หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 157-1 ปลากินคน ไล่ตามภรรยา
ตั้งแต่เฉียวเวยกระโดดลงมาในน้ำ ก็เริ่มว่ายเข้าหาฝั่งทันที ตัวเรือนิ่งเกินไป เวลานั่งอยู่ใต้หลังคาจึงไม่รู้สึก แต่เมื่อออกมาอยู่ข้างนอก ถึงได้รู้สึกว่าพวกนางอยู่ห่างจากฝั่งมาไกลมากแล้ว
คะเนจากสายตาน่าจะหลายร้อยเมตรเห็นจะได้
ด้วยพละกำลังของเฉียวเวย การว่ายน้ำไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เวลานี้หัวไหล่ซ้ายของนางกำลังบาดเจ็บ ทั้งอ่อนแรงและเจ็บปวด
เลือดสดๆ ค่อยๆ ซึมผ่านรอยปริของผ้าออกมาสู่น้ำในทะลเสาบที่เย็นเฉียบ
ปลาน้อยตัวหนึ่งที่รูปทรงออกแบนว่ายผ่านเฉียวเวยไป มันว่ายผ่านไปสบายๆ เฉียวเวยไม่ได้สนใจมัน มันเองก็ไม่ได้สนใจเฉียวเวย
คนกับปลาว่ายเฉียดผ่านกันไป
แต่ครั้นเฉียวเวยว่ายห่างไปไกลได้ประมาณครึ่งเมตร ก็มีของเหลวสีแดงจางๆ กระจายเฉียดจมูกปลาตัวน้อยไป
ครีบที่ส่ายไปมาอยู่ของปลาน้อยพลันชะงัก ตามด้วยหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว มันว่ายขึ้นลงไปรอบของเหลวสีแดงนั้น สายตาที่เหม่อลอยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น
มันว่ายเข้าไปในดงพืชน้ำ ในดงพืชน้ำพลันมีปลาชนิดเดียวกันฝูงหนึ่งพุ่งตัวออกมา ตัวใหญ่ที่สุดน่าจะหนักประมาณสามสี่จิน ตัวเล็กที่สุดใหญ่เพียงฝ่ามือเท่านั้น พวกมันว่ายตรงดิ่งไปหาเฉียวเวย
ความว่องไวของประสาทสัมผัส เมื่ออยู่ในน้ำจะลดต่ำลงมาก ทุกครั้งที่ขยับวาดแขน เสียงแหวกน้ำบดบังความเคลื่อนไหวรอบด้านไปจนหมดสิ้น เฉียวเวยไม่ได้ยินเลยว่าใต้ร่างนางนั้น ปลาทั้งหลายเริ่มจุดเตาตั้งหม้อกันแล้ว
ปลาฝูงนั้นว่ายตามนาง หมุนวนอยู่ใต้ตัวนางนั้นเอง พวกมันถูกกลิ่นคาวเลือดจากแขนของเฉียวเวยกระตุ้นจนสะบัดหางไม่หยุด แต่กลับไม่ได้พุ่งเข้าไปหาทันที เพียงอดกลั้นความหิวโหยของตนเอาไว้ ถอยห่ายไปช้าๆ เปิดโอกาสให้กับปลาตัวน้อยได้เริ่มก่อน
ปลาน้อยตัวหนึ่งว่ายไปที่ขาของเฉียวเวย มันอ้าปาก แยกเคี้ยวยิงฟันคมทั้งบนล่าง มุ่งตรงไปที่ข้อเท้าของเฉียวเวย แล้วอ้าปากงับทันที!
ป๊อกๆๆ
ฟันของปลาน้อยหักเสียแล้ว
ปลาน้อยเสียขวัญมาก
อาหารอันนี้แข็งเกินไปแล้ว เล่นเอาฟันของปลาน้อยหักหมดเลย!
ปลาน้อยว่ายน้ำตารื้นกลับไปหาพ่อปลา
พ่อปลาแยกเขี้ยวยิงฟันว่ายรอบตัวเฉียวเวยเป็นตัวอย่างให้ดูรอบหนึ่ง ก่อนจะใช้ครีบปลาตีครีบปลาน้อยเบาๆ
ปลาน้อยรวบรวมความกล้าแล้วแหวกว่ายเข้าไปหาเฉียวเวยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้กัดตรงข้อเท้าที่แข็งโป๊ก แต่เป็นตรงหัวไหล่อันนุ่นแน่น หัวไหล่นางได้รับบาดเจ็บ ตัวเสื้อปริแตก ผิวกายที่แน่นเด้งจึงเปิดเปลือยอยู่กลางสายน้ำโดยไม่มีอะไรปกป้องสักนิด
ปลาน้อยอ้าปากที่มีเลือดกลบเต็มไปหมด แล้วกัดแรงๆ ไปที่แผลของเฉียวเวย!
ป๊อกๆๆ!
ฟันหากอีกแล้ว
ปลาน้อยสะเทือนใจอย่างรุนแรง ไหนบอกเป็นอาหารอย่างไร เหตุใดถึงแข็งปานนี้!
ปลาน้อยว่ายกลับไปหาฝูงปลากินคนอย่างน่าสงสาร
ปลากินคนบอกปลาน้อยไม่ต้องเสียใจไป แล้วจึงอธิบายวิธีการให้เขาฟังอีกครั้ง
ปลาน้อยใช้ครีบปิดตาเอาไว้ ไม่ว่าพ่อปลาจะแสดงให้ดูอย่างไร มันก็ไม่ยอมมองทั้งสิ้น
ปลากินคนโกรธเสียแล้ว เจ้าเปี๊ยกนี่เหตุใดถึงไม่เชื่อฟังกันเลย!
ตั้งแต่ถูกจับมาปล่อยยังที่บ้าๆ นี่ พวกมันไม่ได้แตะเนื้อคนอีกเลย ได้แต่กินหญ้า (พวกปลาซิวปลาสร้อยกุ้งตัวเล็กๆ สำหรับพ่อปลาแล้วจัดเป็นพืชน้ำชนิดหนึ่ง) ความสามารถในการหาอาหารของพวกเด็กรุ่นหลังลดต่ำลงขนานหนัก หากยังไม่รีบฝึกฝนให้ดี ปลากินคนจะไม่ใช่ปลากินคนอีกต่อไป จะกลายเป็นปลากินพืชแทน!
ปลากินคนเอาครีบปลาตีที่ศีรษะของปลาน้อย ปลาน้อยถูกตีจนตีลังกาในน้ำไปหลายตลบ เรียกได้ว่าน่าเวทนายิ่งนัก
ปลากินคนทำท่าบอกให้ปลาน้อยไปอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นจะตีไปเรื่อยๆ แต่ปลาน้อยไม่อยากไปแล้ว เป็นตายอย่างไรก็ไม่อยากไป!
ปลากินคนตัดสินใจที่จะออกไปแสดงให้ดูด้วยตนเอง เพื่อเป็นการบอกบุตรชายว่าอาหารไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว อีกทั้งอาหารยังมีรสชาติเป็นเลิศอีกด้วย อร่อยกว่า “พืชน้ำ”เป็นร้อยเป็นพันเท่า
ปลากินคนว่ายไปอยู่ด้านข้างเฉียวเวย ส่วนที่มันจะโจมตีเป็นส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุดในตัวอาหาร ฟันอันแหลมคมของมันสามารถกัดเสื้อผ้าอาหารให้ขาด และกัดลงบนผิวกายของอาหารได้อย่างแม่นยำ
มันอ้าปากที่ดูน่าสยองกว่าปลาน้อยเป็นร้อยเท่า แล้วงับลงไปทันที! มันกัดสายคาดเอวของเฉียวเวยได้สำเร็จ
เมื่อจู่ๆ สายคาดเอวมาหลุดไป เฉียวเวยยังคิดว่าเป็นเพราะตนว่ายน้ำท่าใหญ่เกินไป ถึงได้ทำให้เสื้อผ้าหลุดรุ่ย จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
ปลากินคนมองไปที่ปลาน้อย กรีดกรายครีบอย่างได้ใจ จากนั้นก็เล็งตรงไปยังท้องน้อยแบนราบที่ไม่มีพุงสักนิดของเฉียวเวย แล้วจะงับลงไปเต็มเขี้ยวทันที!
เพี๊ยะ!
ปลากินคนถูกปัดจนกระเด็นออกไป
เฉียวเวยว่ายๆ อยู่ รู้สึกคล้ายว่ามือของตนถูกเข้ากับอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังคงไม่ได้เก็บมาใส่ใจเช่นเดิม อย่างมากก็แค่ปลาตัวหนึ่ง ปลาตัวหนึ่งแล้วอย่างไร จะกินนางลงไปได้หรือ
เฉียวเวยว่ายน้ำต่อไป
ชั่วขณะที่ปลากินคนถูกปัดจนกระเด็นไปนั้น ปลากินคนที่โตเต็มวัยตัวอื่นๆ พากันโกรธเกรี้ยว แต่ละตัวจึงพุ่งเข้าไปจะกัดเฉียวเวยกันทันที
แต่ก็ได้ยินเสียง เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!
ปลากินคนทั้งหมดถูกปัดกระเด็น
เฉียวเวยคิด ทะเลสาบนี้ช่างปลาเยอะเหลือเกิน!
ปลากินคนอุตส่าห์ได้เจออาหารอันโอชะสักที แต่อาหารไม่ได้กิน ซ้ำยังถูกตีกันหมดเสียอีก ช่างน่าโมโหนัก! พอดีว่าในตอนนั้น อาหารอีกอันหนึ่งที่แผ่กลิ่นหอมยวนใจออกมาเช่นกันกำลังว่ายมาทางนี้ ปลากินคนจึงกรูกันเข้าไปล้อมอาหารเอาไว้ทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก
อาหารอันนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลี่อวี้ที่กระโดดลงน้ำมา
ชั่วขณะที่ได้ยินศิษย์น้องหญิงบอกว่าในทะเลสาบเลี้ยงปลากินคนไว้นั้น หลี่อวี้กับจีหมิงซิวก็กระโดดลงน้ำตามกันมาทันที
ที่ต่างกันก็คือ จีหมิงซิวว่ายดำลงไปในน้ำลึก แล้วว่ายผ่านก้นทะเลสาบไป ตรงนั้นเลี่ยงพื้นที่ระยะทำการของปลากินคนไปได้อย่างดี
คนซื่อบื้ออย่างหลี่อวี้กลับว่ายอยู่บนผิวน้ำ จึงคล้ายเป็นเนื้อติดมันเคลื่อนที่ ตรงหน้ามีคำว่าเนื้อแน่นเขียนเอาไว้ จึงกลายเป็นที่จับตามองของปลากินคนทันที
ปลากินคนที่ถูกยั่วให้โกรธนั้นน่ากลัวทีเดียว หลี่อวี้ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกปลากินคนที่ถูกยั่วโมโหงับให้โดยแรง!
หลี่อวี้เจ็บจนร้องลั่น “โอ้ย! โอ้ยๆๆ! ใครกัดก้นข้า!”
ที่กัดก้นนั้นยังถือว่าเบา ปลากินคนตัวเขื่องว่ายไปข้างกายเขา ก่อนจะเล็งไปตรงเอวแล้วอ้าปากงับโดยแรง!
“อ๊าก…. ห้ามกัดเอวข้า!”
หลี่อวี้เจ็บจนร้องจ๊าก ตอนเขาเล่าเรียนอยู่ที่ซู่ซินจง สามวันตกปลา สองวันเหวี่ยงแห วิชาการต่อสู้ร่ำเรียนแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น แม้แต่ศิษย์น้องหญิง เขายังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของปลากินคนฝูงนี้ได้อย่างไร
เขาถูกปลากินคนกัดจนสิ้นท่าไปหมด
ยังดีที่องค์หญิงมารดาของเขามองการณ์ไกล เกรงว่าเขาที่มีฐานะสูงส่ง ยามอยู่ข้างนอกจะถูกคนไม่ดีลอบเล่นงานเข้า จึงทุ่มเงินทองมหาศาลซื้อผ้าไหมทองมาทำเป็นเกราะอ่อนให้เขาใส่ติดตัว ผ้าไหมทองเกราะอ่อนฟันแทงไม่เข้า น้ำไฟไม่กลัว ฟันของปลากินคนอย่างเดียวไม่สามารถกัดให้มันเป็นรูได้ แค่เพียงรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ความเจ็บนี้สำหรับท่านอ๋องเก้าที่ได้คนประคบประหงมมาตั้งแต่เล็ก แทบจะเรียกได้ว่าถึงตายทีเดียว
“อ๊า!”
“อ๊าๆๆ!”
“อย่ากัดสิ! ไอพวกปลาใจร้ายพวกนี้!”
“อ๊ากๆๆๆ… บอกแล้วไงว่าห้ามกัดก้น!”
“ถ้ากัดอีกข้าจะโกรธแล้วนะ!”
“ข้าจะสังหารพวกเจ้าเก้าชั่วโคตร! อ๊า! ยังจะกัดอีก! ก้นของข้า!”
ตรงก้นไม่มีผ้าไหมทองเกราะอ่อนอยู่ แต่ละครั้งที่งับลงไป ล้วนงับเข้าไปถึงเนื้อเขาทั้งสิ้น
ท่านอ๋องเก้าเจ็บจนน้ำตาไหลเลยทีเดียว
ปลากินคนฝูงนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ไม่ใช่แค่กัดก้นของเขา แต่ยังว่ายไปทางขาของเขาอีกด้วย
หลี่อวี้ร้องลั่น “หม้อๆๆๆ!”
คนเรือรีบโยนหม้อใบเล็กไปให้คนในน้ำ
หัวขาดได้ เลือดออกได้ แต่พี่น้องจะทิ้งกันไม่ได้!
หลี่อวี้ใช้หม้อใบเล็กปิดก้นเอาไว้
ปลากินคนกัดกันสนุกมาก กัดพลางหันไปอวดผลงานกับปลาตัวน้อย
เจ้าลูกชาย อาหารอันนี้ทั้งเนื้อแน่นและรสเลิศมากเลยนะ!
ดังนั้นปลาน้อยจึงว่ายเข้าไป อ้าปากเล็กๆ ที่มีฟันแหลมคมแล้วกัดลงไปเต็มแรง!
มันกัดถูกหม้อเหล็ก
ป๊อก!
ฟันซี่สุดท้ายหักเสียแล้ว
ปลาน้องร้องไห้จ้าทันที…
“ศิษย์พี่ห้า ทำอย่างไรดี” ศิษย์น้องหญิงมองไปยังศิษย์พี่เก้าที่พุ่งลงน้ำไปนานแล้วแต่กลับไม่ว่ายขึ้นมาเสียทีด้วยความร้อนใจ
ศิษย์พี่ห้ามองหลี่อวี้อย่างไม่ได้ดั่งใจ แล้วโยนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งไปทางหลี่อวี้ จากนั้นก็แตะปลายเท้าลงกับพื้น ตัวเขาก็ประหนึ่งนกนางแอ่นที่ทะยานลอยไปทางหลี่อวี้ คว้าหลี่อวี้ไว้ด้วยมือข้างเดียว ปลายเท้าแตะลงบนแผ่นไม้พอให้มีแรงส่ง พร้อมหิ้วตัวหลี่อวี้ออกจากทะเลสาบ
กางเกงของหลี่อวี้ถูกปลากัดจนขาดวิ่นตั้งแต่อยู่ใต้น้ำ ชั่วขณะที่หลุดออกจากน้ำ ตัวออกมาแล้ว ส่วนเสื้อผ้าถูกกัดจนขาดวิ่น เหลือเพียงหม้อเพียงใบเดียว
“กรี๊ด…” ศิษย์น้องหญิงพี่หญิงทั้งหลายเอามือปิดตาด้วยความตกใจ!
พอพวกนางเอามือปิดตา หลี่อวี้ก็ทำอะไรไม่ถูก จึงพลอยยกมือขึ้นปิดตาตามไปด้วย
พอยกมือขึ้นมาปิด ก็ได้เรื่องทันที
หม้อหล่น…
เฉียวเวยยังไม่รู้ว่าด้านหลังนางเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น
เวลานี้พละกำลังของนางลดฮวบลงอย่างหนัก แผนที่จะว่ายขึ้นฝั่งเป็นอันต้องพับเก็บ นางกลัวว่าว่ายไปยังไม่ทันถึงครึ่งทาง ก็จะจมน้ำเสียก่อนเพราะแรงหมด จึงทำได้เพียงต้องไปตายเอาดาบหน้า เปลี่ยนจุดหมายเป็นเกาะโดดเดี่ยวที่อยู่ห่างไปไม่ไกลแทน
คะเนด้วยสายตาแล้ว เกาะโดดเดี่ยวน่าจะอยู่ห่างไปสามสิบเมตรเห็นจะได้
แต่ต่อให้แค่สามสิบเมตร สำหรับเฉียวเวยในเวลานี้ยังดูไกลลิบกว่าสามร้อยเมตรที่เคยว่ายมาเสียอีก
ในขณะที่ว่ายอย่างยากลำบากไปจนเหลือสิบเมตรสุดท้ายนั้น แขนซ้ายที่แช่อยู่ในน้ำนานเกินไปเกิดหมดความรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ ตัวนางพลันหนักอึ้ง จมลงไปยังก้นทะเลสาบ
ในขณะที่นางกำลังจะจมหายลงไปในทะเลสาบนั้น มือที่แข็งแรงข้างหนึ่งก็คว้าตัวนางไว้ แล้วดึงนางขึ้นสู่ผิวน้ำ
ไม่ต้องหันไปดู เฉียวเวยก็รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร
จะว่าไปก็แปลก ทั้งๆ ที่เกลียดเขาแทบตาย แต่ในช่วงรอยต่อระหว่างความเป็นกับความตาย คนที่จะมาปรากฏตัวและสามารถปรากฏตัวต่อหน้านาง นางกลับคิดถึงคนอื่นไม่ออกเลย
“ปล่อยนะ!” เฉียวเวยดิ้นไม่ยอม
อาการดิ้นรนของนางนั้นเปล่าประโยชน์ จีหมิงซิวกอดนางไว้แน่น อีกมือหนึ่งขยับว่าย พาทั้งตัวเองและนางไปยังเกาะโดดเดี่ยวที่ห่างไปเพียงสิบเมตรเท่านั้น
แขนของเฉียวเวยขยับไม่ได้แล้ว แต่ปากกลับว่างอยู่ นางหอบหายใจพลางตะโกนอย่างหัวเสียว่า “ข้าให้ท่านปล่อยข้าไม่ได้ยินหรือไร ท่านไปหาศิษย์น้องหญิงของเจ้า! ไปหาศิษย์พี่หญิงรองของท่าน! ไปหาศิษย์ซู่ซินจงของท่านโน่น!”
จีหมิงซิวไม่ตอบโต้ พาตัวนางขึ้นไปบนฝั่ง
อาการแพ้ของเขากำลังหนักหน่วง เดิมทีก็แน่นหน้าอกจนหายใจลำบากอยู่แล้ว ยามอยู่ในน้ำยิ่งหายใจยากเข้าไปใหญ่ พอขึ้นฝั่งมาได้ จึงต้องนอนอยู่บนริมฝั่งที่เต็มไปด้วยโคลนและทรายอยู่นาน ลุกขึ้นไม่ไหว
เฉียวเวยนอนหงายมองท้องฟ้าสีเข้ม พลางหอบหายใจอย่างหนัก
แต่ต่อให้แค่หอบหายใจ นางก็ไม่อยากหายใจร่วมกับเขา
เฉียวเวยนอนพักอยู่ครู่หนึ่งก็พอจะกลับมามีแรง จึงค่อยๆ ขยับลุกขึ้น
“จะไปไหน” จีหมิงซิวคว้าข้อมือนางไว้
เฉียวเวยเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จะไปไหนก็เรื่องของข้า ท่านดูและตัวเองให้ดี ดูแลพวกศิษย์พี่น้องหญิงชายของท่านเหล่านั้นให้ดีจะดีกว่า? ท่านกระโดดลงน้ำมาคนเดียว ทั้งยังลอยมาตั้งนานเพียงนี้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะร้อนใจกันไปหมดแล้วก็เป็นได้ หญิงงามทำดีด้วยยากจะรับ เรือนหลังไฟลุก อย่ามาโทษข้าว่าอดีตภรรยาต้าเหลียงอย่างข้าไม่ได้เตือนท่านก็แล้วกัน!”
จีหมิงซิวมองนางอย่างเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่าฟังไม่เข้าใจว่าอดีตของนางหมายถึงอะไร
เฉียวเวยช่วยอธิบายให้อย่างใจดี “อดีตก็หมายความว่าเวลานี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกันแล้ว ข้าไม่อยากพูดกับท่าน ท่านเองก็ไม่อยากพบหน้าข้า ท่านปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าข้าไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์ที่เคยมีให้กันก็แล้วกัน!”
จีหมิงซิวไม่ยอมปล่อย
เฉียวเวยถีบไปที่หน้าอกของเขา จนเขากลิ้งเข้าไปตรงดินโคลนแล้วกินเข้าไปเต็มคำ
เฉียวเวยลุกขึ้นยืนปัดเศษทรายบนตัว ก้มลงมองคนที่นอนกองอยู่บนพื้น “อย่ามายุ่งกับข้าอีกนะ แล้วก็ไม่ต้องตามข้ามาแล้วด้วย”
จีหมิงซิวจับซี่โครงที่แทบจะถูกนางถีบจนบุ๋มลงไป เขาสูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าไปด้วยสีหน้าซับซ้อน
แรงของสตรีที่มากเกินไป ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร
จีหมิงซิวลุกขึ้นตามเฉียวเวยไป
เฉียวเวยหยุดฝีเท้า หมุนตัวไปส่งสายตาเรียบเย็นให้อีกฝ่าย จีหมิงซิวพอเห็นเฉียวเวยมองมาด้วยสายตาน่าหวาดผวา นัยน์ตาเขาก็ดูล้ำลึก ประหนึ่งขุมนรกที่ไม่มีจุดสิ้นสุด พาให้คนคาดเดาไม่ถูกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เฉียวเวยสะบัดตัวเดินไปยังถนนเส้นเล็กๆ ด้วยความรำคาญใจ
เขาก็เดินเข้าถนนเส้นเล็กนั้นตาม
เฉียวเวยเลี้ยวซ้ายเข้าปทางป่าผืนเล็กที่ปลูกต้นฝูหรง
เขาก็เดินเข้าป่ามาด้วย
เฉียวเวยโมโหจนถลึงตาใส่อีกฝ่าย “ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่!”
จีหมิงซิวเดินเข้าไปหา แล้วจับข้อมือนางไว้
“ท่าน…”
จีหมิงซิวไม่รอให้นางพูดจบ ก็ฉีกเสื้อนางขาดทันที
เฉียวเวยพลันหน้าถอดสี “ท่านบ้าไปแล้วใช่หรือไม่”