หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 514 พ่อเขยลูกเขยพบหน้า ความรู้สึกดีท่วมท้น
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 514 พ่อเขยลูกเขยพบหน้า ความรู้สึกดีท่วมท้น
อาม่าตั้งสติแล้วกล่าวต่อ “ไม่มีผู้ที่ตกอยู่ในกำมือของมัน แล้วมีโอกาสได้ต่อสู้แม้แต่คนเดียว!”
…
วันนี้เป็นวันพิธีสรงสามของหลานชายฝั่งมารดาของฮูหยินรอง ต๋าหว่ารับปากว่าจะกลับไปบ้านมารดาเป็นเพื่อนนาง วาจาที่เปล่งออกจากปาก ก็เป็นดั่งสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ หลังจากทานมื้อเช้าไม่นาน ต๋าหว่าก็ขึ้นรถม้าเดินทางไปยังจวนสกุลเนี่ยกับฮูหยินรอง
ต๋าหว่ามาไม่ทันการสนทนาระหว่างอวี๋หวั่นและพวกอาม่า ทว่าแผนการในคืนนี้เขาเองก็รู้ รอให้แลกตัวเยี่ยยางกับราชาพ่อมดแล้ว ภารกิจของพวกเขาในเผ่าพ่อมดก็จะสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะตามพวกเขาจากไปด้วยเช่นกัน
เขาลอบมองสตรีข้างกาย ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจ…
“นายท่านรองเป็นอะไรไปหรือ?” ฮูหยินรองหันมากล่าวเบาๆ ขัดความคิดต๋าหว่า
“อา ไม่มีอะไร” ต๋าหว่าหันหน้ากลับ มือที่วางบนเข่าค่อยๆ กำแน่น “ข้ากำลังคิดว่า กว่าข้าจะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านพร้อมกับเจ้าสักครั้งก็ไม่ง่ายเลย แต่ของขวัญสักชิ้นก็ไม่มี”
ฮูหยินรองโค้งมุมปากเล็กน้อย “ข้าเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว นายท่านรองไม่ตำหนิว่าข้าฟุ่มเฟือยก็พอ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” ต๋าหว่าตอบโดยไม่ต้องคิด
ฮูหยินรองแย้มยิ้ม หลุบตาลงต่ำ เล่นผ้าเช็ดหน้าในมือ
ทันใดนั้น ล้อของรถม้าก็ชนกับหินก้อนหนึ่ง รถม้าถูกกระแทกอย่างแรง ฮูหยินรองกรีดร้อง ร่างกายพุ่งไปด้านหน้าและกำลังจะชนกับกำแพง ต๋าหว่ามือไวสายตาเฉียบแหลมคว้าตัวนางดึงกลับมาได้ทัน
พละกำลังที่ใช้นั้นมากเกินไปจนฮูหยินรองล้มสู่อ้อมแขนของเขา
แม้ทั้งสองจะนอนร่วมเตียง ทว่าก็ไม่เคยใกล้ชิดกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ต๋าหว่าได้สัมผัสความรู้สึกที่มีนางอยู่ในอ้อมแขนของตน
ต๋าหว่าผงะไปชั่วครู่
“ขออภัยขอรับ ล้อกระแทกเข้ากับบางสิ่ง นายท่านรอง ฮูหยินรอง พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” สารถีเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“ไม่เป็นไร” ฮูหยินรองรีบทรงตัวนั่ง ขนตากระพือสั่นไหว ใบหน้าแดงก่ำ
ต๋าหว่าไม่เคยต้องสตรีใดมาก่อน การสัมผัสเมื่อครู่นั้น ทำให้เขาตกใจยิ่งนัก กระทั่งมาถึงจวนสกุลเนี่ยแล้วก็ยังไม่ได้สติกลับคืนเต็มที่
เวินซวี่กับฮูหยินรองภายนอกสนิทสนมทว่าความจริงไม่ใช่ เรื่องนี้ในแวดวงชนชั้นสูงแห่งเผ่าพ่อมดมิใช่ความลับอะไร ในปีแรกๆ เวินซวี่ยังคงทำเหมือนทุกอย่างปกติใต้อิทธิพลของผู้อาวุโสสูงสุดและบิดา เมื่อความสัมพันธ์สามีภรรยาค่อยๆ ห่างเหิน สุดท้ายเวินซวี่ก็ขี้เกียจจะแสดงละครต่อไป
ดังนั้นยามที่ ‘เวินซวี่’ ปรากฏตัวพร้อมกับฮูหยินรอง ในพิธีสรงสามของคุณชายน้อยเนี่ย แขกหลายคนจึงรู้สึกประหลาดใจ
“ข้าได้ยินมาว่า เวินซวี่เลี้ยงปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งไว้นอกเผ่า ท้องก็ท้องแล้ว ยังพากลับไปที่จวนสกุลเวิน!”
“มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน! ไม่เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงกลับมาเยี่ยมบ้านสะใภ้พร้อมกับเนี่ยหวั่นโหรวได้เล่า? คงคิดจะให้เนี่ยหวั่นโหรวรับเด็กนั่นไว้น่ะสิ!”
เวินซวี่กลับจากด้านนอกมาก็มิใช่วันสองวัน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีข่าวว่าเขาให้กำเนิดบุตรกับสตรีอื่น ช่างเป็นการกระทำที่ไม่เห็นภรรยาอยู่ในสายตา หากเนี่ยหวั่นโหรวร้องไห้ปรับทุกข์เรื่องนี้กับผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสสามย่อมต้องขอคำอธิบายจากจวนสกุลเวินแน่
ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้ต๋าหว่าตามฮูหยินรองกลับมาเยี่ยมบ้านสะใภ้ ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งแย่งกันพูดไปต่างๆ นานาแล้ว
ฮูหยินรองไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าคนกลุ่มนี้ก็ไม่กล้าเข้ามาถามนางต่อหน้า
แต่มีคนหนึ่งซึ่งเป็นที่ยกเว้น
“คุณหนู นายท่านเรียกคุณหนูเจ้าค่ะ” สาวใช้สกุลเนี่ยผู้หนึ่งเดินเข้ามากระซิบกับฮูหยินรองที่โถงบุปผา
“เข้าใจแล้ว” ฮูหยินรองพยักหน้า และกล่าวกับเวินซวี่ที่นั่งยืดตัวตรง “ท่านตามข้ามาด้วยกันเถอะ”
ไปด้วยกัน ดีเลย!
เขาไม่รู้จักผู้ใดที่นี่ หากมีผู้ใดเข้ามาคุยกับเขา แผนต้องแตกแน่!
ฮูหยินรองพาต๋าหว่าไปที่ลานของผู้อาวุโสสาม
ขณะที่กำลังจะเข้าห้องตำรา ก็มีสาวใช้นางหนึ่งเดินเข้ามา “นายท่านกล่าวว่าต้องการพบเพียงคุณหนู เชิญท่านบุตรเขยรอข้างนอกเถอะเจ้าค่ะ”
รอข้างนอกรึ? จวนสกุลเนี่ยขาดแม้กระทั่งห้องโถงรับแขกหรืออย่างไร? เห็นได้ชัดว่าต้องการวางอำนาจกับเวินซวี่
ผู้อาวุโสสามเฝ้าดูเวินซวี่จนเติบใหญ่ ยามที่เขายังเด็กนับว่าไม่เลว เฉลียวฉลาด ปากหวาน เป็นที่รัก ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ได้อย่างไร? ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าสิบปีหลังจากนั้น เวินซวี่จะเติบโตเป็นต้นไม้ที่คดงอเช่นนี้?
ผู้อาวุโสสามเกลียดชังเวินซวี่ในยามนี้ ยิ่งได้ยินมาว่าเวินซวี่พาปีศาจจิ้งจอกกลับมา ก็โกรธเกรี้ยวจนนอนไม่หลับถึงสามวันสามคืน หากปล่อยให้เวินซวี่เข้ามานั่งในห้องทำตัวตามสบายก็แปลกแล้ว
ต๋าหว่ากลับไม่ถือสา ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอจริงๆ จังๆ บุตรชายที่จริงจัง ยืนแล้วจะเป็นอะไร? อากาศข้างนอกก็ไม่เลว!
“ท่านอย่าเดินเตร็ดเตร่ไปที่ใด ไม่นานข้าจะออกมา” ฮูหยินรองเอ่ยเตือน
ต๋าหว่ากล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไปรอเจ้าข้างนอก เจ้าไม่ต้องรีบร้อนออกมา ไม่ได้พบหน้าท่านพ่อของเจ้ามานาน อยู่พูดคุยกับเขามากหน่อย”
ฮูหยินรองมองเขา อ้าปากอ้ำอึ้ง “อื้ม”
ฮูหยินรองเข้าห้องตำราไป
เรื่องที่เวินซวี่เลี้ยงปีศาจจิ้งจอกไว้ ผู้อาวุโสสามไม่เพียงได้ยินได้ฟังมา แต่ยังได้ยินมามากกว่าแขกข้างนอกเสียอีก ปีศาจจิ้งจอกนั่นไม่ใช่สิ่งดีอะไร อาศัยทำให้เวินซวี่ลุ่มหลงมัวเมา ใช้อุบายกับราชาพ่อมด ที่องค์ชายเยี่ยยางหายตัวไปก็เพราะปีศาจจิ้งจอกนั่น
โชคดีที่ราชินีแม่มดเป็นพี่สาวของเขา ไม่เช่นนั้นหากอาศัยเพียงการเห็นแก่ญาติของสองตระกูล จวนสกุลเนี่ยคงถูกบุตรเขยที่โง่เขลาลากลงไปในน้ำแล้ว!
“ท่านพ่อ” ฮูหยินรองเข้ามาคำนับบุรุษร่างสูงใหญ่ ผู้แผ่กลิ่นอายเยียบเย็นทรงพลัง
ผู้อาวุโสสามได้ยินเสียงบุตรี ก็รีบร้อนหันตัวกลับมา เดิมทีคิดว่าจะต้องเห็นใบหน้าเหนื่อยอ่อนไร้ที่พึ่ง ทว่านึกไม่ถึงว่าบุตรีกลับดูผ่องใสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เจ้า…” ผู้อาวุโสสามตกใจเล็กน้อย
“ท่านพ่อสบายดีหรือไม่?” ฮูหยินรองถาม
“ข้าสบายดี ไปพบท่านแม่ของเจ้ามาหรือยัง?” ผู้อาวุโสสามได้สติกลับคืน เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง
ฮูหยินรองชงชาให้เขาเหมือนยามก่อนที่นางจะออกเรือน “กำลังจะไปพอดีเจ้าค่ะ ระหว่างทางได้ยินว่าท่านเรียกหาข้า จึงมาคารวะท่านก่อน”
ผู้อาวุโสสามมองดูบุตรีที่เขาไม่ได้เห็นมานาน ผอมก็นับว่าผอม ทว่ากลับดูมีพลัง ดวงตาทั้งสองก็ดูไม่เหมือนแอ่งน้ำนิ่งเช่นแต่ก่อน กลับเหมือนน้ำพุที่เคลื่อนไหวไหลริน มีกลิ่นอายพลังเช่นนั้น
แต่นี่มันแปลกยิ่งนักมิใช่หรือ?
เห็นชัดๆ ว่าเวินซวี่หักหลังนาง…
“เจ้า…” ผู้อาวุโสสามชะงัก อยากกล่าวตรงๆ ให้กระจ่างแจ้ง “เรื่องของเวินซวี่ข้าได้ยินมาหมดแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยให้ปีศาจจิ้งจอกนั่นเข้าประตูจวนสกุลเวินมาได้! จวนสกุลเวินหากมีนางก็จะไม่มีเจ้า มีเจ้าก็จะไม่มีนาง!”
ฮูหยินรองคลี่ยิ้มเบาๆ
“เจ้ายิ้มอันใด?” ผู้อาวุโสสามมองบุตรีด้วยความประหลาดใจ
ฮูหยินรองส่งชาที่ชงให้ผู้อาวุโสสาม และกล่าวด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนยิ้มแย้ม “สตรีผู้นั้นไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอก เด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ของเวินซวี่เจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?” ผู้อาวุโสสามขมวดคิ้ว
ฮูหยินรองยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ใช่บุตรของเวินซวี่เจ้าค่ะ ดังนั้นท่านพ่อไม่จำเป็นต้องออกหน้าแทนลูก”
ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าเนี่ย อย่าถูกคำพูดไม่กี่คำ วาจาไม่กี่ประโยคของเขาหลอก เจ้านั่นเอาอกเอาใจสตรีได้…”
“อ๊าก——”
ยังไม่ทันกล่าวจบ เสียงร้องของต๋าหว่าก็ดังมาจากในจวน
สีหน้าทั้งคู่เปลี่ยนไป ผู้อาวุโสสามกำลังจะออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงบุตรีวิ่งออกไปเร็วเสียยิ่งกว่าตน
ผู้อาวุโสสามเกือบคิดว่าตนตาฝาดไป บุตรีผู้นี้มิได้ตัดเยื่อใยจากเวินซวี่แล้วหรือ? เหตุใดยังร้อนใจเป็นห่วงเขาเช่นนี้? หรือ…ถูกวาจาน้ำผึ้งหวานของเจ้าเด็กนั่นเกลี้ยกล่อมจนไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้แล้ว?
บิดาและบุตรีเดินตามกันเข้าเรือนไปติดๆ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ เวินซวี่ถูกสตรีที่น่าหลงใหลนางหนึ่งผลักจนล้มลงกับพื้น เวินซวี่มีสีหน้าตกใจ ดวงตาถลึงเกือบจะหลุดออกมา สตรีผู้นั้นทับอยู่บนตัวเขาด้วยท่าทางเย้ายวน แววตายกยิ้ม ราวกับว่าจะดึงตัวเขาไป
สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างกระอักกระอ่วน จะเดินไปก็ไม่ใช่ ไม่เดินไปก็ไม่ใช่
“บังอาจ!” ฮูหยินรองตะโกนเสียงเกรี้ยว
ต๋าหว่าที่มองเห็นนาง ราวกับพบเชือกฟางช่วยชีวิต “ฮูหยิน—”
ฮูหยินรองรีบสาวเท้าเข้าไป ดึงสตรีที่ทับต๋าหว่าออกมา จากนั้นก็ย่อตัวลงพยุงต๋าหว่าที่ล้มจนเจ็บลุกขึ้น
ต๋าหว่าไม่พูดพร่ำ ไปหลบหลังฮูหยินรอง!
สตรีผู้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก!
เขาเพียงยืนอยู่ในเรือนครู่หนึ่ง นางก็เข้ามาพูดคุยกับเขา แล้วยังเข้ามาลวนลามเขา เขาคิดจะผละออก นางก็ไม่ยอม ขณะที่ยื้อยุดเขาก็ตกมาจากบันได นางแสร้งจะเข้าไปดึงเขา แต่กลับกดทับลงบนตัวของเขาแทน
ภายใต้ฟ้าสางกลางวันแสกๆ!!!
สตรีที่ถูกผลักออกจัดแจงดอกไม้ลูกปัดประดับผมให้เข้าที่
ฮูหยินรองบังต๋าหว่าไว้ด้านหลัง มองนางด้วยสายตาเย็นชา “ท่านอาสะใภ้ โปรดสำรวมกิริยาด้วย!”
ต๋าหว่าตกตะลึงอ้าปากค้าง สตรีผู้นี้คืออาสะใภ้ของฮูหยินรองอย่างนั้นหรือ?!
ราวกับเดาได้ถึงความประหลาดใจของเขา ฮูหยินรองจึงกระซิบว่า “ไม่ใช่อาแท้ๆ เป็นอาสะใภ้”
นั่น…นั่นก็อาสะใภ้จริงๆ น่ะสิ! นางกล้ายั่วยวนหลานเขยตนเองได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสสามมุ่นขมวดคิ้วให้บ่าวรับใช้ บ่าวรับใช้รู้ความ ขับไล่ท่านอาสะใภ้สติไม่ดีผู้นี้ออกไป
ต๋าหว่ากล่าวด้วยความงุนงง “ข้า…ข้า…”
ฮูหยินรองกล่าว “ท่านเคยคบหากับท่านอาสะใภ้ของข้า”
ต๋าหว่า “…”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย เหตุใดถึงไปเป็นชู้กับสตรีทั้งโลกได้?!
ฮูหยินรองกล่าว “ท่านอาสะใภ้ของข้าสติไม่ค่อยดี ทว่านางมีใบหน้างดงาม ทั้งยังอ่อนเยาว์…”
ต๋าหว่าฮึดฮัด “งดงามที่ใดกัน? ยังดูดีไม่ได้ครึ่งของเจ้าเสียด้วยซ้ำ!”
ฮูหยินรองถือผ้าเช็ดหน้าหันตัวกลับ ใบหน้าแดงก่ำ
ผู้อาวุโสสามมองดูบุตรีที่เขินอาย และบุตรเขยที่ดูโง่ทึ่มเล็กน้อย ไม่รู้เป็นภาพลวงตาหรือไม่ เขารู้สึกว่าบุตรเขยผู้นี้ดูเข้าตากว่าในอดีต
…………………………………………