หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 246-2 เหอจั๋วเอ็นดูหลานสาว ความอบอุ่นของครอบครัว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก
- ตอนที่ 246-2 เหอจั๋วเอ็นดูหลานสาว ความอบอุ่นของครอบครัว
ตอนที่ 246-2 เหอจั๋วเอ็นดูหลานสาว ความอบอุ่นของครอบครัว
เหอจั๋วตั้งตัวให้มั่น ยิ้มอย่างจนใจ “อายุมากแล้ว ใช้การไม่ได้แล้ว ตอนสมัยหนุ่มๆ ข้ากระโดดไปได้ถึงฝั่งนั้นของสระเลยทีเดียว”
เฉียวเวยโปรยอาหารให้ปลาต่อ “กินเข้าไปสิ!”
เหอจั๋วมองใบหน้าด้านข้างที่ดูขุ่นเคืองไม่หายของอีกฝ่ายแล้วระบายยิ้มอบอุ่น “โกรธที่ข้าไม่ยอมรับเจ้าเพียงนี้เชียวหรือ”
เฉียวเวยตอบเสียบเรียบ “ท่านอยากรับใครก็รับไปสิ!”
บอกได้ว่าโกรธมากทีเดียว!
เหอจั๋วยิ้มกว้างขึ้นอีกหลายส่วน น้ำเสียงมีแววหวานซึ้งเจือขมขื่น “ชีวิตเจ้าที่จงหยวนเป็นไปด้วยดีหรือไม่”
เฉียวเวยตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “ดีสิ จะไม่ดีได้อย่างไร ข้าได้แต่งงานกับสามีที่มีทั้งอิทธิพลและอำนาจ ให้กำเนิดบุตรที่น่ารักว่าง่ายสองคน ซ้ำยังมีท่านพ่อที่รักข้ามาก ชีวิตข้ามีแต่ความสุขล้ำ! เพราะฉะนั้นท่านจะรับข้าหรือไม่ข้าไม่ได้สนใจ ถึงอย่างไรเมื่อท่านแม่ข้าออกจากการเก็บตัวแล้ว ข้าจะพานางกลับไปด้วย!”
เหอจั๋วคล้ายไม่รู้ถึงความลำบากที่นางต้องประสบเมื่อในอดีตกระนั้น และคล้ายไม่สนใจที่นางจะพรากท่านแม่ของนางไป แค่เพียงหัวเราะแล้วพยักหน้า “แม่เจ้าจะออกจากเก็บตัววันไหนยังไม่แน่ชัด แต่ก็น่าจะอีกไม่นานนัก”
เฉียวเวยโปรยอาหารปลาต่อ
นางไม่ได้พูดอะไร จู่ๆ เหอจั๋วก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน จึงได้แต่ยืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้น เงยหน้ามองสีสันตรงขอบฟ้า ลมยามเย็นพัดเอื่อยๆ มา ชายเสื้อพวกเขาปลิวไสว
เฉียวเวยเหลือบมองเขาทีหนึ่ง แล้วพึมพำว่า “ลมแรง”
เหอจั๋วพูดเบาๆ “ข้าอยากอยู่เป็นเพื่อนเจ้าอีกสักพัก”
เฉียวเวยบ่นว่า “ข้าไม่ได้อยากให้อยู่เป็นเพื่อนเสียหน่อย”
เหอจั๋วเอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นเจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้า”
เฉียวเวยโปรยอาหารปลาอีก
เหอจั๋ว “ใกล้จะปีใหม่แล้ว หลังปีใหม่ ชนเผ่าถ่าน่าจะมีพิธีเซ่นไหว้ในช่วงเปิดฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะแต่งตั้งเจ้าในงานพิธีเซ่นไหว้ แล้วเอาชื่อเจ้าขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูล”
เฉียวเวยตอบ “ไม่อยากได้”
เหอจั๋วมองหลานสาวด้วยความเอ็นดู “ข้าอยาก หวังว่าถึงเวลานั้นท่านแม่เจ้าจะออกมาแล้ว”
ท่านแม่นางออกมาเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว!
เรื่องพิธีแต่งตั้งอะไรนี่น่ะเหรอ ช่างเถอะ ได้ตบหน้าเจ้าตัวปลอมคนนั้นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน! แล้วยังพวกคนชั่วตระกูลปี้หลัวนั่นอีก ต้องให้พวกเขาโกรธจนตายให้ได้!
เหอจั๋วพูดว่า “ถึงแม้เจ้าจะเติบโตในจงหยวนมาตลอด ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในชนเผ่า ทุกคนมีความสงสัยในตัวเจ้าอยู่ไม่น้อย แต่วันนี้เจ้าตามหามรดกของโหราจารย์จนพบ เรื่องนี้สำหรับคนในชนเผ่าแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง พวกเขาซาบซึ้งในตัวเจ้ามากจากใจจริง และจะต้องยอมรับให้เจ้ากลายเป็นจั๋วหม่าน้อยของพวกเขาแน่”
เฉียวเวยเลิกคิ้วขึ้นเรียบๆ “ข้าเห็นว่าตอนที่ข้าตัวปลอมอยู่ที่นี่ พวกท่านก็ดีกับนางมากไม่ใช่หรือ นางก็หาไข่มุกนั่นให้พวกท่านเจอหรือไร”
นัยน์ตาเหอจั๋วมีแววขบขันวาบผ่าน “ยังอิจฉานางอยู่หรือ”
เฉียวเวยสาดอาหารปลาลงไปโดยแรง “ใครอิจฉาเจ้าตัวปลอมนั่นกัน”
เหอจั๋วยิ้มอย่างมีเมตตา “ไว้รอนางกลับมา เจ้าอยากจัดการนางอย่างไรก็ตามสบายได้เลย”
ท่านเป็นคนพูดเองนะ ถึงเวลาชายชราอย่างท่านอย่าได้สงสารขึ้นมาก็แล้วกัน
เฉียวเวยให้อาหารปลาหมดแล้ว จึงปัดมือแล้วกระโดดกลับขึ้นฝั่งไป แต่พอเห็นว่าเหอจั๋วยังยืนอยู่บนหินก่อนนั้น จึงกระโดดกลับไปอีกครั้งแล้วพาเขากลับขึ้นมาบนฝั่งด้วย
“อยากไปดูที่ที่ท่านแม่เจ้าพักอยู่หรือไม่” เหอจั๋วถาม
เฉียวเวยก็อยากไปอยู่หรอก แต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของอีกฝ่ายนางก็กลืนคำตอบกลับลงไป แล้วบอกอย่างเย็นชาเหลือแสนว่า “ดึกป่านนี้แล้ว ข้าอยากไปนอนแล้ว ไว้วันหลังเถิด!”
ตกดึก พวกเขาบอกลาเหอจั๋วเพื่อกลับไปยังปราสาทไซน่า
เหอจั๋วมองทุกคนนิ่งๆ “คืนนี้…ไม่พักที่นี่หรือ”
เฉียวเวยเตะหินก้อนเล็กที่อยู่ปลายเท้า
จีหมิงซิวอธิบายว่า “ปราสาทไซน่ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ ไว้จัดการเรียบร้อยแล้วจะย้ายมาขอรับ”
เหอจั๋วมีแววอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัด
เฉียวเจิงยืดตัวขึ้น “ท่านพ่อ! ข้าจะค้างที่นี่!”
เหอจั๋วทำหน้ารังเกียจ “ไม่ต้องเลย”
คณะของพวกเขากลับไปยังปราสาทไซน่า ภายในปราสาทไซน่าเต็มไปด้วยความยินดี จั๋วหม่าน้อยของพวกเขาเอาชนะจั๋วหม่าน้อยของตระกูลปี้หลัวได้ จั๋วหม่าน้อยของพวกเขาต่างหากที่เป็นตัวจริง พวกคนตระกูลปี้หลัวที่ชั่วช้านั่นต่อไปถ้าได้พบกัน พวกเขาคงต้องเดินอ้อมหนีไป ไม่มีเรื่องใดน่าเต้นระบำฉลองมากไปกว่านี้แล้ว
แน่นอนว่าคนที่ดีใจที่สุดไม่มีใครเกินไซน่าฮูหยิน ไซน่าฮูหยินยืนรออยู่หน้าประตู พอเห็นพวกเขาลงจากรถม้าก็เดินเข้าไปต้อนรับพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าทันที “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าต้องทำได้! เป็นอย่างไร ได้พบเหอจั๋วแล้วกระมัง เหอจั๋วว่าอย่างไรบ้าง ยอมรับพวกเจ้าแล้วหรือไม่”
เฉียวเวยคิดก่อนตอบว่า “นับว่าใช่กระมัง”
ไซน่าฮูหยินเอามือปิดปากด้วยความตื่นเต้น “ข้ารู้อยู่แล้วเชียว! ข้ารู้อยู่แล้วเชียว! องค์เทพคุ้มครอง นับว่าเจ้าได้กลับไปอยู่ข้างกายเหอจั๋วเสียที! ต่อไปเจ้าก็คือจั๋วหม่าน้อยของชนเผ่าถ่าน่าแล้ว! ไม่มีใครสามารถปลอมตัวเป็นเจ้า เข้ามาแทนที่เจ้าได้อีก! ข้าดีใจเหลือเกิน… ข้าต้องเขียนจดหมายหาไซน่าอิงสักหน่อย ให้เขารีบกลับมา!”
ไซน่าอิงกับอี้เชียนอินเดินทางไปที่เมืองเฟยอวี๋ ยังไม่กลับ
พอคิดถึงบางอย่างไร ไซน่าฮูหยินก็ถามอีกว่า “ใช่สิ เหอจั๋วได้บอกหรือไม่ว่าจะให้เจ้าขึ้นบัญชีตระกูลเมื่อไร”
เฉียวเวย “น่าจะ…”
“น่าจะหลังปีใหม่” จีหมิงซิวตอบนางเรียบๆ
เฉียวเวยเหลือบมองจีหมิงซิว ยิ้มน้อยๆ แล้วบอกว่า “ใช่แล้ว หลังปีใหม่”
ไซน่าฮูหยินตื่นเต้นจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้น “อีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว หากเป็นเช่นนี้ก็ใกล้แล้วน่ะสิ! สวรรค์ ข้าต้องรีบเตรียมให้พร้อม เสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้า หมวกของเจ้า เยอะมาก อีกเยอะมาก… ไม่ได้การล่ะ ข้าต้องรีบไปสั่งการเสียแต่เดี๋ยวนี้!”
ไซน่าฮูหยินรีบร้อนจากไป เฉียวเวยกับจีหมิงซิวพาเด็กๆ กลับไปที่ห้อง
…
ดึกสงัดลมพัดแรง ม้าสง่าตัวหนึ่งเคลื่อนตัวออกไปทางประตูข้างของปราสาทไซน่า แล้ววิ่งห้อเข้าไปในความมืดมิด ผู้ที่นั่งอยู่บนหลังม้าตัวนั้นหาใช่ใครอื่น ก็คือเจ้าแห่งอาวุธลับผู้มีชื่อเสียงสะท้านไปทั้งยุทธภพอย่างเยี่ยนเฟยเจวี๋ย
ทุกคืนเว้นคืน เยี่ยนเฟยเจวี๋ยจะเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุขึ้นกับเซวียหรงหรงเพื่อตามหาร่องรอยของนาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายดื้อรั้นเพียงนี้ พวกเฉียวเวยจึงไม่มีใครเล่าความจริงที่เซวียหรงหรงทรยศพวกนางให้เขาฟัง จนถึงทุกวันนี้เขายังคงคิดว่าเซวียหรงหรงยังอยู่ในน้ำที่เย็นจัดตรงนั้นอยู่ ต่อให้เหลือเพียงซากศพเขาก็อยากพาร่างนางขึ้นมา
ไม่รู้วิ่งไปนานเท่าไร บนทางข้างหน้า จู่ๆ ก็มีเงาสีขาวแวบผ่านไป เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยังคิดว่าตนเห็นผี จึงรีบดึงบังเหียน ม้าใหญ่ร้องฮี่ยาวๆ หลายที ย่ำเท้าอยู่กับที่ ก่อนจะหยุดลงในที่สุด
จากแสงจันทร์สลัว เยี่ยนเฟยเจวี๋ยดูออกว่าคนที่เข้ามาขวางหน้าตนอยู่คือสตรีที่ผมยาวสยาย นางยังมีลมหายใจ ไม่ใช่ผี ตามเนื้อตัวนางมีแต่บาดแผล รอยเลือดเต็มตัวไปหมด ถึงแม้จะยืนอยู่แต่ก็โงนเงนเต็มที ท่าทางอ่อนระโหยยิ่งนัก
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยจับเชือกแน่น ทำใจกล้าบังคับให้ม้าเดินหน้าไปอีกหลายก้าว สตรีนางนั้นเงยหน้าขึ้น เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน หนังตาพลันกระตุก “เหตุใดจึงเป็นเจ้า ดึกดื่นไม่ยอมนอน แต่ดันออกมาแต่งตัวเป็นผีสางนางไม้! เจ้านี่…”
ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หัวคิ้วจึงขมวดเข้าหากัน “เป็นเจ้า?”
สตรีนางนั้นขอบตาแดงระเรื่อขึ้นช้าๆ พยักหน้า “เป็นข้า”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกำหมัดอย่างอันตราย พลิกตัวลงจากหลังม้า เงื้อฝ่ามือขึ้นจะสับเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่าย!
สตรีนางนี้ปลอมตัวเป็นจั๋วหม่าน้อย กระทำเรื่องชั่วร้ายไปตั้งมากเท่าไร วันนี้มาให้เขาได้พบหน้า เขาจะต้องจัดการนางให้ตายให้จงได้!
สตรีนางนั้นมองฝ่ามือใหญ่ที่กำลังจะฟาดเข้าใส่ตน จึงตกใจจนหน้าถอดสี “กรี๊ด…พี่เยี่ยน!”
มือของเยี่ยนเฟยเจวี๋ยที่กำลังจะฟาดถูกอีกฝ่ายพลันชักกลับ ถามด้วยความแปลกใจและเย็นชาว่า “เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
สตรีนางนั้นตั้งสติ เอ่ยกระอึกกระอักว่า “พี่เยี่ยน ข้าเอง เซวียหรงหรงอย่างไร!”
“หรงหรง?” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอึ้งงันไปอย่างรุนแรง ตาเบิกจนกลมโต เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ “เหตุใดเจ้าถึง… เหตุใดถึงเป็นเจ้า”
สตรีนางนั้นมองเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอย่างน่าสงสาร ในตาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา แต่กลับพยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา “พี่เยี่ยน…”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหลุดจากภวังค์แห่งความตกใจมาได้ ความผิดหวังและความขุ่นเคืองจากการถูกทรยศพวยพุ่งขึ้นมาที่หัวใจ หน้าอกทั้งแผงของเขาขยายใหญ่ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว… เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไป…”
“พี่เยี่ยน…” สตรีนางนั้นโผเข้ามาเกาะขาเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้น
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยก้มลงมองนาง สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “เหตุใดเจ้าถึงกระทำเรื่องเช่นนี้ วันนั้นเจ้าถูกกระแสน้ำพัดหายไป ข้าเฝ้าตามหาเจ้าทุกวันทุกคืนตั้งแต่ในหนองน้ำไปจนงถึงท้องทะเล ข้ากลัวว่าข้าจะพลาดจุดใดไป ข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า… ตอนหลังถึงแม้ข้าจะพอเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีกับเจ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะตามหาเจ้าในน้ำ… แม้แต่ในฝันข้าก็ยังไม่คิดว่าเจ้าจะกลายมาเป็นจั๋วหม่าน้อยแห่งชนเผ่าถ่าน่า! เจ้าทำเช่นนี้กับพวกเราได้อย่างไร! ทำเช่นนี้กับฮูหยินน้อยที่ออกหน้าไปช่วยเจ้าได้อย่างไร!”
สตรีนางนั้นเอ่ยด้วยความเสียใจ “ข้าผิดไปแล้วพี่เยี่ยน… ข้าผิดไปแล้ว… ข้ารู้ตัวแล้วจริงๆ …ความจริงข้าก็ไม่อยาก…แต่ข้าไม่มีทางเลือก…”
“ไม่มีทางเลือก? ช่างพูดง่ายเหลือเกินนะ!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมองนางด้วยสายตาเย็นชา ดึงขาตัวเองออกจากมือนาง เมื่อไม่มีที่พึ่ง ตัวนางจึงล้มลงกับพื้น แต่นางก็เข้ามากอดขาเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว น้ำตาไหลพรากๆ “พี่เยี่ยน… ท่านฟังข้าอธิบายก่อน… ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้… ท่านกับฮูหยินน้อยดีกับข้าเพียงนั้น… หากไม่ใช่เพราะข้ามีเหตุจำเป็นจริงๆ… ข้าจะทำใจทรยศพวกท่านได้อย่างไร…”
“เหตุจำเป็น? เจ้าจะมีเหตุจำเป็นอะไรได้ ฮูหยินน้อยช่วยเจ้ามาจากมือคนชั่ว เจ้าไม่เพียงไม่ซาบซึ้งในน้ำใจ แต่กลับหันมาทรยศนางเป็นการตอบแทน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเจ้า ฮูหยินน้อยเกือบไม่ได้พบกับสามีนางแล้ว!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพูดด้วยความเจ็บปวด แล้วจู่ๆ ก็คิดอะไรได้ สายตาพลันเยือกเย็น “คนชั่วพวกนั้นเป็นเรื่องโกหก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่เมืองเฟยอวี๋เป็นเรื่องโกหก พวกเจ้ากับอันธพาลในพื้นที่เล่นละครให้พวกเราดู ก็เพราะคิดจะให้เจ้าเข้ามาอยู่กับพวกเรา… เจ้าช่างมากเล่ห์แสนกลยิ่งนัก!”
สตรีนางนั้นร้องไห้พลางเอ่ยว่า “พี่เยี่ยน…พี่เยี่ยน เรื่องนั้นเป็นเรื่องลวง…ตัวตนของข้า ชื่อของข้า…ล้วนเป็นความจริง… ข้าเป็นลูกกำพร้าในหมู่บ้านชาวประมง… ข้าไปถูกใจนายอำเภอผู้นั้นเข้าจริงๆ … และเกือบถูกเขาครอบครองไปแล้ว… เป็นพวกเขาที่ช่วยข้าไว้… จากนั้นก็เก็บข้าไป… ฝึกฝนข้า… บังคับให้ข้าช่วยพวกเขาทำงาน…”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยขมวดคิ้ว “พวกเขาที่เจ้าว่าเป็นใคร”
สตรีนางนั้นกัดริมฝีปาก “ข้าบอกไม่ได้… หากข้าบอก…จะทำให้ท่านลำบากไปด้วย… ยิ่งท่านรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี…”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยิ้มเย็น “หึ ในเมื่อไม่อยากให้ข้าลำบากไปด้วย แล้วเหตุใดต้องเข้ามาขวางข้าไว้กลางทาง”
สตรีนางนั้นส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ “ท่านคิดว่าข้าอยากหรือ พี่เยี่ยน ท่านดีกับข้าเพียงนี้ แต่ข้ากลับทรยศท่าน ข้าไม่มีหน้ามาพบท่านนานแล้ว…เพียงแต่…หากข้าไม่มา…ต่อให้ข้าตายไป…ลงไปอยู่ใต้ดินที่มืดมิด…ข้าก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเอง…”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกำหมัดแน่น “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่”
สตรีนางนั้นน้ำตาร่วงขณะเอ่ยว่า “ที่ข้ามาในวันนี้…ก็เพราะอยากเตือนท่านกับฮูหยินน้อย…ให้ระวังตัวให้มาก อย่าได้เชื่อใจใครเด็ดขาด อย่าได้หลงกลผู้ใด ครั้งนี้ที่ฮูหยินน้อยตามหาไข่มุกจันทร์กระจ่างพบ ต้องทำให้พวกเขาเดือดดาลถึงขีดสุดแน่ พวกเขาไม่มีทางนั่งเฉยรอความตาย… คนใกล้ตายมักพูดความจริง พี่เยี่ยน ข้าเป็นคนที่ใกล้ตายเต็มทีแล้ว ข้าไม่มีความจำเป็นต้องหลอกท่าน ที่ข้าพูดทุกคำเป็นความจริง… อย่าได้เชื่อใครง่ายๆ… โดยเฉพาะ…”
ร่างกายที่อ่อนแอของนางโงนเงนเต็มที ที่ฝืนพูดต่อว่า “โดยเฉพาะ…คนของตระกูลไซน่า…ต้องระวัง…ให้มาก….”
พอพูดคำสุดท้ายจบ นางก็ฝืนต่อไปไม่ไหวอีก ดวงตาปิดลง สลบลงกับพื้น