หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 338-1 สามีภรรยาพบหน้า ตบสวินหลัน (1)
ตอนที่ 338-1 สามีภรรยาพบหน้า ตบสวินหลัน (1)
จีซั่งชิงไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง เขาต้องดื่มมากเกินไปแน่ๆ หรือบางทีเขาอาจกำลังฝันอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาจะมองเห็นเจาหมิงได้อย่างไร
เขาพยายามกะพริบตา แต่เจาหมิงก็ยังคงยืนมองเขาด้วยสีหน้าสับสนอยู่ตรงนั้น แม้ไม่ทราบว่านางสับสนอะไร แต่หัวใจของเขาก็บีบรัดอย่างไม่ฟังคำสั่งของเจ้าของ
เขาปล่อยมือจากสวินหลัน มือของสวินหลันร่วงบนโต๊ะดัง ตุ้บ! เขาก้าวโซเซเดินไปหาเจาหมิง แต่เพราะตกตะลึงมากเกินไปจึงเหยียบพลาดพลัดตกลงมาจากขั้นบันได แต่เขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เจาหมิง…เจาหมิงนั่นเจ้าหรือ”
เขาเดินมาถึงหน้าเจาหมิง อยากจะเอื้อมมือออกไปจับเจาหมิงดูว่าจริงหรือไม่ แต่กลัวว่าจะเป็นเพียงฝัน หากสัมผัสถูกเพียงนิดก็จะตื่น
“เจา…เจาหมิง”
เขาเอ่ยเรียกนาง
เจาหมิงยังคงมองเขาด้วยสีหน้าสับสนมึนงง
ในที่สุดเขาก็เอื้อมมือออกมาประคองแขนของเจาหมิงอย่างระมัดระวัง เขามองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่อยากเชื่อ “ข้าไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่”
“ท่านฝันอะไรอยู่เล่า” หญิงสาวเอ่ยถาม แววตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคยราวกับว่ากำลังถามคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
ทว่าเขากำลังจมอยู่กับความยินดีปรีดาที่ได้พานพบเจาหมิงอีกหน จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าแววตาของเจาหมิงไม่เหมือนเดิม เขารวบเจาหมิงเข้ามาในอ้อมแขน “เจาหมิง! เจ้าจริงๆ ด้วย! ข้าไม่ได้ฝันอยู่…”
“ท่านคือซั่งชิงหรือ” จู่ๆ เจาหมิงก็ถามขึ้นมาเรียบๆ
ในที่สุดจีซั่งชิงก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว เขาปล่อยนางออกจากอ้อมแขนอย่างช้าๆ แล้วมองดวงหน้าอันคุ้นเคยดวงนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ “เจาหมิงเหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้”
สวินหลันลูบหน้าท้อง เอ่ยขึ้นมาว่า “ซั่งชิง องค์หญิงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว นางไม่ใช่องค์หญิง”
“องค์หญิง! องค์หญิงท่านอยู่ที่ไหนเจ้าคะ”
เสียงร้อนรนของกู้มามาดังขึ้นมาไม่ไกล
เจาหมิงหันกลับไปนิ่งๆ “เจ้ากำลังตามหาข้าอยู่หรือ”
กู้มามาชะงักเท้า ก่อนจะวิ่งซอยเท้ามาทางด้านนี้ นางเคยเป็นแม่นมผู้วางตัวดีที่สุดในพระราชวัง กิริยามารยาทและการปฏิตัวตามขนบธรรมเนียมไม่เคยมีข้อผิดพลาดมาก่อน แต่ในยามนี้นางกลับวิ่งจนหัวกระเซิง ปิ่นเบี้ยว ลำบากนักกว่าจะวิ่งมาถึงข้างตัวองค์หญิงเจาหมิง แต่ก็หอบจนพูดออกมาไม่เป็นคำ
จีซั่งชิงหันไปมองกู้มามา “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
กู้มามามององค์หญิงเจาหมิง พูดให้ถูกต้องก็คือมองเฟิ่งชิงเกอแวบหนึ่ง แล้วหลุบสายตาลงตอบว่า “เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะนายท่าน หลายวันก่อนข้าไปหาหลานชายของข้าเพื่อดื่มสุรามงคล แต่บังเอิญเห็นหญิงสาวนางหนึ่งสลบอยู่ หน้าตาของนางเหมือนองค์หญิงมากยิ่งนัก ข้าสงสัยจึงเดินเข้าไปดูแล้วข้าก็พบว่านางไม่ใช่เพียงดูเหมือนองค์หญิง แต่นางเหมือนองค์หญิงทุกประการ! ข้าพานางไปส่งโรงหมอให้ท่านหมอรักษานางจนฟื้น ข้าถามว่านางเป็นผู้ใด นางบอกว่านางจำไม่ได้ ข้าถามอีกว่าในครอบครัวของนางยังมีญาติที่ไหนหรือไม่ นางก็บอกชื่อของนายท่านออกมา”
หัวใจของจีซั่งชิงเจ็บแปลบเล็กๆ
กู้มามาเล่าต่ออย่างไม่รีบร้อน “ข้าทราบว่าองค์หญิงจากโลกนี้ไปแล้ว สตรีนางนี้แปดส่วนน่าจะเพียงหน้าตาเหมือนองค์หญิงเท่านั้น แต่นางพร่ำเรียกชื่อของนายท่านไม่หยุด ชั่วขณะนั้น…ชั่วขณะนั้นข้าตัดสินใจไม่ถูกจึงพานางกลับจวนมาด้วย”
สวินหลันเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “องค์หญิงเจาหมิงสิ้นพระชนม์ไปหลายปีขนาดนี้แล้ว นางจะเป็นองค์หญิงไปได้เช่นไร กู้มามา เจ้ารับใช้องค์หญิงมานานถึงเพียงนั้น แม้แต่ตัวจริงตัวปลอมก็แยกไม่ออกหรือ”
กู้มามาตอบอย่างนอบน้อมแต่ไม่กลัวเกรง “ก็เพราะข้ารับใช้องค์หญิงมาหลายปี รู้สึกว่านางกับองค์หญิงไม่ว่าตรงไหนๆ ก็เหมือนกันเหลือเกินถึงได้พานางกลับมาด้วย ข้ารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดว่าองค์หญิงจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ทุกคนลืมเรื่องของคุณชายรองไปแล้วหรือ ทุกคนก็เคยคิดว่าคุณชายรองตายไปแล้ว แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเขามีชีวิตเดินกลับมาตัวเป็นๆ คุณชายรองยังรอดกลับมาได้ แล้วเหตุใดฮูหยินจะเป็นเช่นนั้นบ้างไม่ได้”
คำพูดเหล่านี้ของกู้มามา แต่ละคำกระแทกเข้าใส่ปมในใจของจีซั่งชิง นับตั้งแต่ชั่วขณะที่ใต้เท้าเจ้าสำนักกลับมาบ้าน เขาก็มักจะคิดกับตนเองว่าหากเจาหมิงมีชีวิตกลับมาบ้างก็คงจะดี หากเป็นเช่นนั้นในที่สุดครอบครัวของพวกเขาก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที
ตอนนี้เจาหมิงมีชีวิตกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ไฉนเขาจะทำใจสงสัยว่านางเป็นตัวปลอมได้ลงอีกเล่า
มนุษย์ทุกคนต่างยินยอมจะเชื่อในความจริงที่ตนปรารถนา จีซั่งชิงก็มิใช่ข้อยกเว้น ไม่ว่าเรื่องที่เจาหมิงยังมีชีวิตอยู่หรือเรื่องที่เจาหมิงลืมเลือนคนทั้งโลกแต่จดจำเขาได้เพียงคนเดียว ทุกสิ่งนี้ล้วนเติมเต็มความเพ้อฝันของเขา
สวินหลันเอ่ยขึ้นว่า “ซั่งชิง ท่านฟังข้า เรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ”
กู้มามาถอนหายใจ “ฮูหยินกล่าวถูกต้อง ข้าก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกๆ ปากข้าบอกว่าคุณชายรองมีชีวิตรอดกลับมาได้ องค์หญิงก็น่าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้เหมือนกัน แต่ความจริงหัวใจข้าเข้าใจดี สถานการณ์ของคุณชายรองกับองค์หญิงต่างกันอย่างสิ้นเชิง คุณชายรองถูกลักพาตัวไปเพราะโลงศพในตอนนั้นฉินปิงอวี่เป็นคนสร้างขึ้นมา ตัวเขาวางแผนการทุกสิ่งไว้ดีแล้ว แต่โลงศพขององค์หญิงเป็นของที่ฝ่าบาทส่งคนของกรมโยธามาทำให้ ตั้งแต่การปิดโลงจนถึงการทำพิธีศพ แล้วก็การฝังองค์หญิงลงสุสาน ไม่มีผู้ใดมีโอกาสใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดทั้งสิ้น ดังนั้นองค์หญิงน่าจะนอนหลับใหลอยู่ใต้ผืนพสุธาจริงๆ…”
กู้มามาพูดสิ่งที่สวินหลันอยากพูดออกมาจนหมดแล้ว สวินหลันจึงหมดคำจะพูด
ทว่ายิ่งกู้มามาพูดถึงเรื่องเหล่านี้ จีซั่งชิงกลับยิ่งอยากเถียง “ข้าจำได้ว่าเจาหมิงเคยตกม้า ตรงคอบาดเจ็บมีรอยแผลเป็นอยู่รอยหนึ่ง”
“แผลเป็นหรือ” เจาหมิงลูบลำคออย่างไม่รู้ตัว
“แผลเป็นรูปนี้!” จีซั่งชิงดวงตาเป็นประกายดึงมือของนางออก “กู้มามาเจ้าดูสิ!”
กู้มามามองอย่างให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง “จริงๆ ด้วย”
จีซั่งชิงตื่นเต้นดีใจจนยากจะหาคำใดเปรียบเปรย เขาคว้าแขนของนางแล้วบอกว่า “เจ้าคือเจาหมิง เจ้าก็คือเจาหมิง!”
เจาหมิงโคลงศีรษะ มองเขาอย่างไร้เดียงสาและสับสนมึนงง คล้ายกับไม่รู้จักเขา แต่ก็ไม่ได้ผลักไสเขา
จีซั่งชิงพูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าจะทำให้เจ้าจดจำได้…ทำให้เจ้านึกทุกสิ่งออก…”
สวินหลันกุมหน้าท้อง เดินลงมาจากศาลา นางเดินมาถึงตรงหน้าองค์หญิงเจาหมิงแล้วย่อเข่าคำนับ “องค์หญิง…”
“กรี๊ด” เจาหมิงร้องเสียงดังขึ้นมาทันที
จีซั่งชิงรีบประคองเจาหมิงไว้ “เป็นอะไรไป”
เจาหมิงมองสวินหลันอย่างหวาดผวา
จีซั่งชิงมองทั้งสองคนอย่างฉงนงงงวย “เจ้า…จำนางได้หรือ”
เจาหมิงส่ายหน้า หลบอยู่หลังจีซั่งชิง ท่าทางหวาดกลัวอย่างยิ่ง เจาหมิงในความทรงจำไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่วันนี้เจาหมิงจำไม่ได้แม้แต่ว่าตนเองเป็นผู้ใด จีซั่งชิงจะถามสาเหตุจากปากนางก็ไม่ได้ ได้แต่ปลอบนางก่อน “เจ้าไม่ต้องกลัว”
สวินหลันมองเจาหมิง จากนั้นคำนับต่อ “องค์หญิง…”
“กรี๊ดดด” เจาหมิงยกมือขึ้นปิดหูของตนเอง
จีซั่งชิงกอดนางอย่างแผ่วเบาแล้วถามกู้มามาว่า “ตอนนางอยู่ที่โรงหมอก็เป็นเช่นนี้หรือ”
กู้มามาทำหน้ามึนงง ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้แบบนี้สักหน่อย!
เฉียวเวยที่หลบอยู่ในเงามืดเกือบจะทนดูไม่ได้ บอกให้เจ้าแสร้งทำเป็นความจำเสื่อมเท่านั้น จำเป็นต้องเพิ่มบทละครให้ตนเองเช่นนี้ด้วยหรือ
เจาหมิง หรือพูดให้ถูกก็คือเฟิ่งชิงเกอเกาะแขนเสื้อของจีซั่งชิงไว้แน่น พลางมองสวินหลันด้วยสีหน้าหวาดกลัว