หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 352-2 พี่ซิวกลับมา (2)
ตอนที่ 352-2 พี่ซิวกลับมา (2)
หากพูดถึงเรื่องแรงจูงใจแล้ว น่ากลัวว่าคนที่น่าสงสัยที่สุดคงจะเป็นเหล่าฮูหยิน นางต่างหากเป็นคนที่อยากไล่สวินซื่อออกจากบ้านตระกูลจีมากที่สุด ฟู่เสวี่ยเยียนอย่างมากก็เพียงได้รับอิทธิพลจากเฉียวเวยจึงไม่ญาติดีกับสวินซื่อเท่าไรนัก หากบอกว่าฟู่เสวี่ยเยียนใส่ร้ายสวินหลัน สู้บอกว่าเป็นเฉียวเวยไปเลยคงจะตรงกว่า
เรือนของเฉียวเวยกับเสี่ยวอวี่เซวียนอยู่ห่างกันเพียงกำแพงกั้น หากนางคิดจะลงมือนั้นง่ายราวกับปอกกล้วย
เมื่อคิดเช่นนี้แม้แต่เฉียวเวยยังคิดว่าแผนร้ายนี้อันที่จริงพุ่งเป้ามาที่นางด้วยซ้ำ
แต่กระนั้นพอความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว จีซั่งชิงก็เอ่ยปากขึ้นว่า “บ้านตระกูลจีคงไม่เหมาะให้แม่นางฟู่ผู้ทรงเกียรติพักอยู่ต่อไป ขอแม่นางฟู่ได้โปรดกลับไปเถิด”
เฉียวเวยขมวดคิ้ว เป้าหมายอยู่ที่ฟู่เสวี่ยเยียนจริงๆ เสียด้วย
ใต้เท้าเจ้าสำนักเดือดจัด “ไอแซ่จี! เจ้าว่าอะไรนะ บ้านตระกูลจีไม่เหมาะให้ใครอยู่ ข้าขอเตือนเจ้าไว้นะ ถ้านางอยู่ข้าอยู่! นางไป…ข้าก็ไปด้วย!”
จีซั่งชิงเอ่ยหน้าตายว่า “เช่นนั้นก็ไปเสียเถิด”
ทุกคนรวมถึงใต้เท้าเจ้าสำนักถึงกับสงสัยว่าตนฟังผิดไป จีซั่งชิงว่าอะไรนะ ให้เขาไป?
จีซั่งชิงเลอะเลือนก็เลอะเลือนเถิด แต่กับบุตรชายคนเล็กผู้นี้มักเอ็นดูอย่างไร้ขอบเขตมาตลอด เขาถึงขั้นกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ง่ายๆ เลยหรือ หรือว่าในใจเขา สตรีที่เคยทรยศหักหลังเขายังสำคัญกว่าบุตรชายในอุทรของเขาอีกอย่างนั้นหรือ
ใต้เท้าเจ้าสำนักกำหมัดแน่น “ได้! เจ้าเป็นคนพูดเองนะ! ไปก็ไป! ถึงอย่างไรข้าก็หน่ายกับจวนบ้าๆ นี่มากพอแล้ว!”
พูดจบเขาก็เข้าจูงมือฟู่เสวี่ยเยียน “พวกเราไปกัน”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เหตุใดจึงเสียงดังเพียงนี้ ดังจนข้านอนไม่หลับเลย!” เฟิ่งชิงเกอเดินโบกพัดเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ในจวนไม่มีเจ้านายสตรีนางอื่นแล้ว หลี่ซื่อเข้าใจว่าเป็นจีซวงเลยจะรีบหันไปต้อนรับ แต่ใครจะรู้พอเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน นางก็ถึงกับตาค้างแล้วเป็นลมล้มไปทันที!
จีเซิ่งเห็นภรรยาของตนเป็นลมลงกับพื้นเลยรีบเข้าไปประคอง เฟิ่งชิงเกอเดินผ่านเขาไป เขาเหลือบมองทีหนึ่ง อีกที แล้วก็อีกที!
แล้วก็เป็นลมไปด้วยอีกคน…
บ่าวไพร่ในห้องได้แต่มองหน้ากัน นายท่านรองกับฮูหยินรองเป็นอะไรไป เหตุใดพอเห็นแม่นางหลี่ถึงเป็นลมกันไปทั้งคู่เช่นนี้
เฟิ่งชิงเกอนั่งลงข้างจีซั่งชิง ใช้พัดที่ทำจากไม้หอมบังหน้าไว้ครึ่งหนึ่งพลางเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ซั่งชิงจ๋า ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เมื่อครู่ข้าได้ยินบ่าวด้านนอกบอกว่าเจ้าจะไล่แม่นางฟู่ออกไป เป็นความจริงหรือไม่”
จีซั่งชิงไม่ได้ตอบอะไร
เฟิ่งชิงเกอเอ่ยย้ำอีกครั้งว่า “เจ้าอย่าไล่แม่นางฟู่ไปเลย เจ้าดูไม่ออกหรือว่าแม่นางฟู่คือลูกสะใภ้ของเจ้า”
ขนตาฟู่เสวี่ยเยียนสั่นไหว
เฟิ่งชิงเกอเขยิบเข้าไปใกล้จีซั่งชิง กระซิบบอกว่า “ข้าจะบอกความลับหนึ่งให้นะ ในท้องแม่นางฟู่มีลูกของหมิงเยี่ยอยู่”
จีซั่งชิงยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เฟิ่งชิงเกอเริ่มหัวร้อน ใช้พัดตีที่แขนเขาทีหนึ่ง “ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าได้ยินหรือไม่!”
จีซั่งชิงเหลือบมองนางนิ่งๆ ทีหนึ่ง
เฟิ่งชิงเกอเล่นละครกับจีซั่งชิงมานานเพียงนี้ นางไม่เคยเห็นสีหน้าเขาดูน่ากลัวเพียงนี้มาก่อน ท่าทางของเขาราวกับอยากจะกินนางลงไปกระนั้น
นางกะพริบตา ลุกขึ้นเดินเร็วๆ เข้าไปหาเฉียวเวยแล้วกระซิบถามว่า “แม่นางฟู่ไปฆ่ามารดาเขาหรือไปขุดสุสานบรรพบุรุษเขากันแน่ เหตุใดเขาถึงได้ขุ่นเคืองเพียงนี้”
เฉียวเวยสายตาพลันเปลี่ยน ไม่สนใจหมิงเยี่ยยังพอจะฝืนเข้าใจได้ว่าปากไม่มีหูรูดของหมิงเยี่ยทำให้เขาไม่พอใจ แต่เมื่อครู่เฟิ่งชิงเกอเอ่ยโน้มน้าวเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอยู่ตลอด ซ้ำยังบอกความลับเรื่องที่ฟู่เสวี่ยเยียนตั้งครรภ์ให้เขารู้อีก แต่เขาก็ยังไม่สั่นไหวเลยสักนิด…
ช่างน่าแปลก
“ใครก็ได้ มาเชิญตัวแม่นางฟู่ออกไป” จีซั่งชิงเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย
องครักษ์ร่างกำยำหกคนกรูกันเข้ามา
เฉียวเวยสายตาสะดุด ทุกคนดูแปลกหน้าทั้งสิ้น
แต่ละคนชักกระบี่ตรงเอวออกมา ท่าทางเหมือนว่าหากนางไม่ไปจะฟันกันให้ตายกระนั้น
ใต้เท้าเจ้าสำนักเอาฟู่เสวี่ยเยียนไปบังอยู่ด้านหลัง “ไอแซ่จี อย่าให้มันเกินไปนะ!”
สีหน้าจีซั่งชิงไม่มีเปลี่ยนไปสักนิด
คนเป็นหัวหน้าที่รูปน้าสี่เหลี่ยมหันไปทำท่าทางบอกฟู่เสวี่ยเยียน “แม่นางฟู่ เชิญ”
เฉียวเวยยื่นแขนออกไปขวางฟู่เสวี่ยเยียนไว้ มองหน้าองครักษ์หน้าเหลี่ยมผู้นั้นด้วยสีหน้าดุดัน “เจ้ามีชื่อว่าอะไร เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”
องครักษ์หน้าเหลี่ยมตอบอย่างไม่มีตื่นกลัวว่า “ข้าน้อยทำงานให้นายท่านอย่างลับๆ มาตลอด วันนี้เพิ่งได้ย้ายกลับมาที่จวนขอรับ”
“เช่นนั้นหรือ” เฉียวเวยพึมพำขณะเดินเข้าไปตรงหน้าเขา เพ่งมองเขานิ่งๆ สองวินาทีแล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือผลักเขาจนกระเด็นออกไป!
อีกห้าคนที่เหลือเห็นเช่นนั้น ทุกคนก็พากันเงื้อดาบพุ่งเข้าใส่เฉียวเวย
เมื่อเป็นเช่นนี้เฉียวเวยยิ่งมั่นใจว่าพวกเขาไม่ใช้องครักษ์ของจวน องครักษ์ในบ้านตระกูลจีไม่มีทางไม่รอคำสั่งของจีซั่งชิง ก็จะบุ่มบ่ามเข้ามาฆ่าฟันฮูหยินน้อยของตระกูลจีเช่นนี้
เฉียวเวยขยับแขนข้างหนึ่ง กริชเลื่อนลงมาในมือ องครักษ์คนหนึ่งฟันกระบี่ลงมาตรงหน้านาง นางพลิกมือทิ่มใส่ กระบี่ในมืออีกฝ่ายก็หักเป็นสองท่อนทันที
องครักษ์ผู้นั้นอึ้งงัน เขาเหม่อไปเพียงชั่วขณะก็ถูกเฟิ่งชิงเกอถีบกระเด็นออกไปข้างนอก
สองคนแรกนับว่าประมาทศัตรู อีกสี่คนที่เหลือจึงรับมือไม่ง่ายเช่นนั้นอีก
เฉียวเวยกับเฟิ่งชิงเกอสู้กับสี่คนนั้นจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ หนึ่งในคนเหล่านั้นหนีออกจากวงต่อสู้ไปได้ สองมือกำกระบี่แน่น พุ่งตรงไปที่หัวไหล่ของเฉียวเวย ฟู่เสวี่ยเยียนสายตาพลันเปลี่ยนเป็นดุดัน เหวี่ยงแขนเสื้อให้ผ้าขาวพุ่งออกมารัดเอวอีกฝ่ายไว้ก่อนจะดึงแรงๆ จนอีกฝ่ายตัวไปกระแทกกับกำแพงก่อนจะล้มหนักๆ ลงบนพื้น อีกฝ่ายกระอักเลือดออกมาแล้วสิ้นสติไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังสู้กันอย่างดุเดือด เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นทำให้องครักษ์ที่ฝึกการต่อสู้อยู่ในจวนพากันมาที่นี่ด้วยความตกใจ องครักษ์เฉาพาองครักษ์สามสิบกว่านายที่ฝึกปรือมาดีแล้วรีบมายังห้องที่เกิดเหตุ “เกิดอะไรขึ้น ทุกคนหยุดมือเดี๋ยวนี้!”
เฉียวเวยจัดการองครักษ์คนสุดท้ายเสร็จก็ถอนหายใจยาว หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ
ตรงสนามมีคนนอนอยู่สองคน ในห้องมีล้มอยู่สี่คน องครักษ์เฉาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“เจ้ารู้จักพวกเขาหรือไม่” เฉียวเวยถาม
องครักษ์เฉาส่ายหน้า “ไม่รู้จักขอรับ เอ๋? เหตุใดถึงอยู่ในอาภรณ์แบบพวกเราได้
จีซั่งชิงทำสีหน้าบึ้งตึง “พวกเขาเป็นองครักษ์ของข้า เพิ่งกลับมาที่จวนวันนี้”
“นายท่าน” องครักษ์เฉาประสานมือคารวะ
จีซั่งชิงบอกว่า “ไล่ศิษย์ของซู่ซินจงออกไป”
เฉียวเวยขมวดคิ้ว
“เจ้าอีกคน” จีซั่งชิงหันไปมองเฉียวเวย ออกคำสั่งไล่โดยไม่มีลังเล
องครักษ์เฉาถึงกับตาค้าง นายท่านน่ากลัวคงกินยาอะไรผิดเข้าไปกระมัง เหตุใดกระทั่งฮูหยินน้อยกับคุณชายรองก็ยังไล่ออกไปด้วย
ในขณะที่องครักษ์เฉากำลังงุนงงไม่รู้จะทำเช่นไรอยู่นั้น ตรงสนามก็มีเสียงหมิงอันตะโกนบอกเสียงสูงว่า “อัครเสนาบดีมา—”