หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] - บทที่ 525.2 ปู่หลานพบหน้า ราชาพ่อมดฟื้นคืนสติ! (2)
- Home
- หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]
- บทที่ 525.2 ปู่หลานพบหน้า ราชาพ่อมดฟื้นคืนสติ! (2)
ขณะที่พูด เธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น คิ้วของอวี๋หวั่นเลิกขึ้นหันไปถามอิ่งสือซันและอิ่งลิ่วที่เฝ้าประตู “เกิดอะไรขึ้น?”
อิ่งลิ่วลูบจมูก พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายใช้ยาสายฟ้าจุดไฟ ทำให้เตาสามขาระเบิด…”
ทันทีที่สิ้นเสียง เยี่ยนจิ่วเฉาที่ถูกระเบิดจนหน้าดำเป็นเปาบุ้นจิ้น หัวฟูเป็นรังนกก็เดินออกมาด้วยใบหน้าราวกับขี้เถ้า
“เยี่ยนจิ่วเฉา!” อวี๋หวั่นตะโกนออกมา
เยี่ยนจิ่วเฉาอ้าปากสำลักควันดำออกมา…
อวี๋หวั่น”…”
พ่อครัวเทพเป้า “…”
ปู่กับหลานคุยกันอยู่นาน ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ได้รู้ถึงประสบการณ์การเดินทางของพ่อครัวเทพเป้า หลังจากออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวา เขาก็ไม่เลิกตามหาบุตรชาย และได้เบาะแสของเขาโดยบังเอิญ มีบุรุษคนหนึ่งพลัดพรากจากบิดามารดาในเมืองเยี่ยนมาตั้งแต่เล็ก อายุของบุรุษผู้นี้ก็ตรงกัน พ่อครัวเทพเป้าจึงไปที่เมืองเยี่ยน แต่ก็พบว่าไม่ใช่ เขาจึงเดินทางไปที่หนานจ้าวอีกครั้ง
มาถึงหนานจ้าวก็ยังคว้าน้ำเหลว ทว่าบังเอิญได้พบกับพ่อมดจากประเทศมรกต พ่อมดคนนั้นชื่นชอบฝีมือการทำอาหารของเขามาก จึงคิดจะให้เขาอยู่เคียงข้าง เดิมทีเขาคิดจะปฏิเสธ แต่พ่อมดก็พูดกับเขาว่า เจ้าไม่ได้กำลังตามหาบุตรชายหรือ? ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปยังเผ่าพ่อมด ที่นั่นมีพ่อมดผู้ทรงพลังมากมาย บางทีอาจทำนายให้เจ้าได้
เพื่อการทำนายนี้ เขาเดินทางมาถึงเผ่าพ่อมดซึ่งอยู่ห่างไกลเกือบหมื่นหลี่
น่าเสียดายที่พ่อมดคนนั้นถูกศัตรูตามล้างแค้นสังหารกลางทาง เส้นทางอีกครึ่งที่เหลือเขาคลำทางมาด้วยตนเอง แม้ว่าเขาจะไม่เอ่ยถึงความยากลำบาก แต่อวี๋หวั่นผ่านมาแล้ว ในใจเธอรู้ดี
เมื่อนึกภาพชายชราโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง ยันไม้เท้าเดินจูงอูฐขวักไขว่กลางทะเลทราย อวี๋หวั่นก็รู้สึกปวดใจ
“ท่านปู่เป้า…” อวี๋หวั่นสะอื้น
“เอาละๆ ไม่ต้องพูดเรื่องข้าแล้ว เจ้าละ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่? แล้วก็เด็กพวกนั้น…”
อวี๋หวั่นเล่าถึงที่มาของเด็กๆ
เมื่อได้ยินว่าเด็กน้อยสามคนเป็นบุตรของหนูหวั่น พ่อครัวเทพเป้าถอนใจด้วยความโล่งอก ทว่าก็เลี่ยงที่จะรู้สึกปวดใจไม่ได้
“ท่านปู่เป้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสบายดี” อวี๋หวั่นพูดด้วยรอยยิ้ม
เด็กน้อยสามคนถือดาบไม้ทำท่าทางต่อสู้อยู่กลางเรือน
“ตีๆๆๆ!”
“ยะ!”
พ่อครัวเทพเป้ามองดูพวกเขา ดวงตาชราปรากฏร่องรอยความอบอุ่นที่หาได้ยาก
บางทีความทุกข์ทั้งหมดคือการบำเพ็ญปฏิบัติ
ฝึกฝนจนพระโพธิสัตว์เห็นใจ จึงจะสำเร็จที่ปลายทาง
ไม่พบกันนาน เรื่องอยากเอ่ยมีมากมายนัก อวี๋หวั่นจึงเลือกประเด็นสำคัญ ส่วนมากเกี่ยวกับอาการป่วยของเยี่ยนจิ่วเฉา “…เขาถูกพิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียงและไป๋หลี่เซียง พิษสองชนิดยั้บยั้งกันเองในร่างกายของเขามาหลายปี ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่มาด้วยความบังเอิญ หลังจากนั้น พิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียงได้ถูกถอนออก อาการพิษของไป๋หลี่เซียงจึงไม่อาจระงับได้”
พ่อครัวเทพเป้ากล่าว “ช้าก่อน เจ้าบอกว่าพิษตู๋โจ้วแห่งหนานเจียง…ข้าเคยได้ยินมา ว่ากันว่ามันจะส่งต่อไปยังลูกหลาน เด็กๆ พวกนั้นไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ถูกราชันสัตว์พิษดูดกลืนไปหมดแล้ว พวกเขาไม่เป็นไร”
เธอไม่รู้ว่าสัตว์พิษตัวน้อยทำได้อย่างไร อย่างไรเด็กทั้งสามคนก็ปลอดภัยแล้ว
อวี๋หวั่นกล่าวต่อไปว่า “การล้างพิษไป๋หลี่เซียง ต้องใช้ยาสี่ชนิด สามชนิดแรกได้มาแล้ว ขาดเพียงน้ำตาของราชาพ่อมดเท่านั้น จริงสิ บุรุษที่มู่ชิงแบกมาเมื่อครู่ก็คือราชาพ่อมด เด็กอายุเก้าขวบคนนั้น โจวจิ่น เป็นบุตรชายคนเล็กของเขา”
พ่อครัวเทพเป้ากล่าวว่า “บุตรชายคนเล็ก ราชาพ่อมดมีบุตรชายเพียงคนเดียวมิใช่หรือ? แม่ผู้ให้กำเนิดของเขา…”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ไม่ใช่ราชินีแม่มด แต่เป็นคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…” พ่อครัวเทพเป้าพยักหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขามาที่เผ่าพ่อมดได้ไม่นาน มีบางเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เขารู้เพียงราชาพ่อมดกับราชินีแม่มดมีบุตรชายคนหนึ่ง คนเรียกเขาว่าองค์ชายเยี่ยยาง ว่ากันว่าเยี่ยยางอายุสิบสองปี แต่โจวจิ่นกลับมีอายุเพียงเก้าปี ทั้งยังแซ่โจว ต้องมีเงื่อนงำเป็นแน่
พ่อครัวเทพเป้าไม่ได้ถามเรื่องภายในครอบครัวของราชาพ่อมดต่อ แต่กล่าวว่า “หลายวันมานี้เผ่าพ่อมดไม่สงบสุข หมู่บ้านด้านนอกมีองครักษ์มาไม่น้อย ข้าได้ยินจากคนงานของร้านอาหารพูดกันว่ามีสายสืบแอบเข้ามาในเมือง ไม่นึกว่าจะเป็นพวกเจ้า เจ้าตั้งครรภ์แล้ว ยามที่เจ้ายืนอยู่หน้าประตู ข้าแทบจำเจ้าไม่ได้”
อวี๋หวั่นรู้สึกเขินอาย ยิ้มกระมิดกระเมี้ยน “โชคดีที่พบท่าน ไม่เช่นนั้นเราคงถูกพบแล้ว”
เมื่อนึกบางอย่างได้ พ่อครัวเทพเป้าก็มองไปรอบๆ “จริงสิ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกว่าพ่อแม่ก็มาที่นี่ด้วยหรือ? เหตุใดไม่เห็นพวกเขาเลย?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อวี๋หวั่นก็ทอดถอนใจ “ท่านปู่เป้า ท่านเคยได้ยินเรื่องหลุมลึกหรือไม่?”
“เจ้าหมายถึง…หลุมศักดิ์สิทธิ์ของต้าไหวผอหรือ?” พ่อครัวเทพเป้าถาม
“หลุมศักดิ์สิทธิ์?” อวี๋หวั่นตกตะลึง
พ่อครัวเทพเป้ากล่าวว่า “อา คนนอกหมู่บ้านเรียกกันเช่นนั้น หลุมนั้นลึกยิ่งนัก คนที่ตกลงไปไม่เคยกลับขึ้นมา ทำไมหรือ? พ่อแม่ของเจ้าตกลงไปในหลุมศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
“อื้ม” อวี๋หวั่นพยักหน้าด้วยความเศร้าสร้อย
พ่อครัวเทพเป้าไม่รู้ว่าควรจะปลอบนางอย่างไร ความเห็นของเขา โอกาสที่จะปีนขึ้นจากหลุมนั่นอีกครั้ง ยังไม่มากเท่ากับทำให้ฮูหยินรองฟื้นจากความตาย ทว่าอย่างไรแม้แต่เรื่องฟื้นจากความตายเขาเองก็ไม่เชื่อ
แอด——
ประตูที่ปิดอยู่เปิดออก
ราชาพ่อมดเดินออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ท่านปู่เป้า ข้าขอเข้าไปดูก่อนสักหน่อย” อวี๋หวั่นพูดพลางพยุงพ่อครัวเทพเป้านั่งบนม้านั่งหิน และเดินไปที่ห้องของฮูหยินรอง
“ฝ่าบาท” อวี๋หวั่นกล่าวทักทาย
ราชาพ่อมดสวมเสื้อคลุมขนาดใหญ่ สวมหมวกคลุมและถุงมือคู่หนึ่ง พยายามปกปิดใบหน้าและมือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นพิษ
เขาพยักหน้าให้อวี๋หวั่น “องค์หญิงเห้อเหลียน”
“เอ่อ…” เขารู้ว่าเธอเป็นใครด้วยหรือ? เธอยังไม่ได้บอกเขาเลยนะ!
เมื่อสังเกตเห็นความสงสัยของอวี๋หวั่น ราชาพ่อมดก็ยิ้มจางๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าคือราชาพ่อมด”
ใช่แล้ว คนผู้นี้คือราชาพ่อมด ครอบครองมนตราคาถาสูงสุด สามารถดูดวงทำนายดาว ตราบเท่าที่เขาต้องการ พวกเขาแทบไม่อาจมีความลับใดๆ ยามอยู่ต่อหน้าคนผู้นี้
“หวั่นโหรว…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ต๋าหว่าถาม
ราชาพ่อมดทอดถอนใจอย่างเศร้าโศก “ขอโทษด้วย ข้าพยายามสุดความสามารถแล้ว”
ต๋าหว่าทรุดลงกับพื้น
ราชาพ่อมดกล่าวว่า “โอกาสมีชีวิตของนางถูกรักษาไว้แล้ว”
ต๋าหว่าลุกขึ้นยืนราวกับปลาหลี่อวี๋กลิ้งกลับ!
ต๋าหว่าพุ่งเข้าไปอย่างเร็วรี่
ราชาพ่อมดกล่าวต่อ “แต่จะฟื้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของนางเอง”
ที่แท้ก็ยังไม่ฟื้นหรือ
ต๋าหว่าโงนเงนล้มลง!
อวี๋หวั่น”…”
พูดให้จบในคราวเดียวไม่ได้หรือ?
ได้แกล้งสักหน่อยก็มีความสุขยิ่งนัก?
แต่ไม่ว่าอย่างไร โอกาสมีชีวิตถูกรักษาไว้แล้วก็ดี ตามที่ราชาพ่อมดกล่าว ยามนี้นางเป็นคนตายที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจและชีพจร แต่กลับไร้หนทางฟื้นจากหลับใหล
“พวกเจ้า…ต้องการน้ำตาราชาพ่อมดใช่หรือไม่?” ราชาพ่อมดมองไปที่อวี๋หวั่น
“อื้ม” คราวนี้อวี๋หวั่นไม่ได้ถามว่าเขารู้ได้อย่างไร เขาเป็นราชาพ่อมด เขาอยากรู้อะไร มิใช่หลับตาทำนายก็รู้แล้วหรือ?
ราชาพ่อมดกล่าวว่า “ข้าจะให้น้ำตาของราชาพ่อมดกับพวกเจ้า แต่ข้ามีเงื่อนไข”
อวี๋หวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ช่วยท่านฟื้นอำนาจในเผ่าพ่อมดหรือ?”
“ไม่” ราชาพ่อมดส่ายหัว “ข้ามีเงื่อนไขสองข้อ ข้อแรกฆ่าหลัวช่าวิญญาณ ข้อสองนำกระดูกมารดาโจวจิ่นกลับมา พวกเจ้าทำได้เมื่อใด ข้าก็จะให้น้ำตาของราชาพ่อมดแก่พวกเจ้าเมื่อนั้น”
อวี๋หวั่นขมวดคิ้วเรียวที่อาจหาญ “เงื่อนไขข้อสองไม่ยาก กระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์ถูกฝังไว้ในวังของท่าน เราสามารถขโมยมันมาได้ แต่หลัวช่าวิญญาณ…เป็นปีศาจที่แม้แต่ท่านกับราชาศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกัน ก็ยังไม่อาจสังหารได้ ท่านจะให้เราฆ่ามันได้อย่างไร? ให้ตายไปพร้อมกับมันหรือ?”
ราชาพ่อมดยิ้มจางๆ “นี่เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าต้องการน้ำตาของราชาพ่อมด ข้าต้องการกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์และชีวิตของอู๋ซั่งเยว่จี”
อวี๋หวั่นกระซิบ “อัดท่านสักหน ท่านจะร้องไห้หรือไม่?”
ราชาพ่อมดหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าคิดว่าน้ำตาที่ราชาพ่อมดหลั่งออกมา ล้วนเรียกว่าน้ำตาของราชาพ่อมดหรือ?”
“ไม่ใช่หรือ?” อวี๋หวั่นมองเขาด้วยความแปลกใจ
ราชาพ่อมดยิ้มไม่เอ่ยสิ่งใด ตบไหล่เล็กๆ ของอวี๋หวั่นแล้วเอนตัวแนบกระซิบข้างหู “เช่นนั้นเจ้าก็อย่าตบหน้า”
อวี๋หวั่น”…”
……………………