หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 397-2 ความพิโรธของจักรพรรดิ (1)
ตอนที่ 397-2 ความพิโรธของจักรพรรดิ (1)
ร่างกายของยิ่นอ๋องสั่นเทาเพราะความเจ็บปวดรุนแรงสาหัส ริมฝีปากแห้งผาก การเคลื่อนไหวเชื่องช้า เขาเหมือนจะอยากเอี้ยวตัวหนี ไม่ให้เฉียวเวยเห็นสภาพตอนนี้ของตนเอง แต่ฟุบตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นเนิ่นนานก็ไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่น้อย
เฉียวเวยปลดถุงน้ำข้างเอวออกมา แล้วประคองเขาป้อนน้ำให้สองอึก
เขามองเฉียวเวยอย่างตกตะลึง
เฉียวเวยถามเขาเรียบๆ “มองข้าเช่นนี้ทำอะไร”
เขาไม่ตอบ มีเพียงความอ้างว้างที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเพียงชั่วครู่
เฉียวเวยจ้องเขา “เหตุใดเจ้าต้องช่วยปิดบังให้คนร้าย เจ้าหวังว่าจะเหลือศัตรูที่แข็งแกร่งมาจัดการพวกเรา หรือกลัวพวกเราหันไปเล่นงานเขา หากเป็นอย่างแรก ถ้าเช่นนั้นข้าขอบอกเจ้าอย่างมั่นใจ ตอนอยู่ที่ชนเผ่าลึกลับเขาสังหารพวกเราไม่ได้ มาถึงต้าเหลียงยิ่งเป็นไปไม่ได้ หากเป็นอย่างหลัง ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้ชัดเจน เขาวางแผนทำร้ายชนเผ่าลึกลับ วางแผนทำร้ายท่านตาของข้า วางแผนทำร้ายข้ากับหมิงซิว หนี้แค้นนี้มิอาจอยู่ร่วมฟ้า ข้าไม่มีวันปล่อยเขาอย่างแน่นอน”
ร่างของยิ่นอ๋องแข็งทื่อ
เฉียวเวยสัมผัสได้ถึงอาการประหลาดของเขาจึงฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “เจ้ารู้แต่ว่าฝ่าบาทโปรดปรานหมิงซิว แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อบีบบังคับให้หมิงซิวกำจัดเผ่าเยี่ยหลัว ฝ่าบาทวางพิษร้ายใส่หมิงซิวอย่างไม่ลังเล”
ดวงตาของยิ่นอ๋องฉายแววตกตะลึงวูบหนึ่ง
เฉียวเวยยิ้มหยัน “คิดไม่ถึงใช่หรือไม่ ฮ่องเต้สุดท้ายก็เป็นฮ่องเต้ ในใจเขา ไม่ว่ายามใดสิ่งสำคัญที่สุดคือแผ่นดิน ดังนั้นหากเจ้ายังโง่เขลาไม่เลิกรา สุดท้ายเจ้าก็คงถูกฆ่าตายอยู่ในคุกใต้ดินทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าจริงๆ ต่อให้เจ้าไม่นึกถึงตัวเองก็ควรนึกถึงลูกของเจ้าบ้าง พวกนางเพิ่งจะได้รู้จักกับอาปาก็จะไม่มีอาปาเสียแล้ว เจ้าเป็นบิดาของพวกนาง ไม่รู้สึกปวดใจบ้างเลยหรือ”
มือของยิ่นอ๋องกำหมัดแน่น
เฉียวเวยกระซิบเสียงเบา “บอกข้า คนร้ายคือผู้ใด”
ยิ่นอ๋องเผยอปากอย่างช้าๆ เขากำลังจะเอ่ยคำพูด ทว่าจู่ๆ ลำคอก็รู้สึกถึงรสชาติหวานปะแล่ม จากนั้นร่างกายของเขาก็เอนล้มลงมาในอ้อมแขนของเฉียวเวย
เฉียวเวยตบหน้าเขา “เฮ้ย! เฮ้ย! เจ้าจะมาสลบไปเช่นนี้ไม่ได้สิ เจ้าตื่นเดี๋ยวนี้! เจ้ายังไม่ทันพูดเลยว่าคนร้ายคือผู้ใด เฮ้ย! ยิ่นอ๋อง! หลี่ยิ่น!”
เฉียวเวยโมโหจนทุบกำปั้นกับกำแพง!
นางวางยิ่นอ๋องลงบนพื้นแล้วหยิบยารักษาอาการบาดเจ็บภายในเม็ดหนึ่งออกมาป้อนให้คนที่พิงอยู่ในอ้อมแขน
ความจริงทหารราชองครักษ์กลุ่มนั้นก็ไม่ได้ยอมผ่อนปรนอะไรนัก ยิ่นอ๋องบาดเจ็บภายในหนักมากอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องรอเช้าวันพรุ่งนี้กว่าเขาจะได้สติ
เฉียวเวยปัดมือ ตั้งใจว่าออกไปแล้วจะมาใหม่วันพรุ่งนี้ แต่เพิ่งหมุนตัวหันหลังกลับก็พบจีหมิงซิว นางตกใจสะดุ้งโหยง “ท่านมาได้อย่างไร มาตั้งแต่เมื่อใด ไม่ส่งเสียงบอกกันบ้าง!”
จีหมิงซิวมองนางอย่างเย็นชา แล้วหันไปมองยิ่นอ๋องที่ไม่ได้สติแวบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
เฉียวเวยยืนทำหน้างงอยู่ตรงนั้น นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
จีหมิงซิวเดินดุ่มๆ ออกจากวังโดยไม่ยอมหันกลับมามองสักหน
เฉียวเวยมองยิ่นอ๋องที่อยู่บนพื้น เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเขาโมโหอะไร นางตบหน้าผากของตัวเองแล้วเดินไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
จีหมิงซิวก้าวเท้าเร็วมาก แต่เฉียวเวยเองก็ไม่ช้า นางใช้ท่าเท้าของตระกูลฮั่ว ก้าวเพียงสองสามก้าวก็ไล่ตามเขาทันแล้วคว้ามือของเขาไว้ นางเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ท่านฟังข้าอธิบายก่อนสิ เมื่อครู่ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เขาล้มลงมาเอง! ข้าผลักเขาออกเร็วมาก! ท่านน่าจะเห็นแล้วไม่ใช่หรือ”
แววตาของจีหมิงซิวเย็นชาจนน่ากลัว
“ข้าลงมาเค้นถามเพื่อจะหาตัวคนร้าย! ท่านอย่าใจแคบเช่นนี้สิ!”
จีหมิงซิวหยุดเดินแล้วหันมามองนางอย่างเย็นชา
เฉียวเวยกระแอมแล้วเอ่ยว่า “ท่านไม่ใจแคบหรอก ข้าใจแคบเอง…ข้า…ข้ามันคนไม่ละเอียดอ่อน”
จีหมิงซิวดึงมือของนางออกแล้วสะบัดแขนเสื้อขึ้นรถม้า
“นี่มีอะไรให้น่าโมโหนักหรือ ข้าก็แค่…” เฉียวเวยพูดได้ครึ่งเดียว สายตาของจีหมิงซิวก็แทบจะยิงทะลุร่างนางจนกลายเป็นกระชอน นางย่นคออย่างแค้นใจ “ก็ได้ๆ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรไปพบเขาตามลำพัง…ข้าเพียงคิดว่า…หากข้าไปหาเขาเองจะหลอกถามได้ง่ายกว่า…เข้าใจแล้วๆ! ไม่ไปหาแล้ว! หลังจากนี้จะไม่ไปหาอีกแล้วพอใจหรือไม่”
“ท่านจะโกรธอะไร นี่ข้าไม่ได้ทำเพื่อท่านหรอกหรือ”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
“เขาเป็นคนป่วย ข้าเป็นหมอ! ท่านเคยเห็นหมอคนไหนถีบคนป่วยออกบ้าง”
“พวกเราเป็นสามีภรรยากันมานานถึงเพียงนี้ ข้าเป็นคนเช่นไรท่านยังไม่รู้อีกหรือ ปฏิกิริยาของท่านจะเกินไปหน่อยหรือไม่!”
จีหมิงซิวลงจากรถม้าไปแล้ว พอได้ยินประโยคนี้เขาก็หันกลับมานิ่งๆ แววตาล้ำลึกจ้องมองนาง “หากมีสักวัน เจ้านึกเรื่องในอดีตขึ้นมาได้…”
เฉียวเวยถามอย่างงงวย “นึกเรื่องในอดีตขึ้นมาได้…แล้วอย่างไร”
จีหมิงซิวกลับไม่พูดต่อแล้ว เขาขมวดคิ้วเดินเข้าจวนไป
ยามที่เจ้าใส่ใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากเกินไป เจ้าก็จะหวาดกลัวการสูญเสีย
ต่อให้เป็นบุรุษผู้มีอำนาจมากที่สุดบนโลกใบนี้ก็เป็นดุจเดียวกัน
เฉียวเวยมองแผ่นหลังของเขา นางโมโหจนกระทืบเท้า “ไม่มีเหตุผลสักนิด!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถือแส้กระโดดลงมาจากรถม้าแล้วบิดขี้เกียจ “แม่หนู เจ้าจำเรื่องในอดีตไม่ได้จริงหรือ”
เฉียวเวยว่าอย่างขุ่นเคือง “จำไม่ได้แล้ว มันมีอะไรหรือ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถอนหายใจ “จำไม่ได้ก็ช่างมันเถิด”
เฉียวเวยพองขน “เจ้าอย่ามาเล่าครึ่งๆ กลางๆ ทำตัวเหมือนเขาได้หรือไม่”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเกาศีรษะ “โธ่ สรุปก็คือ…ก่อนหน้านี้ท่าน…ตกหลุมรักยิ่นอ๋องมากจริงๆ หนแรกที่ท่านพบยิ่นอ๋อง ยิ่นอ๋องก็เป็นเหมือนกับตอนนี้ ได้รับบาดเจ็บ ท่านช่วยยิ่นอ๋องไว้ ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม นายน้อยกลัวว่าท่านจะหวนกลับไปหารักครั้งเก่า กลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าก่อนกับยิ่นอ๋องอีกหนน่ะสิ!”
เฉียวเวยกลอกตา “ข้าจะไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าก่อนกับเขาได้อย่างไร ข้าไม่ใช่…”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเบิ่งตาโตมองนาง
เฉียวเวยกระแอมเบาๆ หนหนึ่ง “ช่างเถิด ไม่มีอะไร”