หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 510 ไข่ดำน้อยผู้เฉียบแหลม!
วังราชินีแม่มดพ่อมดมีห้องครัวเล็กอยู่ภายในตัว หงหลวนเป็นคนสนิทของราชินีแม่มด เป็นแขกประจำของห้องครัวเล็ก ทันทีที่ได้ยินว่านางต้องการก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่กับซาลาเปานึ่งสองลูก ทางห้องครัวก็ไม่พูดพร่ำรีบจัดเตรียมให้นาง
หงหลวนฉวยโอกาสที่คนไม่สังเกต หยิบชามใบเล็กสามชามกับตะเกียบสามคู่มา
นางกลับห้องมาพร้อมกับกล่องอาหาร
ไข่ดำทั้งสามนั่งลงกับเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง มองดูนางด้วยใบหน้าท่าทางที่น่ารัก เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจหงหลวนก็แทบละลาย
ใจอ่อนไม่ได้ ใจอ่อนไม่ได้ ใจอ่อนไม่ได้…
หลังจากท่องอยู่ร้อยแปดสิบครั้ง หงหลวนก็ลงกลอนประตู เดินไปวางกล่องอาหารบนโต๊ะ และจุดเครื่องหอมในเตา
เทียนหอมนี้ใช้กลบกลิ่นอาหาร
ยามที่หงหลวนมาอยู่ข้างกายราชินีแม่มด นางอายุเพียงห้าขวบ ยามที่องค์ชายเยี่ยยางถือกำเนิด นางอายุได้เจ็ดขวบ นางนับว่าได้เห็นองค์ชายเยี่ยยางเติบใหญ่ แต่องค์ชายเยี่ยยางไม่มีทางร่วมกินร่วมนอนกับนาง หากกล่าวถึงการดูแลเด็กๆ นี่ก็เป็นครั้งแรก
เดิมทีคิดว่าคงยุ่งจนหัวหมุน แต่ไหนเลยจะรู้ว่าเด็กเหล่านี้กลับเชื่อฟัง หากไม่รู้คงคิดว่าในห้องนี้ไม่มีเด็กเสียแล้ว
ยามที่องค์ชายเยี่ยยางเยาว์วัย ยังซุกซนยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก
แน่นอน หากหงหลวนรู้ว่าไข่ดำทั้งสามซุกซนขึ้นฟ้าลงดินที่จวนคุณชายเช่นไร และก่อเรื่องที่หมู่บ้านเหลียนฮวาเช่นไร คงไม่มีทางคิดเช่นนี้
“หิวแย่แล้วกระมัง ยามนี้กินได้แล้ว” หงหลวนเปิดกล่องอาหาร หยิบชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ กับซาลาเปาอันหอมหวนชวนให้ลิ้มลองออกมา
ต้าเป่าชูมือเล็กที่มอมแมมของตนออกมา เขาอยากล้างมือ พวกเขาเป็นเด็กดีที่รักความสะอาด
หงหลวนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วหลุดหัวเราะออกมา ท่าทางของเด็กอ้วนรักความสะอาดช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก
หงหลวนไปตักน้ำร้อนที่ห้องขนาบข้างมาให้ทั้งสามล้างมือ แล้วพวกเขาก็ก้มหัวโล้นลง
หน้าก็ต้องล้างด้วย
หงหลวนตักน้ำอีกถังมาเช็ดหัวโล้นและล้างหน้าให้ทั้งสามจนขาว…เอ่อ…ดำๆ สะอาดสะอ้าน แล้วพาทั้งสามกลับไปที่โต๊ะ
“เอาละ กินได้แล้ว” หงหลวนแบ่งก๋วยเตี๋ยวเป็นชามเล็กๆ ส่งให้พวกเขา
ไม่นึกว่าพวกเขากลับไม่กิน
“เป็นอะไรไปหรือ?” หงหลวนถามด้วยความสงสัย
ทั้งสามคว้าตะเกียบอย่างงกๆ เงิ่นๆ ร่วมใจกันคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวให้หงหลวนชามหนึ่ง
หงหลวนมองชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ไม่รู้เพราะความร้อนที่อบอวลหรือไม่ เบ้าตาของนางชุ่มชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
นางก็นับว่าเป็นตระกูลชนเผ่าพ่อมด แต่สถานการณ์ครอบครัวตกต่ำไม่มั่นคง เมื่อถึงรุ่นบิดาของนางถึงร่วงโรยยากจะสืบทอดต่อ บิดาจำต้องขายนาง โชคดีที่มีคนของผู้อาวุโสสูงสุดเลือกนางออกไป
ผู้อาวุโสสูงสุดส่งนางไปที่ตำหนักราชินีแม่มด นางได้แสดงความสามารถด้านคาถาที่ยอดเยี่ยม ราชินีแม่มดชื่นชมนางอย่างมาก และบอกพ่อมดที่สอนนางว่า ข้าต้องการเด็กผู้นี้ ตั้งใจฝึกฝนนางให้ดี
วาจาของราชินีแม่มดเพียงประโยคเดียวพลิกชีวิตของนาง จากสาวใช้ตัวเล็กๆ ที่ถูกคนรังแกกลายเป็นเป้าหมายที่ต้องอบรมเลี้ยงดูอย่างระมัดระวัง และแล้วนางก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นางกลายเป็นแม่มดระดับต้นเมื่ออายุสิบขวบและกลายเป็นแม่มดระดับตี้เมื่ออายุสิบหกปี นางห่างจากพ่อมดใหญ่อีกเพียงก้าวเดียว ความสำเร็จเช่นนี้หาได้ยากยิ่งในหมู่แม่มด
นางซาบซึ้งในความเมตตาของราชินีแม่มด และจงรักภักดีต่อราชินีแม่มด
แต่นางรู้ดีว่าราชินีแม่มดเห็นคุณค่าของนาง เพราะนางมีค่าควรแก่การใช้งาน เวินซวี่เข้าหานางก็เพราะโลภในรูปร่างหน้าตาของนาง ไม่มีผู้ใดปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ
ความเจ็บปวดที่รุนแรงพุ่งเข้ามาในหัวใจ หงหลวนแน่นิ่งไปเนิ่นนาน
“ฟู่ๆ~” เสี่ยวเป่าโน้มตัวไปข้างหน้า เป่าชามก๋วยเตี๋ยวของนาง “ไม่ต้องกลัว ไม่ร้อนแล้วละ”
หงหลวนหันกลับไปเช็ดตา
ไข่ดำน้อยทั้งสามเริ่มลงมือกิน ก๋วยเตี๋ยวและซาลาเปาไม่อร่อยเท่าที่อาจารย์อาเว่ยทำให้กิน แต่พวกเขาเป็นเด็กดีไม่เรื่องมาก ทั้งสามกินเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้อย
หงหลวนตกตะลึงอ้าปากค้าง
นางคิดว่าไปห้องครัวจะเป็นที่เตะตามากเกินไป จึงหยิบมาเยอะสักหน่อย ซาลาเปาเอย ก๋วยเตี๋ยวเอยกินได้อย่างน้อยสามมื้อ แต่ผลกลับ…กินจนหมดในมื้อเดียว!
และดูเหมือนนางยังมีภาพลวงตาว่าพวกเขาคล้ายกับยังไม่อิ่ม!
ทั้งสามคนน้ำลายไหลมองนาง
หงหลวน “…”
ยังกินไม่อิ่มจริงๆ สินะ!!!
“ใต้เท้าหงหลวน” จู่ๆ ก็มีรายงานจากสาวใช้นอกห้อง “เมื่อครู่ใต้เท้าหลีชั่วให้คนมาแจ้งว่า นางได้ตรวจตราทางฝั่งตะวันตกแล้ว ท่านไม่ต้องไปค้นหาที่นั่น อีกครู่ให้ตรงไปยังทิศใต้เลยเจ้าค่ะ”
“เข้าใจแล้ว” หงหลวนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ “จริงสิ สตรีตัวประกันผู้นั้นอยู่ที่ใด? ยังอยู่ที่เรือนหรือไม่?”
สาวใช้กล่าวว่า “ไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ ว่ากันว่าหนีไปแล้ว”
“หนีออกจากวังไปแล้วหรือ?” หงหลวนถาม
“ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ “ใต้เท้าหงหลวนมีสิ่งใดรับสั่งอีกหรือไม่?”
“ไม่มี เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
หลังสาวใช้จากไป หงหลวนก็ทอดถอนใจด้วยความโล่งอก
ไข่ดำทั้งสามมองนางด้วยดวงตาใสดำขลับ แม้รู้ว่าพวกเขายังอยากกินอะไร แต่สาวใช้เมื่อครู่ปลุกนางให้ได้สติ ที่นี่ไม่ปลอดภัย หากหลีชั่วรู้ว่านางยังลงกลอนประตูอยู่ในห้อง ต้องมาถามนางว่าเป็นอะไรแน่
“ส่งพวกเจ้าออกไปดีหรือไม่?” หงหลวนพึมพำกับตัวเอง
ไข่ดำทั้งสามเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่น่ารัก
หงหลวน “…”
“พอแล้ว! ข้าแพ้พวกเจ้าแล้ว!”
หงหลวนยอมรับความพ่ายแพ้ กล่าวกับทั้งสาม “อีกประเดี๋ยวตามข้ามา อย่าส่งเสียง”
หงหลวนเป็นคนของตำหนักราชินีแม่มด ย่อมรู้ว่าช่องโหว่ของการรักษาความปลอดภัยวังราชินีแม่มดอยู่ที่ใด แต่เจ้าตัวเล็กเหล่านี้แอบเข้ามาโดยไม่ส่งเสียงได้อย่างไร?
หงหลวนคิดไม่ตก เพียงแต่ลูบหัวทั้งสามคนด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ
ทั้งสามยอมให้นางลูบอย่างเชื่อฟัง
หงหลวนเตรียมรถม้าสำหรับการเดินทางของนาง ไม่ต้องมีสารถี นางนั่งด้านนอกและให้ไข่ดำทั้งสามนั่งในรถม้า
หงหลวนกระซิบ “อีกครู่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมา เข้าใจหรือไม่?”
ไข่น้อยทั้งสามพยักหน้า
หงหลวนขับรถม้าไปที่ประตูวัง
หงหลวนไม่ได้คิดจะทรยศต่อราชินีแม่มดจริงๆ นางเพียงแค่ไม่อยากลงมือกับเด็กไร้เดียงสาเหล่านี้ หลีชั่วพูดไว้ไม่ผิด คนที่ลักพาตัวองค์ชายเยี่ยยางไม่มีทางทำร้ายเขาได้ แต่ราชินีแม่มดคิดจะฆ่าเด็กเหล่านี้ได้จริงๆ
เด็กๆ เหล่านี้มีความผิดใด?
“ใครน่ะ?” เมื่อรถม้ามาถึงประตูวัง องครักษ์นายหนึ่งก็เข้ามาขวางไว้
หงหลวนเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชา
องครักษ์ตกใจ รีบยกมือคำนับ “ใต้เท้าหงหลวน ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ จำท่านไม่ได้ ท่านหงหลวนโปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
“ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการนอกวัง” หงหลวนบอก
องครักษ์กล่าวว่า “เอ่อ…ตำหนักราชินีแม่มดออกคำสั่งปิดวังหลวง…”
หงหลวนกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเองก็บอกว่าเป็นคำสั่งจากตำหนักราชินีแม่มด แล้วข้าไม่ใช่คนของตำหนักราชินีแม่มดหรือ?”
ใต้เท้าผู้นี้คือคนสนิทของราชินีแม่มด ทุกการกระทำของนางแสดงถึงเจตจำนงของราชินีแม่มด แม้องครักษ์จะไม่เข้าใจ แต่คาดว่าคงมีคำสั่งชั่วคราวจากราชินีแม่มด จึงหันตัวไปด้านข้าง เปิดทางให้นางออกไป
หงหลวนปิดผ้าคลุมหน้า กระชับบังเหียน กำลังจะเคลื่อนรถม้าออกไป แต่ทันใดนั้น น้ำเสียงหยิ่งยโสและเยือกเย็นก็ดังมาจากข้างหลัง “ผู้ใดกัน? หยุดอยู่ตรงนั้น!”
หลีชั่ว!
มือของหงหลวนจับบังเหียนแน่น
องครักษ์ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “ใต้เท้าหลีชั่ว ท่านก็จะออกจากวังด้วยหรือ? ใต้เท้าหงหลวนกำลังจะออกไปอยู่พอดี”
“หงหลวน?” หลีชั่วขมวดคิ้วมองรถม้าด้วยความประหลาดใจ
เมื่อหงหลวนรู้ว่าไม่อาจหลบเลี่ยง ก็หลับตาลงและสูดหายใจ ลงจากรถม้าด้วยท่าทีเป็นปกติ
นางเข้าไปหาหลีชั่ว ระงับความรู้สึกผิดในใจและถามว่า “การค้นหาเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลีชั่วเหลือบมองนางด้วยความสงสัย “ตัวประกันหญิงหนีไปแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ข้ากำลังตามหานาง มิได้ให้เจ้าไปค้นหาทางใต้หรอก? เหตุใดจะออกจากวังเช่นนี้?”
“ข้าคิดว่า…เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับใต้เท้าเวินซวี่หรือไม่? จึงคิดจะไปดูที่สกุลเวินสักหน่อย” หงหลวนจำต้องพาดพิงถึงเวินซวี่ เวินซวี่เป็นน้องชายของราชินีแม่มด เรื่องลับหลังเช่นนี้เหมาะกับเขาที่สุด อย่างไรเสียราชินีแม่มดก็ไม่อาจกลั้นใจลงโทษเขา
“เจ้าอยู่คนเดียวหรือ?” หลีชั่วมองที่รถม้าพลางเอ่ยถาม
“ข้าไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น” หงหลวนกล่าว
“เจ้าเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตนเองแล้ว” หลีชั่วประชดประชัน
หงหลวนสงบสติ มองเข้าไปในดวงตาของนางและกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “เจ้ากับข้าล้วนเป็นทั้งสาวใช้ของราชินีแม่มด และต่างก็เป็นแม่มดระดับตี้ สถานะของเจ้ามิได้สูงกว่าข้า อีกอย่างตามจริงแล้ว เจ้าเพิ่งเข้าสู่ระดับตี้ แต่ข้ามาถึงจุดสูงสุดของระดับตี้แล้ว ความแข็งแกร่งของข้าเหนือเจ้า ข้าติดตามราชินีแม่มดตั้งแต่ข้าอายุห้าขวบ ข้าอยู่ข้างกายราชินีแม่มดมานานกว่าเจ้า ไม่ว่าเรื่องส่วนรวมหรือส่วนตัว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องฟังคำบงการของเจ้า”
หลีชั่วหรี่ตาลงอย่างเย็นชา
“เจ้าไปค้นหาต่อ ข้าจะไปที่จวนสกุลเวิน” หงหลวนกล่าววางอำนาจ และหันหลังกลับขึ้นรถม้า
“ช้าก่อน!” หลีชั่วก้าวไปข้างหน้าคว้าบังเหียนของนาง และมองม่านรถที่ปิดอยู่ “ผู้ใดนั่งอยู่ด้านใน?”
“ไม่มีผู้ใดทั้งนั้น”
“เหตุใดไม่ขี่ม้าไป?”
“ไม่อยากขี่”
“สารถีก็ไม่ใช้?”
“ข้าไม่อยากใช้!” หงหลวนกล่าวสีหน้าขรึม
หลีชั่วยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา ถอนมือกลับ ทำทีราวกับจะถอยออกไป แต่ทันใดนั้นก็พุ่งตัวผ่านหงหลวนไปเปิดม่านรถม้า!
หงหลวนใบหน้าถอดสี!
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในรถม้าคันนี้——” เสียงของหลีชั่วหยุดลงกะทันหัน
หงหลวนหันไปมอง เห็นเพียงความว่างเปล่าในรถม้า ไม่มีสิ่งใด!
เอ๋?
คนละ?
…………………………………………