หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 512 ลุ่มหลงไข่อย่างบ้าคลั่ง
“นายท่านรองเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ ด้านนอกคล้ายว่าฝนใกล้จะตกแล้ว” หงอวี้กล่าวกับต๋าหว่าที่มีสีหน้ายากจะอธิบาย
ต๋าหว่ามองดูท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด สองสามวันนี้อากาศร้อนระอุขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังจะมีฝนตกหนัก ต๋าหว่าเข้าไปในห้องอย่างสองจิตสองใจ
หงอวี้เป็นสาวใช้ส่วนตัวของฮูหยินรอง นางซื่อสัตย์ต่อฮูหยินรองมากที่สุด ย่อมรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินรองกับนายท่านรองนั้นไม่ลงรอยกันนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากัน หากสามารถเชื่อมโยงสายใยรักต่อกันได้ หงอวี้ก็ยินดีทำ
อีกอย่าง…ที่ตกน้ำเมื่อตอนกลางวัน มิใช่นายท่านรองที่ลงไปช่วยฮูหยินหรอกหรือ? ตั้งแต่ต้นจนจบ นายท่านรองไม่แม้แต่ชายตามองฮูหยินเหมยกับฮูหยินหลานเสียด้วยซ้ำ
อาจเพราะเวินซวี่ในอดีตมอบความรักให้ฮูหยินรองน้อยเกินไป ดังนั้นการพบกันของทั้งสองในตอนนี้จึงทำให้หงอวี้จึงรู้สึกประทับใจเล็กน้อย
“นายท่านรอง! เชิญนั่งเจ้าค่ะ!” หงอวี้เชิญต๋าหว่าไปที่เก้าอี้อย่างกระตือรือร้น และวางถาดขนมในมือลงบนโต๊ะ “มื้อเย็นฮูหยินรองไม่ทานอะไรมากนัก บ่าวให้คนครัวทำขนมซิ่งเหรินอร่อยๆ มาให้นาง นายท่านรองอยากลองชิมสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ละ ข้าจะรอกินพร้อมนาง” วาจาราบรื่นจนต๋าหว่าเองก็แปลกใจ รอกินพร้อมนางนี่มันอะไรกัน ทำเสียพวกเขาทั้งสองดูเหมือนสามีภรรยากันจริงๆ แรงกระตุ้นที่ให้ทำเกิดอารมณ์ร่วมกับการแสดงนี่มาจากที่ใด? ต๋าหว่าครุ่นคิดหาคำตอบในใจ ผลกลับเห็นภาพเยี่ยนจิ่วเฉาที่เอาแต่รออวี๋หวั่นมาทานอาหารด้วยกัน
หึ ถูกพิษของเจ้าสองคนนั่นแล้วจริงๆ
ในอดีตนายท่านรองไม่สนใจฮูหยินรองเช่นนี้ เขาอยากกินสิ่งใดก็กินสิ่งนั้น สนใจฮูหยินรองเสียที่ใด?
ไม่ว่านายท่านรองจะดีต่อฮูหยินรองเช่นนี้เพราะความรู้สึกผิดหรือไม่ ในใจหงอวี้ก็มีความสุขยิ่งนัก
หงอวี้เดินไปที่ห้องชำระกายด้วยความดีใจ ฮูหยินรองกำลังสวมเสื้อผ้า
หงอวี้ก้าวไปด้านหน้า หยิบสายรัดมาผูกเอวให้นาง ขณะผูกก็พลางกระซิบว่า “คืนนี้นายท่านรองจะพักที่นี่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองผงะ
หงอวี้กล่าวว่า “บ่าวเห็นนายท่านรองเปลี่ยนแปลงนิสัยตนเองแล้ว ฮูหยินรองลำบากรอคอยมาหลายปี ในที่สุดก็มาถึงวันที่เมฆาเปิดจันทราส่องแล้วนะเจ้าคะ”
ฮูหยินรองไม่ตอบ เพียงแต่ลูบแก้มตนเอง “เจ้าออกไปเถอะ”
หงอวี้เข้าใจว่านายท่านรองกับฮูหยินรองกำลังจะมีโลกแห่งความสุขของทั้งสอง จึงรีบปิดปากยิ้มกรุ้มกริ่ม “เจ้าค่ะ!”
หลังจากหงอวี้ออกไป ฮูหยินรองก็ยืนอยู่ในห้องชำระกายครู่หนึ่ง มือที่จับฉากกั้นของนางกระชับแน่น ขนตาสั่นกระพือเล็กน้อย แต่ในที่สุดนางก็เดินออกมาและมองต๋าหว่าด้วยท่าทางสบายๆ “นายท่านรองจะนอนแล้วหรือ?”
“อา…” ต๋าหว่าควรกล่าวเช่นไรเล่า คนก็เข้ามาแล้ว หากกล่าวว่าจะจากไปอีกก็อาจทำให้แผนแตกไม่ใช่หรือ?
ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ ข้าแค่เสียสละเพื่อไม่ให้ความลับแตกก็เท่านั้น!
“อื้อ” ต๋าหว่าตอบรับ
เตียงนอนถูกปูด้วยผ้าหยกแดงแล้ว ฮูหยินรองเดินไปปลดตะขอปล่อยผ้าม่านฝั่งหนึ่งลงมา “นายท่านรองเข้านอนเถิด”
นางยังต้องเช็ดผมอีก
ฮูหยินรองดับเทียนในห้อง เหลือเพียงตะเกียงน้ำมันสีเหลืองนวลจางหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นนางก็นั่งลงหยิบผ้ามาเช็ดผม
“ข้าทำให้” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ที่ต๋าหว่ามาอยู่ด้านหลังนาง
ฮูหยินรองมองเขาผ่านกระจกทองเหลือง
แสงสีนวลสลัวตกกระทบใบหน้าที่ฮูหยินรองคุ้นเคยที่สุด เวินซวี่มีเสน่ห์หล่อเหลา ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจทำให้สตรีลุ่มหลงได้มากมายเช่นนั้น ทว่าฮูหยินรองมิได้มองใบหน้า กลับจ้องมองดวงตาคู่นั้นที่ดูไม่คุ้นเคยเนือยนิ่ง
ต๋าหว่าถูกจ้องมองจนกระอักกระอ่วน สายตาของฮูหยินรองนั้นอ่อนโยน ทว่าไม่รู้เหตุใดดูคล้ายกับแฝงไปด้วยไหวพริบอันชาญฉลาด
ต๋าหว่าเริ่มคิดว่าตนถูกมองเห็นทะลุปรุโปร่ง
“เช่นนั้นขอบคุณนายท่านรอง” ฮูหยินรองยื่นผ้าให้เขาทางด้านหลัง
ต๋าหว่ารู้สึกว่ามือของตนตกลง เขาลอบถอนหายใจ
แผนคงยังไม่ได้แตกกระมัง? ไม่เช่นนั้นนางคงขับไล่ตนออกไปแล้ว!
ต๋าหว่าเช็ดผมให้ฮูหยินรองอย่างระมัดระวัง แม้จะเป็นครั้งแรก ทว่าต้องเช็ดจุดใดก่อนแล้วไปจุดใด กระทั่งแรงที่ใช้ก็ล้วนเหมาะสมที่สุด
หากกล่าวว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ก็ต้องโทษเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น สองคนนั้นแสดงความรักต่อกันไม่เว้น วันๆ เอาแต่โอ้อวดความรัก ดูสิ บุรุษพรหมจรรย์หมื่นปีในตลาดมืดเช่นเขาก็ยังเห็นจนทำเป็นแล้ว!
หลังจากทั้งสองเข้านอน ต่างฝ่ายต่างใช้ผ้านวมของตนยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่ากลางดึกกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น หลังจากต๋าหว่าหลับไปได้ไม่นาน ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางดังแว่วมาจากข้างกาย เขาลืมตาหันไปถาม “เจ้าเป็นอะไรไป?”
ฮูหยินรองไม่พูดจา นอนตัวงอ ทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
ต๋าหว่าลงจากเตียงอย่างรีบร้อน หยิบตะเกียงมาส่องเห็นใบหน้าฮูหยินรองซีดขาว ต๋าหว่าตกใจกลัวทั้งยังได้กลิ่นคาวเลือดโดยไม่ตั้งใจ เขาเปิดผ้านวมออก เห็นร่างกายส่วนล่างของฮูหยินรองเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสีแดง
“เจ้าได้รับบาดเจ็บ!” ต๋าหว่าใจเต้นโครมคราม ไม่สนใจว่าฮูหยินรองอ้าปากกล่าวสิ่งใด และหันหลังวิ่งออกไป!
ฮูหยินรองเรียกอย่างไรก็รั้งไว้ไม่ได้
ต๋าหว่าไปที่จวนทิศใต้ อวี๋หวั่นและชุยเฒ่าต่างก็เป็นหมอ ทว่ายามนี้ดึกมากแล้ว เขาไม่อยากบุกเข้าไปในห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น จึงตัดสินใจไปหาชุยเฒ่า
ชุยเฒ่าเพิ่งหลับไปก็ถูกคนปลุกให้ตื่น จึงหงุดหงิดไม่น้อย
“ท่านรีบหน่อย เร็วเข้า! นางบาดเจ็บ! เลือดออกเยอะมาก!” ต๋าหว่าลากชุยเฒ่าไปที่เรือนของฮูหยินรอง
กระดูกชุยเฒ่าแทบหลุดออกจากกัน เขาเป็นคนชราอายุมากแล้ว! เหตุใดผู้คนมักลืมความจริงอันยิ่งใหญ่นี้กัน?
ยามที่ชุยเฒ่าไปที่ห้องฮูหยินรอง ใบหน้าของฮูหยินรองก็แดงก่ำ
ชุยเฒ่าเห็นท่าทีเช่นนี้ก็มีเค้าลางในใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็มิใช่ไม่เป็นอะไร
“ไม่ ไม่ต้องหรอก ท่านผู้เฒ่า ข้ามี…ระดู” ฮูหยินรองกล่าวอย่างเขินอาย
“อย่างไรก็ให้ข้าตรวจชีพจรเจ้าสักหน่อย” ชุยเฒ่ากล่าว
ฮูหยินรองยื่นมือออกมาช้าๆ
ชุยเฒ่าจับชีพจรให้นางผ่านผ้า ไม่นานคิ้วก็ขมวดมุ่นและกล่าวว่า “เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เจ้าแท้งบุตรในคราวนั้นได้ทิ้งรอยโรคเอาไว้ กระทั่งบัดนี้ยังรักษาไม่หาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของเจ้าจะแก่ก่อนวัยอันควร นับว่าเจ้าโชคดีที่ได้พบข้า วันนี้ดึกมากแล้ว ไม่อาจปรุงยาได้ทัน วันพรุ่งนี้ข้าจะนำยามาให้”
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า” ฮูหยินรองค้อมกาย
ชุยเฒ่าอ้าปากหาวเดินออกไป ยามผ่านต๋าหว่าก็จ้องมองเขาและกระซิบว่า “ไม่ใช่โรคคอขาดบาดตายอะไร รอพรุ่งนี้ไม่ได้หรือ!”
“ข้า…ข้า…” ต๋าหว่าก้มหน้ากระอักกระอ่วน อยากจะหายตัวไปเสียตรงนี้
เจ้าเด็กนี่ทำเรื่องใหญ่เกินไป แม้แต่ชุยเฒ่าก็หมดหนทางจะช่วยเขาได้
ภายในห้อง หลังจากข้ารับใช้เก็บกวาดจนสะอาด ทั้งสองก็กลับลงไปนอนบนเตียงนุ่มอีกครั้ง
“นายท่านรอง…เหตุใดกระทั่งเรื่องนี้ก็ยังไม่รู้?” ในความมืด ฮูหยินรองมองเขาแล้วเอ่ยถาม
ก็เขาไม่เคยมีสตรีนี่! เขาจะไปเข้าใจเรื่องนี้ได้ที่ใด?
ต๋าหว่าใบหน้าแดงก่ำ “ข้า…ง่วงนอนขาดสติ”
ฮูหยินรองยกมุมปากขึ้นเบาๆ
………………
เวลาดึกมากแล้ว ทุกคนต่างก็เข้าสู่นิทรา ทว่าไข่ดำทั้งสามกลับนอนเบิกตาโตแข่งกันบนเตียงกว้าง
กลางวันนอนเยอะ กลางคืนจึงไม่หลับ
พวกเขาทั้งสามจับเท้าเล็กๆ ของตนกลิ้งไปมาระหว่างอวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉา กลิ้งไป เจ้าชนข้านิด ข้าชนเจ้าหน่อย บ้างก็สีบิดาตัวเหม็นเป็นครั้งคราว
อวี๋หวั่นนอนหลับอยู่ฝั่งในของเตียง ยิ่งอายุมากขึ้น เธอก็นอนมากขึ้น เดิมคิดจะกล่อมเด็กทั้งสามเข้านอน ผลคือพวกเขาไม่หลับ กลับเป็นเธอที่หลับไปเสียเอง
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ข้างเตียง ภายนอกคืออ่านตำรา ทว่าแท้จริงแล้วคือเฝ้าเด็กน้อยทั้งสาม
ทั้งสามเล่นซุกซน ทว่ากลับไม่ได้ส่งเสียงดัง เพียงแค่กลิ้งไปมาเงียบๆ และระวังไม่ให้ถูกอวี๋หวั่น
“ในท้องท่านแม่มีน้องสาวอยู่” เอ้อร์เป่ากระซิบ ไม่อยากปลุกให้ท่านแม่ตื่น
“เป็นน้องชาย” เสี่ยวเป่ากระซิบ
“น้องสาว” เอ้อร์เป่ากล่าว
“น้องชาย” เสี่ยวเป่ากล่าว
เป่าทั้งสองทะเลาะกัน ทว่าต้าเป่าไม่ได้สนใจ ร่างน้อยอวบอ้วนกลิ้งไปรอบๆ จนถึงขาของเยี่ยนจิ่วเฉาและมองที่บิดาด้วยท่าทางน่ารัก
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองเขาและอุ้มเขาขึ้นมาวางไว้บนตัว
ต้าเป่านอนอยู่ในอ้อมแขนของบิดา อ้าปากหาวเล็กๆ หัวเล็กๆ เสาะหาตำแหน่งที่สบาย เปลือกตาค่อยๆ ปิดปรือ
เยี่ยนจิ่วเฉามือหนึ่งถือตำรา อีกมือตบหลังต้าเป่าเบาๆ
พวกเขารักท่านแม่ แต่ก็รักท่านพ่อ บนตัวของท่านพ่อมีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจ
ความรู้สึกปลอดภัยมหาศาลทำให้ต้าเป่าจับชายเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉาและผล็อยหลับไปด้วยความสบายใจ
เสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เป่าทะเลาะกันอยู่พักหนึ่ง จนทำให้ตัวเองหลับไปในที่สุด
เยี่ยนจิ่วเฉาจัดแจงเด็กสามคนเข้าที่ แน่นอนว่าให้ตนเองอยู่อีกฝั่งหนึ่ง อวี๋หวั่นเป็นของเขา เจ้าเด็กตัวเหม็นพวกนี้อย่าหวังจะแย่งไปจากเขาได้
บิดามารดาบุตรห้าคนหลับไปอย่างสงบ มีเพียงสองคนที่ยังตื่นอยู่ คืออวี๋เซ่าชิงและเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์กลางวันออกแรงใช้กำลังเปิดกล้ามเนื้อและกระดูก ตกกลางคืนก็หาความตื่นเต้น อวี๋เซ่าชิงรู้สึกราวกับมีภาพลวงตาว่าตนกลับไปอยู่ที่เกาะร้าง อาซูทำกับเขาเช่นนั้นเช่นนี้ อาซูช่างดียิ่งนัก อาซูดีจริงๆ…..
……………
ณ ตำหนักราชินีแม่มด หลังจากการรักษาช่วยชีวิตหนึ่งวันหนึ่งคืน พ่อมดใหญ่ก็เหนื่อยล้าแทบเป็นอัมพาต
“ราชินีแม่มด!” หลีชั่วเดินมาที่เตียง มองราชินีแม่มดที่ใบหน้าซีดเซียว และจับมือนางด้วยความวิตกกังวล
หงหลวนคุกเข่าลงมองราชินีแม่มดอย่างประหม่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด นิ้วของราชินีแม่มดเริ่มขยับ ดวงตาลืมขึ้นอย่างเย็นชา
…………………………………………