หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 524.2 ช่วยชีวิตสุดกำลัง เขามาแล้ว (2)
อิ่งลิ่วนำทางพาพวกเขาไปยังรถม้าที่จอดอยู่บนถนนร้างเล็กๆ นี่คือรถม้าของอาม่ากับชุยเฒ่า ผิงเอ๋อร์ก็อยู่บนนั้นด้วย
“เหตุใดถึงมีรถม้าคันเดียว?” โจวอวี่เยี่ยนมองรถม้าที่ไม่เหมือนคันของอวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉา “พวกพี่หวั่นละ?”
อิ่งลิ่วกล่าว “คุณชายกับฮูหยินน้อยกำลังไปตามนายท่านกับฮูหยิน”
“ชุยเฒ่าละ?” โจวอวี่เยี่ยนก้าวเข้าไปในรถม้า
ชุยเฒ่ากำลังแทะขาลูกแพะ ทันทีที่เห็นสตรีเปื้อนเลือดกับลูกธนูที่หน้าอก เขาก็ผงะ “ทำอะไรเนี่ย?”
“เจ้าพูดอะไร? ช่วยคนไง!” โจวอวี่เยี่ยนกล่าว
“คนตายแล้ว จะช่วยได้อย่างไร?”
“เจ้า!”
“หวั่นโหรวยังไม่ตาย! นางยังไม่ตาย!”
นั่นคือเสียงกรีดร้องของต๋าหว่า
อิ่งลิ่วนั่งด้านนอกและวางต๋าหว่าลงข้างตน เมื่อต๋าหว่าได้ยินชุยเฒ่ากล่าว ก็พลันเปิดม่านเดินเข้าไป จ้องชุยเฒ่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ชุยเฒ่าสะดุ้งโหยง จนขาลูกแพะในมือตกพื้น เขาผงะนิ่ง เมื่อได้สติกลับมาก็ตบไปที่หัวเขาป้าบหนึ่ง “ไอ้เด็กตัวเหม็น! เจ้าอยากตายหรือ?”
ต๋าหว่าถูกตบ ทว่ากลับยังคงจ้องมองชุยเฒ่านิ่งไม่ขยับ “นางยังไม่ตาย!”
“ไยนางจะยังไม่ตาย? ชีพจรก็ไม่มีแล้ว!” ชุยเฒ่าพูดพลางจับข้อมือเนี่ยหวั่นโหรว “หากไม่เชื่อข้า ก็ดูเอาเอง!”
ต๋าหว่าตะคอกดังลั่น “ข้าไม่สน! เจ้าต้องช่วยนาง เจ้าต้องช่วยนาง!”
ชุยเฒ่าจ้องมองเขา “ข้าเป็นหมอ ไม่ใช่เทพเทวดา! จะช่วยชีวิตคนตายได้อย่างไร!”
ต๋าหว่ากอดฮูหยินรองไว้ในอ้อมแขน ดวงตาหลุบลงด้วยความเศร้าสลด “นางยังไม่ตาย… นางยังไม่ตาย…”
อาม่าทนดูต่อไปอีกไม่ไหว จึงเอ่ยกับชุยเฒ่า “ลองรักษาดูหน่อยเถิด”
“ข้าจะรักษาได้อย่างไรละ?” ชุยเฒ่าพึมพำ
อาม่ายกมือข้างหนึ่งวางบนหน้าผากของฮูหยินรอง หลับตาเงียบสงบสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ควรเป็นเช่นนี้…”
“อะไรไม่ควรรึ?” ชุยเฒ่ามองอาม่าอย่างประหลาดใจ
อาม่าพึมพำบ่น “คนดีเช่นนี้ จะตายก่อนเวลาอันควรได้อย่างไร?”
“ใช่ไหมเล่า นางตายแล้ว?” ชุยเฒ่ากล่าว
อาม่ากล่าว “ข้าหมายถึง…นางจะตายได้อย่างไร?”
แม้จะตายก่อนวัยอันควร ทว่าดวงชะตาชัดเจนว่ายังมีแสงแห่งชีวิตอยู่เลือนราง วันนี้ไม่ควรเป็นวันตายของนางสิ
นี่ฟังดูไม่น่าเหลือเชื่อนัก แต่นางไม่ใช่กรณีพิเศษ ความจริงแล้วตามการคำนวณเดิมของเขา เขาควรจะหลับใหลอยู่ใต้ผืนดินไปนานแล้ว หลังจากนั้นพวกอาเว่ยสามคนก็แยกย้ายกันไปตามทางของตน ทว่าทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น
ชะตาของทุกคนเปลี่ยนไป ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด กระทั่งเขาพยายามดูชะตาของอาหวั่นและพบว่ามันไม่ปรากฏ บางทีนางอาจเป็นตัวแปรของทุกคน
อาม่ากล่าวกับชุยเฒ่าว่า “เจ้าจัดการอาการบาดเจ็บของนางก่อน อีกครู่เมื่อได้พบอาหวั่นและราชาพ่อมดแล้วอาจมีหนทาง”
อิ่งลิ่วพยักหน้า “ใช่แล้ว ราชาพ่อมดต่อชีวิตให้กับโจวจิ่น บางทีอาจทำให้ฮูหยินรองยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
“พวกเจ้านี่น้า…” ชุยเฒ่าส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาเป็นหมอและไม่เห็นด้วยกับการใช้เวทมนตร์คาถา ในความเห็นของเขา ฮูหยินรองไม่มีชีพจรแล้ว จะทำให้กลับมามีชีวิตได้อย่างไร? พบราชาพ่อมดแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ต้องเตรียมงานศพให้นาง
ชุยเฒ่าเปิดกล่องยาและเริ่มจัดการกับอาการบาดเจ็บของฮูหยินรอง
ต๋าหว่าเห็นเขาพับแขนเสื้อ ท่าทีไร้ความปรานีอย่างสิ้นเชิง พลันขมวดคิ้ว “เจ้าเบามือหน่อย! อย่าให้นางเจ็บ!”
ชุยเฒ่าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ตายแล้วจะไปเจ็บได้อย่างไร!!!”
ต๋าหว่าโกรธจัด “นางยังไม่ตาย!”
อาม่าปวดหัวกับทั้งสอง “เอาละ หยุดเถียงกันได้แล้ว ชุยเฒ่าเจ้ารีบหน่อย อีกครู่องครักษ์ไล่ล่าก็จะมาแล้ว อยากจัดการก็คงทำไม่ได้แล้ว”
ชุยเฒ่าหยิบกริชและจินชวงเย่าออกมา กำลังจะดึงลูกธนูบนหน้าอกของฮูหยินรอง
“ใช้ยาชา!” ต๋าหว่าบอก
ชุยเฒ่า “…”
อย่างเจ้ายังรู้จักยาชาด้วยหรือ!!!
ยาชายากกลั่น สภาพเช่นนี้เห็นๆ ว่าไม่รู้สึกตัวแล้ว จำเป็นต้องใช้ที่ใดกัน?
ชุยเฒ่ามองต๋าหว่าแทบจะกินเขา พลางส่ายหัว แล้วให้ยาหมาฝู่ส่าน[1]แก่ฮูหยินรอง
ยามที่อิ่งสือซันสลัดกลุ่มองครักษ์ไปได้แล้วรีบมาที่นี่ การจัดการบาดแผลก็ใกล้จะเสร็จสิ้น
พวกเขาเริ่มออกเดินทางไปรวมตัวกับเยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่นและอวี๋เซ่าชิง แต่สิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงคือ มาพบเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นแล้ว ทว่าอวี๋เซ่าชิงกับฮูหยินกลับหายตัวไป เหลือเพียงไข่ดำน้อยสามคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ดวงตาดำใสกลมโตจ้องมองหลุมใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า
“ตกลงไปแล้ว” เสี่ยวเป่าพูดอย่างจริงจัง
“ผู้ใดตกลงไป?” โจวอวี่เยี่ยนถาม
“ท่านตา ท่านยาย แล้วก็อีกคน…” เสี่ยวเป่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ควรจะเรียกพี่ชายหรือพี่สาว
“เป็นร่างแยกของหลัวช่าวิญญาณ” เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องเขม็ง
พวกเขามาถึงก่อนกลุ่มของอิ่งสือซันเพียงก้าวเดียว ยามนั้นทั้งสามก็ตกลงไปในหลุมแล้ว ดูจากร่องรอยการต่อสู้ที่นี่ก็พอเดาได้คร่าวๆ ว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไร ราชินีแม่มดส่งหลัวช่าวิญญาณมา หลัวช่าวิญญาณร่างแยกพบอวี๋เซ่าชิงกับเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ ร่างแยกไม่สามารถเอาชนะเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ได้ จึงหันไปโจมตีอวี๋เซ่าชิงกับไข่ดำทั้งสาม เพื่อปกป้องหลานทั้งสาม อวี๋เซ่าชิงจึงดึงร่างแยกของหลัวช่าวิญญาณลงหลุมไปพร้อมกัน และเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ก็กระโดดลงไปช่วยอวี๋เซ่าชิง
“นี่มันหลุมอะไรกัน? ดูลึกยิ่งนัก” อวี๋หวั่นพูดอย่างกังวลขณะมองดูหลุม
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองหลุมลึกและกล่าวว่า “นี่คือหลุมลึกของเผ่าพ่อมด หากตกลงไป…จะไม่สามารถออกมาได้”
สีหน้าของอวี๋หวั่นเปลี่ยนไป “เช่นนั้นท่านพ่อท่านแม่จะไม่——”
หูของอิ่งสือซันขยับ “คุณชาย! ฮูหยินน้อย! องครักษ์ไล่ล่าตามมาแล้ว! หลัวช่าทหารอีกสองสามตนก็มาด้วย!”
เยี่ยนจิ่วเฉาดึงมืออวี๋หวั่น “รีบไป!”
อิ่งสือซัน อิ่งลิ่วและโจวอวี่เยี่ยนอุ้มไข่ดำน้อยขึ้นรถม้า
ในคืนพระจันทร์เต็มดวง เยี่ยนจิ่วเฉาสูญเสียพลังทั้งหมด หากไม่หมดสิ้นหนทาง ทางที่ดีพวกเขาก็ไม่ควรสู้กับหลัวช่าทหารที่ร้ายกาจพวกนั้น
ทุกคนขึ้นรถม้า
อิ่งสือซันดึงบังเหียน “คุณชาย จะไปที่ใดขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองย้อนกลับไป องครักษ์ไล่ล่ามาจากทุกทิศทุกทาง ยิ่งสถานที่รกร้างว่างเปล่ามากเพียงใดก็ยิ่งใช้ไม่ได้ เข้าไปในตลาดจะดีกว่า “นำรถม้าไปจอดที่ตลาด”
“ขอรับ!”
อิ่งสือซันกลับรถม้ามุ่งหน้าไปที่ตลาด อิ่งลิ่วและโจวอวี่เยี่ยนก็เคลื่อนรถม้าอีกคันตามไปติดๆ เมื่อผ่านสี่แยกเยี่ยนจิ่วเฉาให้อิ่งสือซันหยุดรถม้า
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่นี่แหละ นำของสำคัญติดตัวไป รถม้าไม่ต้องใช้!”
อาม่าถือหนังสือ ชุยเฒ่าหยิบล่วมยา ต๋าหว่าอุ้มฮูหยินรองที่แน่นิ่งไร้สติ
ทันทีที่เห็นทั้งสอง อวี๋หวั่นก็ตกตะลึง อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เธอจับมือเยี่ยนจิ่วเฉาแน่น
พวกเขาเดินผ่านตรอก มาถึงถนนที่มีการสัญจรไปมาคับคั่ง
“แย่แล้ว! ด้านหน้าเป็นองครักษ์ไล่ล่า!” อิ่งสือซันกล่าว
พวกเขารีบกลับหลังเลี้ยวเข้าอีกตรอกหนึ่ง ท้ายตรอกนี้เป็นบ้านพักอาศัย ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะหลบซ่อน ร้านค้ายังเข้าไปเดินได้ แต่บ้านเรือนคนอื่นมีหรือจะให้พวกเขาบุ่มบ่ามเข้าไปได้?
กององครักษ์ไล่ล่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จู่ๆ ประตูเรือนด้านหลังอวี๋หวั่นก็มีเสียงดังเปิดออก มือชรามือหนึ่งยื่นออกมาจับแขนอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นตกใจหันไปมอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดวงตาก็เบิกโตขึ้นในทันที
………………………