หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 301-1 รู้เช่นเห็นชาติ ติดกับในที่สุด
ตอนที่ 301-1 รู้เช่นเห็นชาติ ติดกับในที่สุด
สีหน้าท่านเขยฉินปรากฏแววงุนงงสับสน “หว่านหว่าน เจ้าพูดอะไรของเจ้า เหตุใดข้าจึงฟังไม่เข้าใจ”
จีหว่านตะคอกสวนอย่างไม่มีเกรงใจ “เจ้าไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นใสซื่อแล้ว! ตอนนั้นเสียงที่ข้าได้ยินก็คือเสียงเจ้า ทั้งๆ ที่ข้าได้ยินว่าน้องชายข้าร้องไห้ แต่เจ้าบอกกับข้าว่าไม่มี ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่รู้ประสาจึงเชื่อที่เจ้าพูด หลายปีที่ผ่านมานี้น้ำเสียงนั้นยังคอยมาปรากฏอยู่ในฝันของข้า ข้ายังคิดว่าข้าคิดเหลวไหลไปเอง แต่เมื่อครู่…เจ้าถึงขั้นคิดจะฆ่าข้า!”
ท่านเขยฉินตีหน้าน่าสงสาร “หว่านหว่าน เวลานั้นเจ้าเพิ่งอายุกี่ขวบกัน จะจำเรื่องในตอนนั้นได้อย่างไร เจ้าต้องคิดไปเองแน่ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้า ไม่เคยเลย ช่วงนี้สภาพจิตใจเจ้าไม่สู้ดีใช่หรือไม่ เหน็ดเหนื่อยเกินไปใช่หรือไม่”
จีหว่านมองอีกฝ่ายด้วยสายตาลุกโชน “เจ้าคิดจะบอกว่าข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วงั้นสิ”
ท่านเขยฉินเอ่ยทอดถอนใจ “หว่านหว่าน ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นกับเจ้า และไม่มีทางทำเช่นนั้นกับหมิงเยี่ย”
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้เล่า ฉางเฟิงสื่อ?”
เฉียวเวยเดินเอามือไพล่หลังสบายๆ เข้ามา คนที่เดินมากับนางด้วยยังมีใต้เท้าเจ้าสำนักที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน รวมถึงเจ้าสัตว์น้อยทั้งสามที่เดินเข้ามาอย่างผึ่งผาย
มีคนคอยให้ท้ายแล้วเจ้าสัตว์น้อยทั้งสามเลยได้โอกาสวางก้ามสักหน่อย!
เจ้าสัตว์น้อยทั้งสามเดินตามเฉียวเวยกับใต้เท้าเจ้าสำนักเข้ามาในห้อง ตอนเดินผ่านเปลบนพื้น ท่านเขยฉินมองสัตว์น้อยทั้งสามด้วยสายตาเรียบเย็น จูเอ๋อร์ยื่นอุ้งมือน้อยๆ ออกมาแล้วฟาดเข้าให้! เครื่องหน้าทั้งห้าของท่านเขยฉินเลยแทบจะแหลกสลาย…
ส่วนเสี่ยวไป๋ ทั้งๆ ที่เดินผ่านไปแล้ว แต่พอเห็นเพื่อนสัตว์ตัวน้อยตบคนสารเลวนั่นให้ฉาดหนึ่งก็ถึงขั้นเดินเร็วๆ เข้าไปตบเปรี้ยงเข้าให้บ้างอีกทีหนึ่ง!
ท่านเขยฉินถึงกับเลือดกำเดาไหลออกมา กำลังคิดจะพูดบางอย่างแต่ก็ถูกเสี่ยวไป๋สะบัดตบให้อีกทีหนึ่ง
“ข้า…”
เพี๊ยะ!
จูเอ๋อร์ตบเปรี้ยง
“เจ้า…”
เพี๊ยะ!
เสี่ยวไป๋ตบอีกเปรี้ยง
ในที่สุดท่านเขยฉินก็ถูกตบจนสองตาปูนโปนแล้วสลบไปอีกครั้ง
จีซวงลุกขึ้นยืนอย่างดุดัน
ต้าไป๋ย่อตัวอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางโหดร้าย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน
จีซวงถูกมองจนสะอึกไป จึงนั่งลงที่เดิมด้วยความเกรงกลัวระคนขัดใจ
ใต้เท้าเจ้าสำนักจะหาเก้าอี้นั่ง จีซั่งชิงชี้ไปยังเก้าอี้ข้างกายตน ใต้เท้าเจ้าสำนักกรอกตาบนใส่อีกฝ่ายด้วยความรังเกียจแล้วไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง
จีซั่งชิงได้แต่ถอนหายใจด้วยความจนใจ
เฉียวเวยประคองจีหว่านไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกลางระหว่างจีซั่งชิงกับใต้เท้าเจ้าสำนัก “พี่หว่านเจ้านั่งก่อน เจ้ากำลังตั้งครรภ์อย่าได้เดือดดาลไปเพราะคนสารเลวเช่นนี้เลย เดี๋ยวจะเสียสุขภาพแล้วทำให้หลานตัวน้อยของข้ารู้สึกไม่สบายตัวเอาได้ เรื่องที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”
จีหว่านรู้ว่าเฉียวเวยจะต้องเชื่อตนแน่ หินก้อนใหญ่ที่กดทับอยู่ในใจจึงได้รับการยกออกเสียที ยามเอื้อนเอ่ยอีกครั้งจึงไม่ได้คุกรุ่นไปด้วยอารมณ์เช่นในช่วงแรกอีก “ข้ารู้ว่าพวกท่านไม่เชื่อข้า แต่ข้าไม่มีเหตุให้ต้องโกหก”
หลี่ซื่อถอนหายใจ “หว่านหว่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แต่เรื่องนี้ออกจะ…”
หลี่ซื่อก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความตกใจในเวลานี้อย่างไรดี นางไม่มีทางที่จะไม่เชื่อจีหว่าน เพียงแต่เรื่องนี้ออกจะน่าตกใจเกินไปสักหน่อย ท่านเขยฉินอยู่ในบ้านตระกูลจีมาตั้งนานปีเพียงนั้น ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับนายท่านรองและนายท่านสามมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ พวกเขาเล่นด้วยกันมาราวกับพี่น้องร่วมอุทร หากเขาเป็นคนชั่วช้าสารเลวจริงๆ นายท่านรองกับนายท่านสามจะยอมเล่นกับเขาได้อย่างไร
ต่างบอกกันว่ากาลเวลาพิสูจน์คน ช่วงเวลาที่พวกเขารู้จักกันน่าจะนานพอแล้วกระมัง ท่านเขยฉินเป็นคนเช่นไรพวกเขาต่างเห็นกันดี เรื่องของฉินเฉียวออกจะเกินความคาดหมายไปสักหน่อยก็จริง แต่ในใต้หล้าจะหาเรื่องใดดำเมี่ยมเช่นอีกานั้นไม่มี บุรุษคนใดบ้างที่ไม่ลักกินขโมยกิน หากคิดได้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร
หากจะบอกว่าเขาทำร้ายใครได้ ซ้ำคนที่ทำร้ายยังเป็นจีหว่านกับหมิงเยี่ยแล้ว เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ฟังดูยากที่จะเชื่ออยู่สักหน่อย
“อาสะใภ้รองไม่เชื่อ แล้วอารองเล่า?” จีหว่านหันไปมองจีเซิ่ง
จีเซิ่งพูดไม่ออก
จีเซิ่งโตกว่าท่านเขยฉินกับนายท่านสามอยู่หนึ่งปี พวกเขาสามคนร่ำเรียนมาด้วยกัน ท่านเขยฉินเป็นลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก การเรียนดี ความรู้ความอ่านดี รูปลักษณ์เป็นเลิศ ถึงแม้ชาติตระกูลจะต่ำเตี้ยสักหน่อย แต่ยามปฏิบัติต่อศิษย์ที่มาจากตระกูลใหญ่ก็ไม่ประจบสอพลอและไม่ทำตัวต่ำต้อยห่างเหิน และยิ่งไม่มีทางคิดว่าตัวเองสูงส่ง นับว่าวางตัวได้ดีมากทีเดียว
คนเช่นนี้มักจะทำให้ทุกคนรู้สึกดีด้วยได้ง่าย ซึ่งทำให้ตอนที่จีซวงบอกว่าจะแต่งงานกับท่านเขยฉินนั้น จีเซิ่งกับนายท่านสามถึงขั้นมีท่าทีสนับสนุน ทั้งสองถูกเสน่ห์ในตัวท่านเขยฉินทำให้ยอมรับ รู้สึกว่าหากน้องสาวจะต้องแต่งงานกับคุณชายที่ดีแต่เปลือกเหล่านั้น สู้แต่งกับบุรุษอย่างฉินปิงอวี่ที่มากวิชาความรู้ ความสามารถล้นเหลือซ้ำยังพบเห็นโลกมามาก นิสัยอบอุ่นใจดีจะดีกว่า
หลังจากฉินปิงอวี่เข้ามาในตระกูลจีแล้ว นายท่านทั้งสองยังนึกเสียดายแทนเขา บุรุษที่ดีเพียงนี้เหตุใดถึงมาแต่งงานกับน้องสาวเช่นนี้ของพวกเขาได้ นิสัยของน้องสาวในสิบคนต้องมีสักสิบเอ็ดคนที่รับไม่ได้ ยากนักที่จะมีอย่างฉินปิงอวี่ที่แม้จะผ่านไปยี่สิบปีก็ยังคงทำตัวเหมือนวันแรก เอาอกเอาใจน้องสาวของพวกเขาราวกับเป็นเด็กน้อย
เรื่องของฉินเฉียวนั้นว่ากันตามตรงแล้ว แม้จะอยู่เหนือความคาดหมายแต่ก็เข้าใจได้
เขารักน้องสาวนั้นไม่ใช่เรื่องหลอก แต่หากว่าตามหลักเหตุผลแล้ว ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ฉินปิงอวี่มีน้องสาวเขาแค่เพียงคนเดียวมาตลอดนับว่าดีต่อน้องสาวเขามากแล้ว ฉินเฉียวคนนั้นก็ไม่ได้มีน้ำหนักในใจฉินปิงอวี่มากนัก พอเกิดเรื่องก็ไม่ใช่ว่าส่งนางกลับไปทันทีเลยหรอกหรือ
เรื่องที่เลวร้ายที่สุดของฉินปิงอวี่ก็น่าจะเป็นเรื่องนี้แล้ว ส่วนที่บอกว่าเขาไปฆ่าไปแกงใครนั้น เขามีความกล้าเพียงนั้นเมื่อไรกัน
“อารองท่านก็ไม่เชื่อหรือ” จีหว่านเบิกตาโต หากไม่ใช่เพราะมีเฉียวเวยเดินเข้ามา ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจขึ้นไม่มากก็น้อย ไม่เช่นนั้นเวลานี้นางคงถูกพวกเขาทำให้เดือดดาลจนหน้าตาบิดเบี้ยวไปแล้ว
“หว่านหว่าน…” จีเหล่าฮูหยินเอ่ยปากขึ้น
จีหว่านเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าคงไม่ถามแล้ว ถึงอย่างไรท่านก็ไม่มีทางเชื่อ ในใจท่านน่ะขอเพียงเป็นบุตรสาวของท่านก็ไม่มีหลานสาวอย่างข้าแล้ว ต่อให้ข้าถูกคนปองร้ายจนตายนั่นก็เพราะข้าสมควรโดน หมิงเยี่ยถูกคนปองร้ายก็เป็นเรื่องสมควรแล้วเช่นกัน”
จีซั่งชิงตีหน้าขรึม “เหตุใดจึงกล่าวกับท่านย่าเจ้าเช่นนี้”
ใต้เท้าเจ้าสำนักเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “นางไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย! พวกเจ้าในห้องนี้ทั้งหมดตาบอดกันทั้งนั้น! คนดีๆ ไม่เชื่อ แต่คนชั่วกลับอ่านไม่ขาด! สมน้ำหน้าที่ลูกชายเจ้าหายไป!”
จีซั่งชิงถึงกับสะอึกอึ้งงันไป
เฉียวเวยตบศีรษะใต้เท้าเจ้าสำนักเบาๆ “อย่าโวยวาย”
ใต้เท้าเจ้าสำนักทำเสียงหึแต่ก็ไม่พูดอะไรอีกจริงๆ