หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 295-2 จับได้ หมดทางบ่ายเบี่ยง
ตอนที่ 295-2 จับได้ หมดทางบ่ายเบี่ยง
เฉียวเวยเห็นรอยฝ่ามือสีแดงที่หน้าอกเขา คิดว่าน่าจะเป็นฝ่ามือนี้ที่ทำให้ทั้งเขาและคนร้ายบาดเจ็บไปพร้อมกัน
เฉียวเวยหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วป้อนให้เขากิน
ไม่นานเขาก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ เขาดึงผ้าปิดตาผืนนั้นออก พอลืมตาก็เห็นเฉียวเวยกำลังเบิกตาโตมองเขาอยู่ เขาเลยตกใจจนสะดุ้งโหย่ง “อ๊า!”
เฉียวเวยปรายตามองอีกฝ่าย “มาอ๊าอะไร”
ใต้เท้าเจ้าสำนักดึผ้าห่มบนตัวขึ้นมาก้มมองลงไปข้างใน สีหน้าเขาพลันเปลี่ยน รีบเอาผ้าห่มห่อตัวแน่นแล้วลุกขึ้นนั่ง
เฉียวเวยโยนเสื้อผ้าสะอาดชุดหนึ่งที่ขอมาจากผู้ดูแลร้านลงบนเตียง “รีบเปลี่ยนเสีย”
ใต้เท้าเจ้าสำนักยังคงนิ่ง มองอีกฝ่ายด้วยความระแวดระวังเสียกว่าอะไร
เฉียวเวยมองไปทางเขาเรียบๆ “ทำไม อยากให้ข้าเปลี่ยนให้รึไง”
ใต้เท้าเจ้าสำนักกอดผ้าห่มแน่น หน้าแดงร้อนฉ่า “เจ้า… เจ้า…”
เฉียวเวยเลิกคิ้วกล่าวว่า “ข้าทำไม ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!” นางพูดพลางหันหน้าหนีไปพึมพำเบาๆ ว่า “ก็แค่มีไฝเม็ดหนึ่งแค่นั้นเอง”
ใต้เท้าเจ้าสำนักแทบจะสติแตก “อ๊าๆๆ! เจ้ายังจะบอกว่าเจ้าไม่เห็นอะไรอีก!”
เฉียวเวยเหลือบตามองผ้า “เอาเถิด ข้า…เห็นนิดเดียว”
“แค่นิดเดียว?” ใต้เท้าเจ้าสำนักทำหน้าบึ้ง
“แค่นิดเดียว”
ตรงนั้นของเจ้าถ้าเทียบกับทั้งตัวเจ้าแล้ว ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น
ใต้เท้าเจ้าสำนักปลดผ้าม่านลงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว พอเลิกผ้าม่านเดินลงจากเตียงก็เห็นเฉียวเวยนั่งอยู่ที่โต๊ะ มือกำเมล็ดฟักทอง กำลังนั่งแทะพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย ใต้เท้าเจ้าสำนักพลันหน้าถมึงทึง “ยิ้มอะไรน่ะ!”
เฉียวเวยพูดอย่างนึกขันว่า “ดูไม่ออกเลยนะ จีหมิงเยี่ย ทำอะไรรวดเร็วเหลือเกิน ข้าแค่กลับไปที่จวนมารอบหนึ่งเท่านั้น เจ้าก็จัดการหลับนอนกับแม่นางคนหนึ่งเสียแล้ว แม่นางจากตระกูลใดกันหรือ อยากให้ข้าไปช่วยเจ้าสู่ขอหรือไม่”
“ข้าพานางมาหลับนอนอะไรกัน เจ้าตาบอดหรือไร ไม่เห็นหรือว่านางเป็นคนจับตัวข้ามาหลับนอน!”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว “อ้อ เจ้าเป็นคนอยู่ข้างล่างเหรอ…”
“เจ้า…” ใต้เท้าเจ้าสำนักหน้าแดงก่ำไปหมด “สตรีอย่างเจ้าอย่าไร้ยางอายนักจะได้หรือไม่!”
เฉียวเวยดมน้ำชาที่เหลืออยู่ค่อนถ้วยแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าไร้ยางอายอย่างไรก็ไม่เคยใส่ยาให้แม่นางคนใดมาก่อน”
“ไม่… ไม่ๆๆ… ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ!” ใต้เท้าเจ้าสำนักแก้ตัวเป็นพัลวัน กระโดดลงแม้น้ำฮวงโหก็ยังไม่พ้นมลทิน
เฉียวเวยใช้หัวแม่เท้าคิดก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ห้องนี้อยู่ข้างห้องฉินเฉียวนั่นเอง คิดว่าเขาคงจะวางยานางแต่ดันเข้าห้องผิด หากคนที่กินเข้าไปเป็นคนธรรมดาก็คงไม่อะไร แต่อีกฝ่ายดันเป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพ นางหายาถอนพิษมาได้ไม่ทัน จึงจำต้องใช้เขาเป็นยาถอนพิษแทน หลังจากฤทธิ์ยาหมดไปแล้ว ความอับอายแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เลยคิดจะฟาดฝ่ามือใส่เขาให้ตายเสีย แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกกำลังภายในของเขาทำให้บาดเจ็บเสียได้ ส่วนในตอนนั้นตนก็มาถึงหน้าห้องพอดี ด้วยอารามรีบร้อนอีกฝ่ายถึงได้กระโดดออกหน้าต่างหนีไป
เฉียวเวยเหลือบมองใต้เท้าเจ้าสำนักที่โกรธแทบขาดใจตาย ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งว่า “โกรธเพียงนี้ ครั้งแรกหรือ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักหน้าแดงแจ๋ “ไม่ต้องยุ่ง!”
เฉียวเวยกระเทาะเปลือกเม็ดหนึ่งแล้วพูดเสียงเนิบว่า “เจ้าหลับนอนกับแม่นางเขาแล้ว คนเขาไม่รังเกียจที่เจ้าไร้ฝีมือแล้วเจ้ายังมาทำท่าเสียเปรียบเสียมากมายอีก…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักพลันสะบัดสายตาค้อนใส่นางทันที!
เฉียวเวยไม่แม้กระทั่งเหลือบตาขึ้นมอง “หรือว่านางอัปลักษณ์มาก?”
ก่อนที่จะถูกปิดตา เขาได้เห็นดวงตาของนาง นั่นเป็นแววตาที่ไม่อาจอธิบายได้ ดูประหนึ่งบ่อน้ำลึกยามค่ำคืนที่สะท้อนแสงจันทร์บนผิวน้ำ
แต่ดวงตานางสวยแล้วมีประโยชน์อะไร ไม่แน่อาจจะหน้าเป็นตะปุ่มตะป่ำก็ได้! ไม่อย่างนั้นจะเอาผ้าปิดหน้าหรือ หากไม่ใช่เพราะอัปลักษณ์จนพบหน้าใครไม่ได้ ใครจะเชื่อ!
ใต้เท้าเจ้าสำนักจับกระดิ่งอันเล็กในมือ สิ่งนี้เขาคว้ามาได้จากตัวสตรีนางนั้น อย่าให้เขาเจอตัวสตรีนางนั้นเชียว ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาคืนให้แสนสาสม!
ทั้งสองเดินลงมาข้างล่าง
จีซวงเหลือบมองเฉียวเวยที่กลับมาช้าพลางบ่นว่า “เจ้าไปไหนมาน่ะ เหตุใดจึงไปนานเพียงนี้! เจ้ายังบอกว่าอร่อยอีก รสชาติแย่จะตาย!” หางตาเหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นตา นางอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย “หมิงเยี่ย? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เฉียวเวยหันไปมองเขา เอ่ยบอกว่า “เรียกท่านน้าสิ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักแค่นเสียงหึหึ
เฉียวเวยกระซิบหยอกเย้าว่า “ไฝหนึ่งเม็ด…”
“ท่านน้า!” ใต้เท้าเจ้าสำนักรีบเรียกออกมาทันที
จีซวงยิ้มด้วยความพอใจ “ว่าง่ายจริง”
ใต้เท้าเจ้าสำนักหันไปมองเฉียวเวยด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
เฉียวเวยยิ้มบอกว่า “เมื่อครู่ข้าไปห้องสุขา บังเอิญเจอหมิงเยี่ยเข้าพอดี พอถามถึงได้รู้ว่าเขาก็มากินอาหารที่นี่เหมือนกัน”
“อร่อยไหม เจ้าว่า” จีซวงถามใต้เท้าเจ้าสำนัก
ใต้เท้าเจ้าสำนักขยับปากตอบด้วยความไม่เต็มใจ “อร่อย”
จีซวงขมวดคิ้ว “พวกเจ้านี่นะ ไม่เคยกินของดีกันจริงๆ! อาหารพวกนี้ข้ากินไม่ลงด้วยซ้ำ! กลับไปข้าจะให้พ่อครัวเจิ้งผัดกับข้าวไปส่งให้พวกเจ้า”
เฉียวเวยระบายยิ้ม “ขอบคุณท่านน้า”
จีซวงวางตะเกียบลงอย่างเกินจะทน “ไม่กินแล้ว”
เฉียวเวยจึงบอกว่า “งั้นพวกเรากลับไปค่อยกินก็แล้วกัน”
จีซวงถามกลับว่า “ไม่ได้จะไปซื้อของอีกหรือ”
เฉียวเวยยิ้มพริ้ม: “วันหลังค่อยซื้อก็เหมือนกัน”
จีซวงเช็ดปากพลางบอกว่า “เช่นนี้จะไม่มาเสียเที่ยวหรอกหรือ ไปกันเถิด ไปดูร้านที่เจ้าว่ากัน เมื่อครู่ข้ากินเล่นๆ ไปสองคำ ไม่หิวแล้ว”
เฉียวเวยประคองจีซวงลุกขึ้นมา จีซวงกวาดตามองเลยเห็นว่าตรงลำคอของใต้เท้าเจ้าสำนักมีรอยเล็บอยู่หลายรอย “หมิงเยี่ย คอเจ้าเป็นอะไรน่ะ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักพลันตาเป็นประกาย รีบจับคอตนไว้
เฉียวเวยรีบเข้ามาบังสายตาของจีซวง ยิ้มบอกว่า “เมื่อครู่ไปเจอแมวเข้าตัวหนึ่ง เขาดันเข้าไปจับมันเล่นแต่กลายเป็นว่าถูกแมวข่วนเอาน่ะ”
จีซวงชี้หน้าใต้เท้าเจ้าสำนัก “เจ้าเด็กนี่นะ ซนจริงเชียว!”
ทั้งสองขึ้นรถม้ามุ่งหน้ากลับจวน
ฉินเฉียวออกไปแล้ว ท่านเขยฉินก็ไม่อยู่ หมากเกมนี้ที่วางไว้คงเละไม่เป็นท่าแล้ว วันหน้าคิดจะอ้างชื่อโจวซุ่นนัดฉินเฉียวออกมาอีก น่ากลัวว่าคงยากเสียแล้ว
ใต้เท้าเจ้าสำนักทุกข์ระทมในใจ เขาจะมาจับชู้ แต่กลายเป็นว่าตนกลับเป็นคนที่ถูกจับเสียเอง! เดิมทีแผนที่ไร้ช่องโหว่กลับพาตัวเองไปเปื้อนมลทิน ซ้ำยังลากท่านเขยชั่วช้านั่นลงจากหลังมาไม่ได้อีกด้วย ช่างน่าเศร้า…
รถม้าเคลื่อนตัวไปตามถนนที่กว้างใหญ่ เวลานี้ใกล้ได้เวลาอาหารแล้ว ผู้คนบนถนนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ รถม้าจึงเคลื่อนตัวช้าลง
จีซวงเลิกผ้าม่านขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย สายตามองไปทางฝูงชนที่ขวักไขว่ แต่แล้วจู่ๆ นางก็เห็นอะไรบางอย่าง สายตานางพลันชะงักงัน “หยุดรถ”
สารถีหยุดรถม้า
จีซวงเลิกผ้าม่านด้านหน้าแล้วก้มตัวเดินลงไป
เฉียวเวยถามด้วยความงุนงง “ท่านน้า นั่นจะไปไหน”
จีซวงไม่ตอบ ยกกระโปรงออกเดินไปทางตรอกเล็กๆ ทันที
ในตรองเล็กๆ นั้น มีบุรุษสตรีคู่หนึ่งยืนอยู่ บุรุษยกแขนยันกำแพงกักตัวสตรีนางนั้นไว้ ใช้มือข้างเดียวเชยคางสตรีนางนั้นขึ้นมา “เจ้าไปหาโจวซุ่นมาหรือ”
สตรีนางนั้นตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย”
บุรุษผู้นั้นยิ้มเย็น มือใหญ่จับคอนางเอาไว้ “แต่งหน้าทาปากเสียด้วย ซ้ำยังแต่งตัวเสียสวยเพียงนี้อีก ดูท่าเจ้าคงไม่สนใจคำเตือนของข้าเลยสินะ”
สตรีนางนั้นตะคอกเสียงต่ำ “ปล่อยมือนะ!”
บุรุษผู้นั้นกดตัวสตรีเข้ากับกำแพง สตรีนางนั้นพยายามดิ้นสู้ เขาจับตัวนางไว้แน่น มือข้างหนึ่งเลื่อนเข้าไปในกระโปรงทรงหลัวของอีกฝ่าย
สตรีนางนั้นบีบคอเขา ด้วยความเจ็บเขาจึงดึงมือที่กระทำการจวบจ้วงในกระโปรงของนางออกมา
สตรีนางนั้นก้าวขาออกวิ่ง
บุรุษรีบคว้าตัวนางกลับมา คว้าผมนางไว้จากด้านหลัง บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น ยื่นหน้าของตนเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วก้มลงบดขยี้กลีบปากนางอย่างหยาบโลน
นางกัดริมฝีปากเขาจนแตก พยายามผลักเขาออกไป นางถูกจับตัวกลับมาอีกครั้ง จึงสะบัดมือจะตบหน้าอีกฝ่าย แต่น่าเสียดายที่ตบไม่ถูก จึงถูกเขาจับตัวไว้แน่นกว่าเดิม
เขาจับตัวนางกดชิดติดกับกำแพง
“ท่านพี่?”
เสียงของจีซวงดังขึ้นที่ตรงปากตรอก
ตัวท่านเขยฉินพลันแข็งค้าง
จีซวงเดินเข้ามา มองฉินเฉียวที่ถูกบังคับจับกดไว้กับกำแพงแล้วมองบุรุษที่หันหลังให้นางอยู่ “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ เจ้าไม่ไปที่สำนักศึกษาแล้วหรือ เหตุใดถึงมาอยู่กับนางได้”
ท่านเขยฉินตัวแข็งอยู่ตรงนั้น
จีซวงเดินอ้อมมาด้านหน้า คอเขาถูกข่วนจนเป็นรอย ริมฝีปากก็ถูกกัดจนแตก
จีซวงยื่นนิ้วออกไปป้ายที่ริมฝีปากเขาเบาๆ เป็นผงชาดของสตรี