หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 354-2 หวานๆๆ ทารุณสวินหลัน
ตอนที่ 354-2 หวานๆๆ ทารุณสวินหลัน
ใครจะรู้ว่าเมืองที่ตนไม่ได้เห็นเป็นสาระ กลับขวางการโจมตีของเขาไว้ได้หลายครั้ง จีหมิงซิวใกล้จะกลับมายังเมืองหลวงแล้ว ด้วยความร้อนใจเขาถึงได้ผลักอาจารย์ไสยเวทออกไป
อาจารย์ไสยเวทที่มาครั้งนี้เดิมทีมีภารกิจสำคัญติดตัว เพื่อให้แน่ใจว่าภารกิจนี้จะเป็นความลับ แม้แต่ฟู่เสวี่ยเยียนก็ยังไม่รู้ว่าอาจารย์ไสยเวทมาอยู่ที่จงหยวนแล้ว แต่ใครจะคิดว่ายังไม่ทันทำภารกิจสำเร็จ…ก็ถูกจับตัวไปเสียแล้ว!
มู่ชิวหยางเดือดดาลจนเกือบกระอักเลือด เขาจับจ้องพวกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยที่ขวางทางเขาอยู่พลางเอ่ยด้วยความระมัดระวังว่า “พวกเจ้าคิดจะเอาอย่างไรกันแน่”
“ให้ตายสิ เจ้าจะตื่นเต้นเพียงนั้นไปไย ข้าสู้เจ้าไม่ได้เสียหน่อย” นี่เป็นความจริง มู่ชิวหยางถึงแม้จะเป็นเสือที่ติดหล่ม แต่ความสามารถของเขาก็ไม่อาจประมาทไปได้ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเจอกับตัวไปคราหนึ่งเมื่อครั้งอยู่ชนเผ่าลึกลับ บทเรียนยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้กลับมาทำให้เขาไม่กล้าถือดีว่าตนเก่งอีก
มู่ชิวหยางเอ่ยเสียงเย็นว่า “เช่นนั้นเจ้ามาทำอะไร”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเอ่ยน้ำเสียงสบายๆ “นายน้อยของข้าให้ข้านำความมาบอกเจ้า หากเจ้าคิดจะไถ่ตัวอาจารย์ไสยเวทของตำหนักอ๋องเจ้ากลับไป ก็ให้นำทองคำหนึ่งแสนตำลึงไปที่ป่าเล็กแถวสำนักชีไป๋เย่ว์ที่อยู่ทางใต้ของเมือง เมื่อได้เงินแล้วถึงจะปล่อยตัวเขาไป”
เงินมาตัวไปนี้เป็นคำที่ใช้กันมาแต่โบราณ ภาษาฮั่นของมู่ชิวหยางนับว่าดีพอใช้ จึงฟังออกว่าเป็นการเปรียบเปรย แต่ทองคำหนึ่งแสนตำลึงนี่… จำนวนเงินมากเพียงนี้เขาจะไปเอามาจากที่ใด
หนำซ้ำที่นี่ยังไม่ใช่เยี่ยหลัวอีก!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยระบายยิ้ม “เจ้ามีเวลาหนึ่งคืน”
สายตาของมู่ชิวหยางลอบสั่นไหว “เจ้าให้เวลาข้ารวบรวมเงินหนึ่งแสนตำลึงหนึ่งคืน? จะเป็นไปได้อย่างไร!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแบมือ “จะทำได้อย่าไงรนั้นเป็นเรื่องของเจ้า หากเจ้ารวบรวมเงินมาไม่ครบ พวกเราก็จะฉีกข้อตกลงนี้ทิ้ง!”
…
จีหมิงซิวถึงแม้จะไม่ใช่คนเกียจคร้าน แต่เรื่องที่ทำวันนี้ได้จะไม่มีทางผัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด เป็นต้นว่าเรื่องการจัดการจีซั่งชิง เช่นว่าเรื่องเก็บกวาดมู่ชิวหยาง และเช่นว่าจะจัดการคนที่ไม่ควรมาปรากฏอยู่ในบ้านตระกูลจีอย่างไร
แต่เรื่องข้างบนทั้งหมดรวมกันแล้ว ยังสู้เรื่องถัดจากนี้ไม่ได้
“ท่านจะไม่พักสักหน่อยเลยหรือ ดูสิท่านผ่ายผอมไปหมดแล้ว เร่งรีบเดินทางคงลำบากมากกระมัง” บนรถม้า เฉียวเวยลูบใบหน้าที่เพิ่งโกนหนวดเสร็จใหม่ๆ ของเขาด้วยใจที่นึกสงสาร
จีหมิงซิวดึงมือนางไปแตะที่ริมฝีปาก “ข้าไม่เหนื่อย”
เฉียวเวย “ท่านนอนพักสักหน่อยเถิด ไว้ถึงแล้วข้าจะเรียกท่านเอง”
จีหมิงซิวยังไม่ขยับตัว แค่เพียงมองนางนิ่งๆ สายตาที่เร้าร้อนหยุดมองใบหน้าของภรรยา ใจของเฉียวเวยเลยแทบจะละลายให้ได้เดี๋ยวนั้น
เฉียวเวยพลิกตัวไปปิดตาเขาไว้ “ไม่ต้องมองแล้ว”
หากยังมองอีกข้ากลัวจะอดใจไม่ไหว จัดการท่านเสียบนรถม้านี้เลย!
จีหมิงซิวหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวตอนกลางคืนให้นะ”
เฉียวเวย “…”
“ถึงแล้วๆ รีบลงไปเถิด!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยนวดหูสองข้างที่เอาสำลียัดไว้ แทบอยากจะถีบพวกเขาสองคนที่เอาแต่โปรยความหวานใส่กันไม่หยุดลงไปเสียเดี๋ยวนั้น!
จีหมิงซิวลงจากรถม้า แล้วจึงอุ้มเฉียวเวยลงไปตาม
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเอามือปิดตา: ตาข้านี่หนา…
ตามปกติเฉียวเวยจะมารออยู่ที่ก่อนเวลาสองเค่อ แต่วันนี้เพราะต้องจัดการ “เรื่องในบ้าน” เลยทำให้เสียเวลาไปพักใหญ่ แต่ก็ยังมาทันเลิกเรียนพอดิบพอดี นางเห็นเด็กน้อยทั้งสามหิ้วถุงหนังสือของตนเดินนำอยู่ด้านหน้าฝูงชน
วั่งซูเดินพลางหันไปโบกมือให้กับลูกศิษย์อีกคนที่อยู่ข้างกาย “แล้วเจอกันนะพี่ลิ่น! แล้วเจอกันนะพี่อูซ่าน! แล้วเจอกันนะพี่เฟ่ยเหลียน!”
องค์ชายน้อยแห่งซยงหนีว์หน้าบูดบึ้ง แล้วองค์ชายอย่างข้าล่ะ?!
วั่งซูกำลังจะหันไปบอกลาองค์ชายน้อยจากซยงหนีว์ แต่กลายเป็นว่าพอหันไปก็เห็นท่านแม่กับท่านพ่อของตนเสียก่อน นางร้องว้าวเสียงดังก่อนจะยกขาสั้นๆ ของตนวิ่งจี๋เข้าไปหา!
“ท่านพ่อ!”
นางโผเข้าไปให้จีหมิงซิวกอด
เจ้าเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มและหอมกรุ่มพอให้ใจเขาเต็มตื้นขึ้นมาโดยพลัน เขาลูบศีรษะเล็กๆ ของบุตรสาว
มือน้อยๆ ของวั่งซูกอดคอเขาไว้ เอาหน้าเนื้อแน่นของตนซุกเข้ากับซอกคอบิดาพลางหอบหายใจแฮ่กๆ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยราวกับจะเป็นอะไรไปเสียให้ได้ เรียกได้ว่าฝีมือการแสดงย่ำแย่มากทีเดียว
จีหมิงซิวอุ้มบุตรสาวขึ้นมาพลางรู้สึกอดขำไม่ได้
ไม่เท่าไร จิ่งอวิ๋นก็วิ่งเข้ามา “ท่านพ่อ!”
จีหมิงซิวอุ้มจิ่งอวิ๋นขึ้นมา
เด็กสองคนไม่ได้พบหน้าบิดามานานจนเกือบลืมไปแล้วว่าอ้อมกอดของบิดาแท้จริงแล้วหอมหวนและแสนสบายเช่นนี้!
ไม่เหมือนกับอ้อมกอดของท่านแม่หรอกนะ แต่พวกเขาชอบมากๆ จริงๆ!
เด็กน้อยทั้งสองกอดไม่ยอมปล่อย แก้มน้อยๆ ซุกเข้าหาซอกคอของจีหมิงซิว สูดดมกลิ่นกายของบิดา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แค่รู้สึกว่าเวลานี้พวกเขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว! ถึงแม้ในความจริงก็ไม่ได้มีอะไรให้กลัวอยู่แล้ว…
ไม่เท่าไรหลิวเกอร์ก็สะพายถุงหนังสือเข้ามา เขาไม่กล้าให้พี่ใหญ่อุ้มหรอก เขากลัวพี่ใหญ่จะตาย
เขาเดินไปหลบอยู่ด้านหลังเฉียวเวย
เฉียวเวยจูงมือเขาขึ้นรถม้า
ตกเย็นเฉียวเวยลงครัวด้วยตนเอง ทำอาหารรสเลิศมาเต็มโต๊ะ มีทั้งซี่โครงทอด ปลานึ่งซีอิ้ว ลูกชิ้นเนื้อตุ๋นน้ำแกงเห็ด ลูกชิ้นเนื้อไก่…แล้วยังมีแป้งหนึบชุบน้ำตาลเป็นประกายวาวใสหนึ่งชาม กับปูหนึ่งอีกหนึ่งหม้อใหญ่
จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูช่วยล้างของ จิ่งอวิ๋นล้างผัก เขาเป็นคนละเอียดจึงล้างจนสะอาดทุกก้านทุกใบ วั่งซูล้างปู กระดอกปูถูกนางขัดจนบางลงไปชั้นหนึ่ง
ใต้เท้าเจ้าสำนักไปเรียกฟู่เสวี่ยเยียนที่เสี่ยวอวี่เซวียน “อาหารเย็นเสร็จแล้ว! พี่สะใภ้ข้าลงครัวเองเลยนะ ข้าจะบอกให้ฝีมือการทำอาหารของนางยอดเยี่ยมไปเลย!”
ฟู่เสวี่ยเยียน “เอ๊ะ…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักจูงมือนางไว้ไม่ยอมให้นางสะบัดมือออก แล้วลากนางออกจากเรือนไป
…
กับข้าวเสร็จหมดแล้ว ตอนจัดจานเห็นว่าดอกกุ้ยฮวาไม่พอใช้ เฉียวเวยเห็นว่าที่หน้าประตูบ้านชิงเหลียนมีต้นกุ้ยฮวาอยู่ นางเลยถือตะกร้าไปเด็ดดอกกุ้ยฮวามาจากตรงนั้นเสียเลย
จีหมิงซิวตามนางออกไปราวกับเงาตามตัว
เดิมทีอากาศก็ร้อนอบอ้าวอยู่แล้ว เขายังทำตัวติดกับนางเช่นนี้อีก เฉียวเวยเลยรู้สึกว่าแผ่นหลังนางเหมือนมีเตาไฟที่คุกรุ่นกำลังแผดเผาอยู่
เฉียวเวยกดมุมปากที่อยากจะยกขึ้นของตนเอาไว้ “อย่าซนสิ”
ทั้งสองเดินไปถึงใต้ต้นกุ้ยฮวา เฉียวเวยแค่กระโดดนิดหน่อยก็เด็ดได้แล้ว แต่จีหมิงซิวกลับอุ้มนางขึ้นมาให้นางนั่งอยู่บนหัวไหล่ตน
นางขึ้นมาขี่คออัครเสนาบดี หากมีใครพูดออกไป เหล่าฮูหยินเป็นได้เป็นลมไปแน่!
เฉียวเวยตีเขาเบาๆ “เดี๋ยวมีใครเห็นหรอก!”
ใต้เท้าอัครเสนาบดีไม่สนใจ “เห็นก็เห็นไปสิ”
“เอ๊ะ ท่านนี่…” เฉียวเวยเม้มปากที่ไม่รักดีของตนเอาไว้ อันที่จริงทิวทัศน์ก็ทิวทัศน์เดิม แต่ไม่รู้เพราะอยู่ใกล้ดอกกุ้ยฮวามากเกินไปหรือไม่ ถึงได้รู้สึกคล้ายว่าอากาศหอมหวานขึ้นมาเสียอย่างนั้น
สวินหลันเดินออกมาจากเรือนหลีฮวา ภาพที่นางเห็นคือ จีหมิงซิวยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวา ใบไม้สีเขียวต้องลมพัดโบกไปมา มีคนนั่งอยู่บนหัวไหล่เขา คนผู้นั้นกำลังตั้งใจเด็ดดอกไม้ เขาคอยมองนางนิ่งๆ นัยน์ตาอบอุ่น ทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนดูสงบนิ่ง
สวินหลันกำหมัดแน่น ปลายเล็บจิกแน่นเข้าไปในเนื้อจนเห็นเป็นรอยห้อเลือด