หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 228-2 เดินทางถึงชนเผ่าลึกลับ
ตอนที่ 228-2 เดินทางถึงชนเผ่าลึกลับ
ตกกลางคืนทุกคนกลับเข้ากระโจมของตนเอง เหลือไซน่าอิงกับอี้เชียนอินไว้อยู่เฝ้าเวรดึก
จีหมิงซิวไม่รู้ไปอยู่ที่ใด ในกระโจมเหลือเพียงเฉียวเวยอยู่คนเดียว เมื่อคิดถึง “อดีตร่วมกัน” ระหว่างจีหมิงซิวกับเฟิ่งชิงเกอ หัวหน้าพรรคเฉียวก็เริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา จึงตัดสินใจจะไปนอนกับเซวียหรงหรง นางหอบหมอนขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะเลิกม่านออกไปนั้น ก็เป็นจีหมิงซิวก้มตัวเข้ามานั่ง
เฉียวเวยจึงหดตัวกลับไป
จีหมิงซิวมองหมอนที่นางถืออยู่แล้วเลิกคิ้ว “นี่เฟิ่งเอ๋อร์จะไปที่ใดหรือ”
เฉียวเวยขยับตัวตรง น้ำเสียงเย็นยะเยือก “ข้าจะไปนอนกับเซวียหรงหรง เผื่อตกกลางคืนมีใครบางคนเกิดตัณหากลับ แล้วคิดจะทำเรื่องที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขกับข้า”
จีหมิงซิวหรี่ตาลง ถามอย่างกรุ้มกริ่มและโปรยเสน่ห์ว่า “เรื่องที่ว่ากลับไปแก้ไขไม่ได้นี่เฟิ่งเอ๋อร์หมายถึงเรื่องใดหรือ”
เฟิ่งเอ๋อร์ๆ เรียกเสียคล่องปากเชียวนะ!
เฉียวเวยกัดฟันกรอด “ท่านรู้อยู่แก่ใจ!”
จีหมิงซิวยื่นมือขาวผ่องราวหิมะมาจับข้อมืออีกฝ่ายไว้ เพียงดึงเบาๆ เฉียวเวยก็ล้มลงมาสู่อ้อมแขนของเขา “เฟิ่งเอ๋อร์หมายถึงเรื่องนี้หรือ”
เฉียวเวยชะงักค้าง
“หรือว่าเรื่องนี้” จีหมิงซิวก้มลงจูบหน้าผากนางทีหนึ่ง
เฉียวเวยเดือดจัด “จีหมิงซิว ท่าน…”
“หรือเรื่องนี้?” จีหมิงซิวประกบปิดริมฝีปาก กักกั้นวาจาเผ็ดร้อนของนางไว้ เฉียวเวยพยายามฝืน แต่พออ้าปาก ลิ้นของเขาก็แทรกเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเริ่มรุกล้ำไปทั่วโพรงปากของนางทันที
เฉียวเวยถูกจูบจนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืน นางคิดอยากผลักอีกฝ่ายออกไป แต่พอถูกเขาดูดดึงเรียวลิ้น ใจนางก็พลันอ่อนยวบ
จีหมิงซิวดันนางจนล้มลงกับพื้นทรายแข็งๆ ที่มีผ้าปูผืนบางกางกั้น นางสัมผัสได้ถึงความเย็นของผืนทราย แต่กระนั้นตัวนางกลับร้อนระอุจนน่าตกใจ ไอร้อนแผ่ออกมาจากเนื้อผ้า ปกคลุมไปทั่วผิวกาย ร้อนระอุราวกับไฟ
จีหมิงซิวจูบนางอย่างจาบจ้วงและหยาบคาย ไม่เปิดโอกาสให้นางได้ต่อต้านสักนิด
เฉียวเวยพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับการโจมตีของเขา แต่เมื่อคิดได้ว่าเวลานี้นางอยู่ในฐานะของเฟิ่งชิงเกอ นางก็อยากจะตบเขาให้กระเด็นสักฉาด!
“ข้าขอเตือนเจ้า…อื้อ…”
ริมฝีปากของเฉียวถูกประกบปิดไปอีกครั้ง
…
พอฟ้าสว่าง ทุกคนเก็บกระโจม หอบเอาสัมภาระขึ้นหลังแล้วเดินตามไซน่าอิงเข้าสู่การเดินทางครั้งใหม่
เฉียวเวยสะพายห่อผ้าเล็กๆ อยู่เช่นกัน ของที่อยู่ข้างในคือเสื้อผ้ากับของใช้ติดกาย และของที่ท่านแม่นางทิ้งเอาไว้ การเดินทางไปชนเผ่าลึกลับในครั้งนี้นางจะได้พบกับมารดาผู้ให้กำเนิด นางจะเข้าไปเจอเฉยๆ ไม่ได้ จำต้องมีของต่างหน้าบางอย่างติดไปด้วย
จีหมิงซิวเดินเข้ามา เอ่ยล้อเลียนว่า “ของหนักเพียงนี้ ข้าช่วยเฟิ่งเอ๋อร์ถือดีหรือไม่”
เฉียวเวยถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน กระทืบเท้าเดินตามไซน่าอิงไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
พออยู่ข้างนอกก็มาแทะเล็มดอกไม้ริมทาง คอยดูเถอะ กลับไปเจ้าได้คุกเข่าบนกระดานซักผ้าแน่!
ไซน่าอิงเดินนำทุกคนเข้าไปในป่า ภายในป่ามีต้นไม้รกชัด บดบังท้องฟ้าและแสงอาทิตย์ไปหมด มีเสียงกู่ร้องของสัตว์ป่าดังมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ แต่ไซน่าอิงหลบหลีกพวกมันไปได้อย่างชาญฉลาด เขาพาเดินไปทางทิศตะวันตกประมาณครึ่งชั่วยาม ในป่าเริ่มมีไอพิษให้เห็น ไซน่าอิงควักยาแก้พิษออกจากอกเสื้อมายื่นให้คนละเม็ด
จากนั้นเดินต่อเข้าไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม ทุกคนก็มาถึงต้นไม้เก่าแก่ต้นใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า ไซน่าอิงปัดต้นไม้แก่ต้นนั้น แล้วจู่ๆ ประตูบานหนึ่งก็เปิดออก เฉียวเวยมองเข้าไปด้านในด้วยความสงสัย ภายในมืดสนิท มองอะไรไม่เห็นสักนิด
ไซน่าอิงจุดคบไฟขึ้นอันหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในถ้ำต้นไม้
เฉียวเวยกะพริบตา กำลังจะตามเข้าไปแต่ถูกจีหมิงซิวดึงตัวไว้เสียก่อน จีหมิงซิวหันไปส่งสายตาให้อี้เชียนอิน อี้เชียนอินจึงตามไซน่าอิงเข้าไป จากนั้นถึงเป็นจีหมิงซิว
เฉียวเวยเบ้ปาก ช่างแสนดีกับเฟิ่งเอ๋อร์ของท่านเหลือเกินนะ!
เฉียวเวยเดินเข้าถ้ำต้นไม้ไปอย่างไม่สบอารมณ์ เซวียหรงหรงเดินตามมา ปิดท้ายด้วยจีอู๋ซวงกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ย
ในถ้ำต้นไม้มีทางเดินอยู่เส้นหนึ่ง ทางนั้นลึกลงไปเรื่อยๆ วกไปวนมา ทางเดินไม่กว้างนัก ขนาดแค่พอดีหนึ่งคนเดิน ความสูงก็แค่พอประมาณ คนตัวสูงอย่างจีหมิงซิวจำต้องโค้งตัวเวลาเดิน
ไม่รู้เดินอยู่นานเท่าไร ในที่สุดก็เดินออกมาจากทางเดินนั้นเสียที ตรงหน้าปรากฏถ้ำหินขนาดใหญ่ รอบด้านเป็นก้อนหินรูปร่างประหลาด ตรงกลางเป็นบ่อน้ำ น้ำในบ่อสีเขียวใส สะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ
ไซน่าอิงบอกว่า “พวกเราต้องดำน้ำข้ามไป มีใครว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่”
ทุกคนส่ายหน้า เฉียวเวยกับจีหมิงซิวว่ายน้ำเก่งจนน่าตกใจ อี้เชียนอินกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็ว่ายได้ไม่เลว จีอู๋ซวงแค่พอว่ายได้ แต่เขาสามารถจัดการตัวเองได้ เซวียหรงหรงเติบโตมาในเมืองเฟยอวี๋ อายุห้าขวบก็ลงทะเลไปว่ายน้ำเล่นแล้ว จึงว่ายเก่งกว่าจีอู๋ซวงอยู่เล็กน้อย
ทุกคนปลดสัมภาระที่แบกอยู่ลง เสื้อผ้าของเฉียวเวยก็โยนทิ้งไป เอาไปเพียงของดูต่างหน้าที่ห่ออย่างแน่นหนาด้วยแผ่นหนังวัว ใส่ไว้ในห่อผ้าแล้วเอาสะพายขึ้นหลัง
ไซน่าอิงกระโดดลงน้ำไปก่อน ทุกคนกระโดดตามลงไปติดๆ ที่น่าแปลกใจก็คือ น้ำในบ่อนี้เป็นน้ำจืด ที่ใดมีน้ำจืด ที่นั่นเหมาะแก่การอยู่อาศัย ดูท่าพื้นที่ส่วนนี้น่าจะอยู่ใกล้กับจุดที่ชนเผ่าลึกลับอาศัยอยู่มากแล้ว
หลังจากว่ายน้ำไปพักหนึ่ง ทุกคนขึ้นมาเอาอากาศหายใจตรงผิวน้ำ พอเสร็จก็รีบตามไซน่าอิงดำลงบ่อน้ำไป
ก้นบ่อน้ำไม่ค่อยมีแสงส่องไปถึง อาศัยเพียงแสงจากไข่มุกราตรีในมือไซน่าอิงในการแยกแยะเส้นทาง แต่ใครจะรู้ว่าพอว่ายไปได้อีกพักหนึ่ง จู่ๆ ไข่มุกราตรีก็หายไป
บรรยากาศโดยรอบพลันมืดสนิท
แทบจะในชั่วขณะเดียวกัน กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดก็พัดพามาจากทุกทิศทาง พวกเขาถูกพัดจนกระจัดกระจายกันไป ห่อผ้าที่เฉียวเวยสะพายอยู่ก็ถูกพัดหลุดไปด้วย ท่ามกลางความโกลาหล มือนางไม่รู้คว้าอะไรไว้ได้ ในขณะที่จะออกแรงดึง ของสิ่งนั้นกลับฉีกขาดเสียอย่างนั้น
ชั่วเวลานั้นเอง มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมือจับข้อมือเฉียวเวยไว้แล้วดึงนางขึ้นสู่ผิวน้ำ
หลังจากลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำแล้ว แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าสาดส่องลงมา เฉียวเวยหรี่ตาลงตามสัญชาตญาณแล้วถึงได้พบว่าตนเองมาถึงอีกปากทางหนึ่งของถ้ำแล้ว แสงอาทิตย์ที่แยงตาส่องตรงลงมาอย่างไร้ปราณี นางยกมือขึ้นบัง หันไปมองข้างกายก็เห็นไซน่าอิงเพียงคนเดียว
เฉียวเวยรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมาในบัดดล “คนอื่นๆ เล่า?”
ไซน่าอิงไม่ได้พูดอะไร เขาปีนขึ้นฝั่งแล้วยื่นมือจะดึงนางขึ้นมา เฉียวเวยปัดมืออีกฝ่ายออก พลางมองไปด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ข้าถามเจ้า ว่าคนอื่นๆ ไปอยู่ที่ไหน เมื่อครู่ตอนอยู่ในน้ำเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ๆ ไข่มุกราตรีของเจ้าถึงหายไป แล้วยังบังเอิญมีกระแสน้ำเชี่ยวกราดพัดมาอีก ซัดจนพวกเรากระจายกันไปคนละทิศละทาง เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่”
ไซน่าอิงเอ่ยอย่างเย็นชา “เป็นกฎที่มีมานับร้อยปีของชนเผ่าลึกลับ คนนอกไม่อาจเข้ามาได้ ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อพวกเขา ต่อให้พวกเขาไปถึง หากท่านอ๋องทราบ จะต้องสังหารพวกเขาแน่”
สองตาเฉียวเวยแทบลุกเป็นไฟ “เรื่องเหล่านี้เหตุใดเจ้าถึงไม่รีบบอก เหตุใดถึงต้องหลอกพวกเขามาถึงที่นี่แล้วค่อยพูด”
ไซน่าอิง “หากข้าไม่พูดเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เจ้ามาแน่”
“เจ้ามันเลวชาติ!”
เฉียวเวยถลึงตาใส่เขาอย่างดุดันเสร็จก็หมุนตัวจะดำลงสู่ก้นบ่อ
ไซน่าอิงคว้าหัวไหล่นางไว้ “เจ้าจะทำอะไร”
เฉียวเวยทำหน้าขรึม “พวกเขาอยู่ที่ไหน ข้าก็จะอยู่ที่นั่น ข้าไม่มีทางทิ้งพวกเขาแล้วไปกับเจ้าแน่ หากเจ้ามีความสามารถเจ้าก็พาพวกเขาทุกคนขึ้นมา หากไม่มี เจ้าก็กลับไปรายงานของเจ้าคนเดียวแล้วกัน!”
ไซน่าอิงเริ่มหัวเสีย “เจ้า…”
เฉียวเวยถลึงตาดุดันใส่อีกฝ่าย ไม่คิดจะเสียเวลาพูดอะไรกับเขาอีก พอสะบัดมือเขาออกได้ก็ดำลงก้นบ่อไปทันที
ไซน่าอิงขมวดคิ้วมุ่น “เจ้ามานี่เดี๋ยวนี้นะ!”
ไซน่าอิงกำหมัดต่อกำแพงด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะกัดฟันกระโดดกลับลงน้ำไปอีกครั้ง
ไซน่าอิงปิดค่ายกลในบ่อน้ำ จากนั้นจึงหยิบไข่มุกราตรีออกมาจากอกเสื้อ ทุกคนเห็นแสงสว่างจากไข่มุกราตรี จึงกลั้นหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วว่ายเข้าไปหาเขา ก่อนที่เขาจะพาทุกคนขึ้นสู่ผิวน้ำ
เฉียวเวยไล่นับไปทีละคน “หมิงซิว เยี่ยนเฟยเจวี๋ย จีอู๋ซวง อี้เชียนอิน… เซวียหรงหรงเล่า?”
เฉียวเวยมองชายเสื้อในมือตน นี่เป็นเสื้อของเซวียหรงหรง ตอนที่ถูกน้ำพัด เซวียหรงหรงอยู่ข้างๆ นาง น่าเสียดายที่นางคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ไม่ได้
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมุดศีรษะลงน้ำแล้วดำกลับลงไปรอบหนึ่ง
เฉียวเวยกับอี้เชียนอินก็กระโดดลงไปด้วย นางเอาไข่มุกราตรีของไซน่าอิงไปว่ายหาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับไม่เห็นร่างของเซวียหรงหรง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยวคว้าเสื้อไซน่าอิงไว้แน่น “เซวียหรงหรงเล่า?”
ไซน่าอิงตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “บ่อน้ำนี้ใหญ่มาก ต่อให้พวกเขาหากันสามวันสามคืนก็ไม่แน่ว่าจะพบ อีกอย่างบ่อน้ำนี้สามารถไหลออกไปสู่ทะเลได้ นางอาจจะ…ถูกพัดเข้าทะเลไปแล้ว”
“ไอคนชั่ว!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกำหมดชกไซน่าอิง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไซน่าอิง แต่กระนั้นในเวลานี้ ความเลือดขึ้นหน้าทำให้เขาอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่จะบันดาลโทสะเต็มที ไซน่าอิงโดนชกเข้าหน้าหลายหมัด ตรงมุมปากมีหยดเลือดไหลออกมาให้เห็น
เขาเงื้อหมัดจะซกไซน่าอิง หมัดนั้นใกล้จะกระแทกถูกสันจมูกของไซน่าอิงเต็มที แต่จีอู๋ซวงก้าวเข้ามาคว้าหมัดเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้ “พอเถอะ ถ้าเขาตายคงไม่มีคนนำทางต่อ เดี๋ยวพวกเราจะมาเสียเที่ยว!”
ตอนแรกที่จีหมิงซิวให้ทุกคนคอยจับตาดูไซน่าอิงไว้ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยังรู้สึกว่าออกจะเกินกว่าเหตุ แต่เวลานี้มาคิดดูอีกทีก็แทบอยากจะดึงทึ้งหูตัวเอง! ไอชาติชั่วไซน่าอิงผู้นี้ไม่ประสงค์ดีจริงๆ เสียด้วย! ตลอดทางมานี้ให้พวกเขากินได้นอนหลับจนทุกคนผ่อนคลายความระมัดระวังตัว คิดไม่ถึงว่าจะมาเล่นลูกไม้เอาตอนสุดท้าย!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเอามือกุมศีรษะด้วยความเสียใจ “เจ้าพูดถูก ข้าไม่ควรให้นางตามพวกเรามาแต่แรก ถ้าให้เงินนางไปอยู่ที่อื่น…จะดีเพียงใด”
เฉียวเวยตบบ่าเขา “อย่าเสียใจไปเลย บางทีคนดีอาจมีสวรรค์คุ้มครอง เดี๋ยวนางอาจจะว่ายขึ้นมาเองก็ได้”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมีท่าทีลังเล “พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ ข้าขอหานางอยู่ที่นี่ก่อน”
ทุกคนจึงทิ้งเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้แล้วตามไซน่าอิงเข้าป่าไป
ของดูต่างหน้าของเฉียวเวยถูกน้ำซัดหายไปแล้วและหาไม่เจอ แต่ในอกเสื้อของเฉียวเวยมีจดหมายที่ตอนนั้นท่านพ่อเขียนถึงท่านแม่อยู่ ท่านแม่รู้จักลายมือของท่านพ่อดี
เฉียวเวยยังคิดว่าพวกเขามาถึงชนเผ่าลึกลับกันแล้ว แต่ความจริงได้พิสูจน์ว่านางเข้าใจผิด ไซน่าอิงพาพวกเขาขึ้นนั่งเรือแล้วแล่นออกไปอีกกว่าหนึ่งชั่วยามเพื่อไปยังเกาะอีกแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้ใหญ่กว่าเกาะที่พวกเขาเพิ่งมากันเมื่อครู่มากนัก มองดูไกลๆ คล้ายมังกรขนาดใหญ่ที่ขดตัวอยู่บนผิวน้ำ
พวกเขาลงจากเรือ เดินตามไซน่าอิงอ้อมไปอ้อมมาอีกครึ่งชั่วยามแล้วจึงเข้าไปเจอหมู่บ้านชาวประมง ไซน่าอิงเช่ารถม้าจากหมู่บ้านชาวประมงมาคันหนึ่ง พวกเขาขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วเดินทางต่อไปทางใต้ ในขณะที่ทุกคนหิวไส้จะขาดกันเต็มที ในที่สุดตกกลางคืนก็มาถึงปราสาทเก่าแก่หลังหนึ่ง
บนปราสาทเก่าแก่มีองครักษ์สวมชุดเกราะสีเทายืนเฝ้าระวังอยู่
“ผู้มาเป็นใคร?” องครักษ์ถาม
ไซน่าอิงควักป้ายคำสั่งออกมา “ไซน่าอิง”
สายตาองครักษ์มองไปยังรถม้า “บนรถม้าเป็นใคร”
ไซน่าอิง “แขกของข้า”
องครักษ์เป่าแตรเขาสัตว์ ประตูปราสาทจึงเปิดออก