ่อมดถูกจองจำ ทั้งยังป่วยหนัก พวกเรานำน้ำตาราชาพ่อมดมาไม่ได้ แล้วก็พาเขาออกมาไม่ได้ ส่วนโจวจิ่น เรื่องของเขาค่อนข้างซับซ้อน…” อวี๋หวั่นเล่าภูมิหลังของโจวจิ่นและเรื่องพลังย้อนกลับของราชาพ่อมดให้อวี๋เซ่าชิงฟังโดยละเอียด “สรุปแล้วโจวจิ่นตายหรือไม่ตายก็ไม่อาจเก็บเป็นความลับได้”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ในใจของอวี๋เซ่าชิงมีความรู้สึกมากมายระคนกัน เขาไม่ได้รู้สึกตกใจกับเรื่องที่ท่านแม่ของโจวจิ่นเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ แต่เรื่องที่ราชาพ่อมดและราชาศักดิ์สิทธิ์เสียสละเพื่อโจวจิ่นนั้นทำให้เขาตื้นตันใจเหลือเกิน พ่อแม่ส่วนใหญ่ในใต้หล้าล้วนแต่รักลูกของตน กระนั้นรักก็เรื่องหนึ่ง การเสียสละและทรยศโดยไม่คำนึกถึงผลที่ตามมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าก่อนเดิมทีราชาศักดิ์สิทธิ์ลอบเข้ามาในเผ่าพ่อมดด้วยเป้าหมายอื่น แต่สุดท้ายแล้ว นางก็ละทิ้งเจตจำนงเดิม แล้วหักหลังเผ่าของตน
ราชาพ่อมดก็ไม่ต่างกัน
เขาถูกขังไว้ในวังวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า แบกรับความทรมานและความเศร้าโศกที่คนทั่วไปไม่อาจแบกรับได้ เพียงเพื่อให้โจวจิ่นเติบโตมาอย่างปลอดภัย
แล้วใครเล่าจะกล้าพูดว่าราชาพ่อมดไม่ใช่พ่อที่ดี?
ไม่แน่ว่าอาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างราชาพ่อมดและราชินีแม่มด อย่างไรเสียราชาพ่อมดก็ดูไม่เหมือนกับผู้ชายที่ได้แล้วทิ้ง
“ใช่สิ ท่านพ่อ แล้วโจวจิ่นเล่า?” อวี๋หวั่นเข้ามาในเรือนได้พักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นโจวจิ่น
“เขาหลับไปแล้ว คงจะเหนื่อยน่าดู” อวี๋เซ่าชิงตอบ
“ข้าจะไปดูเขาสักหน่อย” อวี๋หวั่นบอก
“เจ้าไปเถิด” อวี๋เซ่าชิงบอก “เด็กที่เขาพากลับมา ข้าให้อยู่ในห้องด้านข้าง อิ่งลิ่วคอยเฝ้าอยู่”
“เข้าใจแล้ว” อวี๋หวั่นพยักหน้า แล้วเดินไปยังห้องของโจวจิ่น
โจวจิ่นหลับไปแล้ว แต่สักพักก็ตื่นขึ้นเพราะฝันร้าย ในความฝันของเขา ราชาพ่อมดมีสภาพอเนจอนาถ บนร่างของ
เขาเต็มไปด้วยรอยแผลจากยาพิษ ดวงตาอันว่างเปล่าและทุกข์ทรมาน เปรียบดังมีดที่กรีดลงบนหัวใจของเขา
เขาไม่ใช่คนที่สุขุมเยือกเย็นดังที่ผู้อื่นเห็นจากภายนอก
ถึงได้ทำเรื่องที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้ลงไป
และลักพาตัวเยี่ยยางออกมา
“โจวจิ่น โจวจิ่น โจวจิ่น!” อวี๋หวั่นตบไหล่ของเขาเบาๆ
โจวจิ่นได้สติ แต่เขาไม่ยอมหันหน้ามา กลับซุกหน้าเข้ากับหมอน
“ถ้าเสียใจก็ร้องไห้ออกมา” อวี๋หวั่นนั่งลงข้างเตียง ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา
โจวจิ่นร่างกายแข็งทื่อ “ขะ…ข้าไม่ควรพาเยี่ยยางออกมา”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องพาเขาออกมา หากเจ้าไม่ได้พาออกมา พวกข้าก็ต้องพาเขาออกมา แผนเดิมใช้การไม่ได้แล้ว ถ้าหากเรามีหมากที่สามารถใช้ต่อรองกับราชินีแม่มดอยู่ในมือ จึงจะสามารถช่วยราชาพ่อมดออกมาได้”
ไม่ว่าจะเพื่อโจวจิ่น หรือเพื่อน้ำตาของราชาพ่อมด พวกเขาล้วนแต่ต้องช่วยราชาพ่อมดออกมาจากการจองจำเสียก่อน
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยยางตื่นแล้ว
เขาไม่รู้ว่าตนเองออกมาจากวังแล้ว เมื่อลืมตาตื่นขึ้นและพบว่าตนนอนอยู่ในห้องสภาพโกโรโกโส เขายังคิดเสียอีกว่ากำลังฝันไป เมื่อลองหลับตาลงและลืมตาอีกหลายครั้ง ก็พบว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ในตอนนั้นเขาถึงลุกขึ้นมา
“เรียกคนมา!”
ผู้ที่เข้ามาคือโจวจิ่น
เยี่ยยางตะลึงงัน
เยี่ยยางไม่ใช่คนโง่ เขาใช้เวลาเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนถูกจับขัง เขาลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง ชี้ไปยังโจวจิ่นแล้วบริภาษเขายกใหญ่ “เจ้า…เจ้าเป็นสายลับ! เสียทีที่ข้าคิดจะมอบตำแหน่งให้เจ้า! เจ้ากลับคิดเล่นงานข้า! เจ้าพาข้ามาที่ไหน ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นองค์ชายของเผ่าพ่อมด! ท่านแม่ข้าเป็นราชินีแม่มด! ท่านพ่อข้าเป็นราชาพ่อมด! หากพวกเขารู้ว่าเจ้าจับข้ามา เจ้าต้องถูกประหารแน่! รีบถือโอกาสที่ข้ายังอารมณ์ดี พาข้ากลับวังเดี๋ยวนี้!”
โจวจิ่นคร้านจะเสวนากับเขา เพียงแต่จับมือเขาขึ้นมา แล้วหยิบมีดสั้นขึ้นมากรีดนิ้วของเขา
เยี่ยยางคิดจะสู้กับโจวจิ่น
โจวจิ่นจ้องเข้าไปในนัยน์ตาของเยี่ยยาง แล้วบังคับให้เขาเขียนจดหมายเลือด เพื่อให้ราชินีแม่มดส่งตัวราชาพ่อมดมา
เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ จดหมายเลือดยังไม่ทันได้ส่งออกไป องครักษ์ของราชินีแม่มดก็ตามมาถึงที่เสียแล้ว
“ไม่ใช่กระมัง? พวกเขาลงมือรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ!” ชุยเฒ่ามองไปยังกลุ่มคนที่ห้อมล้อมเข้ามาด้านนอก กระแทกประตูซึ่งปิดอยู่ดัง ‘ปัง!’
ทันใดนั้นมือเหล็กข้างหนึ่งก็เจาะทะลุประตูเข้ามาคว้าคอของชุยเฒ่า แล้วลากออกไปทั้งคนทั้งประตู!
ชุยเฒ่าตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกนั้นแล้ว!
องครักษ์ซึ่งสวมมือเหล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ส่งองค์ชายเยี่ยยางกับเด็กนั่นมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเขาซะ!”
“ชชชชชช…ช่วยด้วยอ๊ากกกก” ชุยเฒ่าแทบหายใจไม่ออกแล้ว
ถ้าหากชุยเฒ่าไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย พวกเขาก็คงจะใช้เยี่ยยางมาขู่ให้องครักษ์เปิดทางให้ ทว่าใน
ตอนนี้ เห็นทีคงต้องหลั่งเลือดกันแล้วสิ
“จิ่วเฉา เจ้าพาอาหวั่นหนีไป!” อวี๋เซ่าชิงชักกระบี่ออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่อย่างสุดกำลัง
องครักษ์มือเหล็กนัยน์ตากระตุกวูบ หมายจะปลิดคอของชุยเฒ่าออกจากศีรษะ
อวี๋หวั่นดึงมีดออกมาจี้เข้าไปที่ลำคอของเยี่ยยาง “หากเจ้ากล้าฆ่าเขา! ข้าก็จะฆ่าองค์ชายของพวกเจ้า! ไม่เชื่อก็ลองดูสิ!”
องครักษ์มือเหล็กชะงัก ในชั่วเวลาพริบตาเดียวนั้นเอง อวี๋เซ่าชิงก็ตวัดกระบี่เข้าใส่
องครักษ์มือเหล็กเหวี่ยงชุยเฒ่าออกไป แล้วพุ่งเข้าปะทะกับอวี๋เซ่าชิง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่อาจใช้สติปัญญาเจรจากันได้ เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ พลังภายในเย็น
เฉียบสายหนึ่งก็พุ่งไปยังหัวไหล่ขององครักษ์มือเหล็ก ทำให้เขาไม่อาจใช้กระบวนท่าโจมตีอวี๋เซ่าชิงได้
“วิชาอายุวัฒนะ? เจ้าเป็นใครกัน” องครักษ์มือเหล็กกดไปยังหัวไหล่ข้างที่ชาจนไร้ความรู้สึก พลางมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความเคลือบแคลงใจ
“เป็นคนที่จะฆ่าเจ้า” เยี่ยนจิ่วเฉาขยับปลายนิ้ว พลังภายในพุ่งเข้าใส่กลางอก องครักษ์มือเหล็กไม่ทันป้องกันตัว เขาล้มลงกับพื้น
เห็นได้ชัดว่าสามารถใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถล้มยอดฝีมือได้ แต่กลับใช้ถึงสองกระบวนท่า เห็นทีคืนพระจันทร์เต็มดวงคงใกล้เข้ามาแล้ว…
ทว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่าพลังของเยี่ยนจิ่วเฉาลดลงจากปกติ พวกเขายังคงงุนงงที่องครักษ์มือเหล็กพลั้งมือให้กับบุรุษแปลกหน้า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดจึงมีวิชาขั้นสูงของเผ่าพ่อมด?
อวี๋เซ่าชิงคิดจะใช้จังหวะได้เปรียบนี้เข้าโจมตี แต่กลับถูกเยี่ยนจิ่วเฉาจับไหล่ไว้ “ท่านพ่อ พวกท่านไปก่อนเถิด”
พูดจบ ก็ใช้พลังภายในดันอวี๋เซ่าชิงกลับไปยืนข้างอวี๋หวั่น
นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเกรงใจกัน ขอเพียงคุณชายถ่วงเวลาอีกฝ่ายได้ เมื่อพวกเขาหนีไปแล้ว คุณชายก็จะหนีได้ง่ายกว่าเดิม
“นายท่าน! ไปจากที่นี่กันก่อนเถิดขอรับ!” อิ่งสือซันนำตัวเยี่ยยางออกมา อุ้มเขาไว้ แล้วแบกอาม่าขึ้นหลัง
อิ่งลิ่วอุ้มมู่ชิงและโจวจิ่น โจวอวี่เยี่ยนพาผิงเอ๋อร์ไป และอวี๋เซ่าชิงไปพร้อมกับอวี๋หวั่น หนีออกไปจากเรือนอย่างว่องไว
…………………………………………………..